หากยังจำกันได้ เมื่อปลายปี 2014 ที่ผ่านมาปูเป้ได้ไปร่วมงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ของปี 2015 กับ Kiehl’s ซึ่งด้วยความตื่นเต้น เราก็รีบโพสบอกเลยจ้าว่ามีอะไรบ้าง แต่มีอยู่ชิ้นหนึ่งที่เขากำชับเลยว่าห้ามหลุดออกไปเด็ดขาด เรียกได้ว่าเป็นสินค้าตัวหลักของปี 2015 นี้เลยก็ว่าได้

 photo Kiehls Iris 02.png
Kiehl’s : Iris Extract Activating Treatment Essence (200ml / 2,000 THB) เป็นผลิตภัณฑ์กลุ่ม Treatment Essence หรือน้ำตบ ๆ บำรุงผิวตัวแรกจากแบรนด์สุดที่รักที่เราก็ถามมาตั้งหลายปีว่าเมื่อไหร่จะมีกับเขาบ้าง

ส่วนผสมที่ถูกชูเป็นตัวหลักก็คือสารสกัดจากรากของต้นไอริช หรือ Iris Florentina Root Extract ซึ่งในต่างประเทศอาจจะเรียกพืชในตระกูลไอริชที่พบบ่อยอย่าง Iris Florentina กับ Iris Germanica ว่า Orris ไปเลยทีเดียว (Iris Florentina เป็นสายพันธุ์ลูกผสมที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติของต้นไอริสสายพันธุ์ใกล้เคียง)

 photo Iris Flower.png
รากของต้นไอริสมีลักษณะเป็น “เหง้า” เหมือนขิงหรือข่า ซึ่งสามารถนำมาสกัดเป็นน้ำมันหอมระเหยได้ โดยรากของต้นไอริชถูกนำมาใช้เป็นยาแผนโบราณมานานทั้งในยุโรปและเอเชียทั้งในรูปแบบของการกินและการทา เนื่องจากรากของต้นไอริชมีสารประกอบของ Flavonoid หลายชนิด (หลัก ๆ เป็นพวก Isoflavone อย่าง Irilone, Irisolone, Irigenin, Tectoridin และ Homotectoridin) ซึ่งคุณสมบัติหลัก ๆ ของสารกลุ่มนี้ก็คือการต้านอนุมูลอิสระ และคุณสมบัติในการต้านการอักเสบ

อย่างไรก็ดี ยังไม่มีการศึกษาเกี่ยวกับสารสกัดจากรากของต้นไอริชที่มีต่อผิวโดยตรง ทำให้เรายังไม่รู้แน่ชัดว่าสารสกัดจากรากของต้นไอริชนี้ จะมีผลอย่างไรกับผิวในด้านอื่นบ้างนอกจากการต้านอนุมูลอิสระให้กับผิว รากของต้นไอริชก็อาจมีโอกาสก่อการระคายเคืองและอาการแพ้ได้ในบางคน ซึ่งใครที่กังวลหรือไม่แน่ใจในจุดนี้ คีลส์มีแซมเปิ้ลให้เราสามารถลองขอมาทดลองใช้ก่อนได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ จ้า

(Source : ORRIS, Phytochemical investigations on Iris germanica., Anti-inflammatory isoflavonoids from the rhizomes of Iris germanica., Antioxidant and radical scavenging properties of Iris germanica.)

นอกจากสารสกัดรากไอริชแล้ว ก็ยังมีส่วนประกอบอื่น ๆ อย่างเช่น Caprylol Salicylinc Acid หรือ Lipo Hydroxy Acid (LHA) ซึ่งพัฒนาโดยเครือ L’Oreal เอง ตัวนี้เขาเคลมว่าช่วยให้การผลัดเซลล์ผิวเสื่อมสภาพเป็นไปแบบเซลล์ต่อเซลล์เลยนะ จึงทำให้ผิวไม่ระคายเคืองและลอก แต่เราไม่มีข้อมูลอะไรมากมายว่า LHA ในความเข้มข้นเล็กน้อยนี้จะได้ผลแค่ไหน เพราะข้อมูลที่เขาตีพิมพ์มีแต่การเทียบว่า LHA 5-10% นั้นให้ผลเทียบเท่าการใช้ Glycolic Acid 20-50% ในการทำ Chemical Peel เลยทีเดียว (และเผื่อจะอยากรู้ เอสเซนส์ตัวนี้มีค่า pH ประมาณ 4.0-4.5 นะจ๊ะ)

(Source : Clinical tolerance and efficacy of capryloyl salicylic acid peel compared to a glycolic acid peel in subjects with fine lines/wrinkles and hyperpigmented skin.)

นอกจากนี้ที่เหลือก็เป็นสารที่ให้ความชุ่มชื้นอย่าง Sodium Hyaluronate กับ Glycerin และพวก Glycol ชนิดต่าง ๆ แล้วก็ Adenosine นิดหน่อย (ปกติตัวนี้จะถูกเคลมเป็นสารต่อต้านริ้วรอย แต่ทางคีลส์ไม่สื่อสารตัวนี้ออกมาเลย คิดว่าคงไม่ใช่ตัวหลักที่จะพูดถึง)

Ingredients : Aqua/Water, Butylene Glycol, Glycerin, Dipropylene Glycol, Alcohol Denat., Methyl Gluceth-10, Phenoxyethanol, PPG-6-decyltetradeceth-30, Chlorphenesin, Parfum/fragrance, Caprylol Salicylinc Acid, Tetrasodium EDTA, Iris Florentina Root Extract, Sodium Hyaluronate, Xanthan Gum, Citric Acid, Sodium Citrate, Adenosine, Limonene. (F.I.L. Code D167073/1)

 photo Kiehls Iris 03.png
เนื้อเอสเซนส์เป็นของเหลวใส มีความหนืดเล็กน้อย ปริมาณในการใช้อยู่ที่ประมาณเท่าเหรียญ 5 บาท เทลงบนฝ่ามือและลูบลงบนผิวหน้าและลำคอ หลังจากนั้นใช้ฝ่ามือประคบที่ผิวไปเรื่อย ๆ จนเอสเซนส์ซึมเข้าผิวดี เมื่อใกล้แห้งจะรู้สึกหนึบผิวนิดหน่อย ส่วนเมื่อเนื้อเอสเซนส์หลังแห้งแล้วจะทิ้งความหนึบไว้แค่ไหนขึ้นอยู่กับโทนเนอร์ที่ใช้เช็ดก่อนลงเอสเซนส์ รวมไปถึงเซรั่มที่ทาลงไปตามหลังด้วย

คนที่ผิวมันหน่อยสามารถลดปริมาณที่ใช้ลงได้ ส่วนตัวรู้สึกว่าเนื้อเอสเซนส์ลักษณะนี้ให้ความชุ่มชื้นกับผิวได้ดี แต่ทำให้การเลเยอร์ผลิตภัณฑ์หลายชิ้นทำได้ยากขึ้นเพราะมันจะรู้สึกเหนียว ๆ โดยเฉพาะในช่วงซัมเมอร์ที่อากาศค่อนข้างชื้น ทำให้ในช่วง 1 เดือนที่ลองผลิตภัณฑ์ตัวนี้นี้ปูเป้ต้องตัดผลิตภัณฑ์ที่ใช้ตามปกติไป หลายตัวเหมือนกัน

เอสเซนส์ขวดนี้เคลมว่าช่วยกระตุ้นให้ผิวดูอ่อนเยาว์ เรียบเนียนและดูกระจ่างใส และจากประสบการณ์ในการใช้ของตัวเอง ด้วยปริมาณในการใช้เท่าเหรียญ 5 บาท ทุกวัน เช้า – เย็น เป็นระยะเวลา 1 เดือนคงจะต้องบอกว่า สิ่งที่คาดหวังได้จากเอสเซนส์ตัวนี้คงจะเป็นเรื่องการให้ความชุ่มชื้น และทำให้ผิวนุ่มนวลดี คุณสมบัติในการเป็นแอนติออกซิแดนท์ของรากจากต้นไอริชนั้นเป็นสิ่งที่อาจไม่สามารถบอกผลลัพธ์ได้ในระยะเวลาเท่านี้

โดยรวมมองว่าเป็นเอสเซนส์น้ำที่พอใช้ได้ เป็นอะไรกลาง ๆ ที่ใช้ได้กับทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย ทุกสภาพิว แต่ไม่ถึงกับว้าวหรือโดดเด่นเฉพาะทางไหนเป็นพิเศษ เรื่องผิวจะดูอ่อนเยาว์ เนียน กระจ่างใสนั้น การให้ความชุ่มชื้นบนผิวชั้นนอกที่ดีพอจะช่วยให้เส้นริ้วเล็ก ๆ ดูจางลงและพื้นผิวที่ชุ่มชื้นนั้นจะไม่ค่อยขรุขระทำให้การสะท้อนของแสงที่ตกกระทบทำได้ดีขึ้น แต่นั่นก็เป็นคุณสมบัติหลัก ๆ ของเอสเซนส์น้ำที่เราหาได้ไม่ยากนัก

 photo Kiehls Iris 01.png


โดยสรุปแล้ว Kiehl’s : Iris Extract Activating Treatment Essence เป็นเอสเซนส์น้ำที่ออกแบบมาให้ใช้ได้กับทุกคนและทุกสภาพผิว คุณสมบัติหลัก ๆ ที่คาดหวังผลได้คือเรื่องของการให้ความชุ่มชื้นและการชะลอการเกิดริ้วรอยด้วยคุณสมบัติของการเป็นแอนติออกซิแดนท์

ในฐานะของแฟนของแบรนด์นี้ เรามองว่า Treatment Essence อันนี้มันไม่สุดอ่ะ คือมันไม่ได้แย่ แต่มันยังสมกับที่เราเฝ้ารอคอยมานาน และมันไม่โดดเด่นที่สุดเมื่อมองเทียบกับทรีตเมนต์เอสเซนส์ในท้องตลาด หรือแม้แต่กับแบรนด์ในเครือเดียวกัน ไม่ใช่สิ่งที่ฉันจะอยู่ไม่ได้หากขาดสิ่งนี้ไป อะไรประมาณนั้น

สำหรับคำถามว่า “จะแพ้มั้ย” “ใช้แล้วอุดตันรึเปล่า?” เป็นคำตอบที่ปูเป้บอกไม่ได้ครับ อาการแพ้เป็นสิ่งที่แตกต่างกันไปในทุก ๆ คน สำหรับการอุดตันนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลผิวโดยรวมของแต่ละคนเอง นอกจากนี้คนเรายังไวต่อการอุดตันของสารแต่ละตัวไม่เหมือนกันด้วย ดังนั้นก่อนจะซื้อผลิตภัณฑ์ใด ๆ ก็ตาม ควรทดสอบและทดลองใช้ก่อนทุกครั้ง

ข้อดี

– ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและนุ่มนวล
– ปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระ

ข้อเสีย

– สารสกัดจากรากของต้นอริชยังไม่มีการศึกษาว่ามีประโยชน์อย่างไรกับผิวหนังเมื่อนำมาทา
– มีส่วนผสมของน้ำหอม

***Sponsored Item***

– Kiehl’s : Iris Extract Activating Treatment Essence