เมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ปูเป้ได้ไปร่วมทริปกับแบรนด์ใหม่จากเกาหลีอย่าง Dr.G ซึ่งเป็นแบรนด์ภายใต้คลีนิค Gowoonsesang ที่มีสาขาในเกาหลีและต่างประเทศ ก็เป็นแบรนด์ที่คนไทยไม่คุ้นและไม่ค่อยได้ยินกันเท่าไหร่ แต่จากการหาข้อมูลเบื้องต้นใน Google ก็เห็นว่ามีขายที่ฮ่องกงใน SASA ด้วย สิ่งแรกที่ทำให้ปูเป้รู้สึกสนใจอยากไปร่วมทริปนี้คือเขาบอกว่าจะมีการไปเยี่ยมชมโรงงานผลิต แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ไปก็แอบเสียดายเหมือนกัน

 photo DrGTrip01.jpg
ในทริปนี้มี Blogger ทั้งหมด 5 คน ซึ่งก็เป็นคนที่เราคุ้นหน้าคุ้นตากันดีอย่าง ฟี่ MadKitty น้องทราย Mhunoiii น้องทราย Feonalita แล้วก็น้องแป้ง Kirari กับนักข่าวและรายการทีวีที่ไปร่วมทำสกู๊ปกันในทริปนี้

นี่เป้นครั้งแรกที่ได้บินกับสายการบิน Asiana ซึ่งปูเป้ชอบนะ หนังสือ Duty Free เธอหนาดี มีของให้เลือกเยอะสะใจ (เป็นเหตุผลที่แนวดีมะ 555) เปิดไปก็เจอผลิตภัณฑ์ Dr.G หรือ Gowoonsesang ด้วย ก็เริ่มใจชื้นขึ้นหน่อยว่าไม่ใช่แบรนด์ไก่กาอาราเล่ล่ะนะ มีขายในหนังสือ Duty Free ด้วย….

 photo DrGTrip02.jpg
ทริปนี้เป้นครั้งที่สองที่ปูเป้ได้มาเยือนเกาหลี ครั้งก่อนเป็นช่วง Autumn ที่อากาศกำลังจะเริ่มเหวี่ยงลงเป็นหนาว (วันแรกเจอ 14 องศา วันต่อมาเจอ – 3 จ้า ปรับตัวไม่ทันกันเลย) คราวนี้ลงเครื่องบินมาเราได้รับข่าวดีว่าอากาศวันนี้ -3 และอาจจะมีหิมะตกด้วย

เราเดินทางไปที่หมู่บ้านฝรั่งเศส ที่คงจะสวยทีเดียวเมื่อเป็นฤดูอื่น ๆ แต่ตอนนี้ต้นไม้หัวโกร๋นหมดภูเขา และอากาศก็หนาวม๊ากกกก น้ำจับตัวเป็นน้ำแข็ง เลยต้องเสียเงิน 20,000 วอน ให้กับหมวกไหมพรม และอีก 20,000 วอนให้กับถุงมือ ก่อนที่จะโดนความเย็นกัดจนต้องตัดมือก่อนกลับบ้าน…

หมู่บ้านฝรั่งเศษไม่มีอะไรเท่าไหร่ เป็นที่ให้มาถ่ายรูปาสวยๆ กับซื้อของที่ระลึก ซึ่งก็ไม่มีอะไรเท่าไหร่อีกเหมือนกัน อารมณ์เหมือนไปเที่ยว ปาลิโอ เขาใหญ่บ้านเรานั่นแหล่ะ

หลังจากนั้นเราก็ไป Trickeye Museum ที่ไม่ต้องถ่อมาถึงเกาหลีก็ได้ พัทยาก็มี แถมใหญ่กว่าด้วย ไม่ได้น่าสนใจ ไม่มีรูปถ่ายกับตรงนี้มาให้ชม

 photo DrGTrip03.jpg
ระหว่างทางที่จะไปกินอาหารกลางวัน ก็แอบชิมขนมที่ซื้อมาจากหมูบ้่นฝรั่งเศษ มันดูเหมือนกับบัตเตอร์ฟลายที่เป็นพายพัฟกรอบ แต่อันนี้นิ่ม ๆ ล่ะ ไม่แน่ใจว่ามันนิ่มเพราะซีลห่อไม่ดีหรือตั้งใจ…

อาหารกลางวันเป็นหมูสไลด์ต้มกับผักในน้ำซุป จืดมาก ไร้รสชาติ ผักดอง กิมจิก็ไม่อร่อย กินพอประทังชีวิต เป็นร้านที่เมหือนกับทำมาเพื่อรับคณะทัวร์อย่างเดียว เพราะอยู่ในตำแหน่งที่ไม่น่าจะขายได้ รอบ ๆ รกร้าง…

 photo DrGTrip04.jpg
หลังจากนั้นก็เดินทางไปเกาะนามิ ซึ่งเคยมาแล้วในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งสวยทีเดียว เหมาะที่จะถ่ายรูป แต่ก็ไม่มีอะไรให้ทำมากกว่านั้น มาชมธรรมชาติอย่างเดียว ซึ่งการมาในหน้าหนาวก็ยังโอเค ได้เห็นวิวที่แตกต่างไป ตอนนี้เราเริ่มเห็นหิมะเป็นละอองปลิว ๆ เบา ๆ ซึงในใจก็คิดว่า ได้เห็นแค่ละลองเล้ก ๆ ก็ดีใจแล้วล่ะ

 photo DrGTrip04_1.jpg
หนาวมาก Heat Teach 1 ตัว เสื้อเชิต 1 ตัว เสื้อกั๊ก 1 ตัว เสื้อหนาว 1 ตัว ไม่ช่วยอะไรชั้นเลย…..

 photo DrGTrip05.jpg
ไปถึงเกาะนามิ หิมะก็เริ่มโปรยเยอะขึ้น ได้วิวที่สวยงามทีเดียว ประทับใจ

 photo DrGTrip06.jpg
พี่ชาย ชั้นหนาวจุงเบย….

 photo DrGTrip07.jpg
นี่เป็นครั้งแรกจริง ๆ ที่ได้มาสัมผัสกับหิมะ เพราะว่าไปเที่ยว ตปท ทีไร ก็มักจะไปหน้าร้อน ไม่ก็ฤดูใบไม้ร่วง ไม่เคยเจอหิมะกะเขาสักครั้ง ครั้งนี้ก็ถือเป็นประสบการณ์ที่ดี จะได้รู้ว่าถ้าต้องไปเที่ยวแบบเจอหิมะอีกต้องเตรียมอะไรไปบ้าง

 photo DrGTrip08.jpg
เป็นธรรมเนียมที่คนมักพูดกันว่า ไม่เคยเห็นก็กราบซะ เอ้ากราบท่านหิมะหน่อย…

เนื่องด้วยความตาดี ทำให้เราเห็นว่าละอองหิมะที่ตกมา มันเป็นเกล็ดแบบ Snow Flake ในรูปภาพเลยล่ะ พยายามเอากล้องมือถือถ่ายได้ชัดที่สุดเท่านี้

 photo DrGTrip09.jpg
ระหว่างรอให้คนครบเพื่อลี้ภัยหิมะตกหนักไปขึ้นรถ เราก็มานั่งพักรอที่ร้านสะดวกซื้อ ที่นี่เองที่ทำให้เราได้พบขนมเกาหลีสุดอร่อยชิ้นใหม่ที่ไม่ค่อยมีใครพูดถึง (เขาบอกว่ามันพึ่งวางขายล่ะ) อร่อยมากกกกกกกกกกกกกกกก ถุงละ 1,200 วอน เจอที่ไหนก็เหมาหมด

 photo DrGTrip10.jpg
ตารางหลังจากนี้เราไม่ได้ทำอะไรมาก เพราะว่าหิมะตกหนัก รถติดมากเพราะขับเร็วไม่ได้ ทำให้โปรแกรมทุกอย่างถูกยกเลิก กว่าจะเดินทางไปถึงร้านอาหารเย็นก็สองทุ่มกว่าๆ ได้แล้ว

เนื้อย่างเกาหลี เป็นอาหารที่อร่อยที่สุดในทริปนี้ ผักสดกรอบอร่อย แต่ยังกินไม่ทันอิ่ม พนักงานในร้านก็มาปิดเตา ยกกระทะไล่แล้ว เอิ่ม….

เราไปพักโรงแรมระดับ 3 ดาว (มั้ง) ที่น่าดีใจคือมีอ่างอาบน้ำใหญ่มาก แช่ 2 คนได้สบาย ๆ แต่เนื่องจากวันนี้เราคงเหนื่อยกันมา รูมเมทกรนค่อนข้างดัง ก็เลยนอนไม่ค่อยหลับเท่าไหร่ (ไม่อยากโทษเขานะ เพราะเวลาเราเหนื่อยมากก็มีกรนเหมือนกัน แต่ปกติจะไม่นอนกรนล่ะ)

 photo DrGTrip11.jpg
เมื่อคืนหิมะตกหนักทั้งคืนเลย ตื่นเช้ามาเราเลยเห็นหิมะกองหนาเป็นคืบ ก็ได้เก็บภาพสวย ๆ ในวิวที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน

 photo DrGTrip12.jpg
ชักภาพหมู่เป็นที่ระลึกจ้า

 photo DrGTrip13.jpg
เราต้องเดินทางไปที่คลีนิค Gowoonsesang ตั้งแต่ 8 โมงเช้า ซึ่งเช้ามาก ไปถึงคลีนิคปุ๊ปก็ยังไม่เปิด ไม่รู้จะทำอะไร ก็เลยไปแกร่วที่ร้านกาแฟ Ily ได้พบว่าบราวนี่ชีสเค้กเขาเนื้อเนียนละมุนดีจัง ชอบ

และเนื่องจากปูเป้และเพื่อนร่วมกรุ๊ปบางส่วน ไม่ได้มีตารางทำทรีตเมนต์ในวันนี้ และทางคลีนิคไม่อนูญาติให้เราพักอยู่ในคลีนค ก็ไล่ให้เราลงมานอกตึก ตอนนั้นห้างก็ไม่เปิด ไม่มีอะไรให้ทำ จึงได้ไปอาศัยร่มเงาของราน Smoothy King แล้วหลับอยู่ประมาณสองชั่วโมง พลางคิดว่าชั้นจะรีบตื่นมาทำไมนะ…

อาหารกลางวันเป็นไก่ตุ๋นโสม ซึ่งก็จืด… ข้าวในไก่ก็แข็งกระด้าง คราวก่อนที่มากินอร่อยกว่านี้…

หลังจากนั้นก็พาเราไปตลาดทงแดมุน ซึ่งเป้นเหมือนประตูน้ำ พลาตินั่มบ้านเรา ซึ่งไม่มีอะไรจะให้ซื้อ เพราะว่าเสื้อผ้าหน้าหนาวแบกไปใช้บ้านเราก็ไม่ได้ ร้านเครื่องสำอางตรงนี้ที่ไกด์พาไปก็ไม่ลด ไม่มีโปโมชั่น ของแถมก็ไมได้เยอะอะไร

ข้าวเย็นเป็นสิ่งที่เราเฝ้ารอคอย เพราะไกด์โม้ตลอดเวลาว่าเราจะไปกินบุฟเฟ่ปูอลาสก้า พอไปถึงร้าน Olivia แถบเทียงดง เราก็รู้สึกดีใจในแว่บแรกที่เห็นร้านดูสวยงามดี แต่อาหารที่มีรสชาติปานกลาง บางอันก็แย่ บางอันเหมือนอาหารแช่แข็งมาอุ่นไมโครเวฟ

เมนูขาปูอลาสก้าก็เหมือนกับเก้าอี้ดนตรี มีอยู่ถาดเล้ก ๆ ที่ต้องแย่งชิงกับกรุ๊ปทัวร์อื่น และขาปูรสเหมือนกินยางลบ ไม่มีรสชาติ กระด้าง ปูทะเล ปูม้าบึ่งที่บ้านเราอร่อยกว่าล้านเท่า ขอบอก….

 photo DrGTrip14.jpg
ปูไม่ปลื้ม…

หลังจากทานอาหารเสร็จ เรามีเวลาประมาณ 1 ชั่วโมงในเมียงดง พร้อมกับข่าวดีว่า ในวันรุ่งขึ้นเราจะอดไปดิวตี้ฟรี ถ้าจะไปก็ต้องไปตอนนี้จ้า แม่เจ้า 1 ชั่วโมงกับดิวตี้ฟรี + เมียงดง ต้องบอกว่าเหมือนวิ่งมาราธอนมากกว่าไปช้อปปิ้ง เพราะกว่าจะถ่อไปถึง Lotte Duty Free จากร้านอาหารก็ 15 นาทีแล้วจ้า…

ที่ Lotte Duty Free มีโปรโมชั่นกับบัตร VISA พอดี บัตรพลาตินั่ม KTC ของเราได้ลดเพิ่ม 10% เลยนะ!!! หอบ Sulwhasoo กลับมาเพียบเพราะว่าถ้าซื้อ 5 ชิ้นขึ้นไปได้ลดเพิ่มอีก 5% เบ็ดเสร็จแล้วจึงถูกกว่าในบ้านเรา 30-35 % เลยล่ะ

หลังจากช้อปเสร็จก็รีบวิ่งกลับมาตลาดเมียงดงกับน้องทรายฟิ ที่นี่ร้านรวงต่างๆ โปรโมชั่นหนักมากจ้า Etude House ซื้อมาส์ก 10 แผ่น แถม 10 แผ่น นี่ถ้าไปซื้อตรงทงแดมุนที่ไกด์คนเกาหลีพาเข้าไป ไม่มีโปรแบบนี้นะ งานนี้เชื่อไกด์มีน้ำตาเช็ดหัวเข่า…

 photo DrGTrip15.jpg
แม้เวลาจะเหลือไม่มาก เราก็ยังแอบเล็งของกินเอาไว้ รูปซ้ายเป็นเหมือนคุกกี้เส้นๆ ม้วนเป็นก้อน ชุบช็อคโกแลต ดูสวยดี แต่ไม่อร่อยเลย แข็งเป็นหิน กินไปหิวน้ำมาก ทิ้งจ้า

รูปขวาเป็นต๊อกป๊อกกี เป็นเส้นแป้งข้าวหนึบ ๆ ในซอสรสเผ็ดหน่อย ๆ ปูเป้ชอบอะไรหนึบๆ อยู่แล้วเลยโอเคกับอันนี้นะ ที่สำคัญคือมันถ่วงท้องมาก ๆ ช่วยให้มีชีวิตผ่านพ้นคืนนี้มาได้หลังจากอาหารที่ไม่ประทับใจทั้ง 2 มื้อที่ผ่านมา

 photo DrGTrip16.jpg
แม้จะมีเวลาไม่มาก แต่ด้วยศักดิ์ศรีของนักช็อปแล้ว ห้ามกลับมามือเปล่า ทำได้แค่นี้แหล่ะ….

 photo DrGTrip17.jpg
หลังจากหลับเต็มที่จนตื่นสายเพราะได้ยานอนหลับจากน้องทราย (ขอบคุณหลาย ๆ นะ ไม่งั้นเจ๊คงเป็นศพก่อนกลับไทย) เราก็เดินทางไปยังคลีนิค Gowoonsesang ที่ย่าน กังนัม อีกครั้ง

พอได้เจอกับเจ้าขอคลีนิค หรือ Dr.Gun Young Ahn ซึ่งตอนแรกที่ได้ยินชื่อก็ไม่รู้จัก แต่พอได้เห็นหน้าก็ต้องร้ออ๋อ เพราะเคยรูปเวลาค้นหาข้อมูลเรื่องเครื่องสำอางเกาหลี (แต่ไม่เคยจำชื่อ) คุณหมอท่านนี้ค่อนข้างมีชื่อเสียงที่เกาหลีพอดู และได้ตีพิมพ์งานวิจัยในวารสารทางการแพทย์ที่น่าเชื่อถือด้วย

เขาก็เล่าถึงคอนเซปต์ของแบรนด์ว่าทำไมถึงทำ Dr.G ขึ้นมา เพราะเขาอยากใช้ประสบการณ์ของเขาในฐาณะของแพทย์ผิวหนังมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่คนไข้สามารถนำกลับไปใช้ที่บ้านได้ และมีประสิทธิภาพดี

น่าเสียดายนิดหน่อยที่พรีเซนเตชั่นที่ Dr.Gun Young Ahn นำมานำเสนอให้เราได้ดู เป็นภาพของการใช้ทรีตเมนต์และเครื่องมือของคลีนิค มากกว่าเป็นผลจากการใช้ผลิตภัณฑ์ Dr.G

 photo DrGTrip18.jpg
หลังจากนั้นเราก็ได้ไปเยี่ยมชมโดยรวมของคลีนิค Gowoonsesang ซึ่งไม่ใหญ่มาก แต่อุปกรณ์ครบ และผลิตภัรฑ์ของ Dr.G ก็มีให้เลือกมากมาย ครอบคลุมทุกความต้องการของผิวเลยทีเดียว

ในวันนี้ปูเป้มีคิวฉีด BOTOX กับ Dr.Gun Young Ahn ซึ่งเดิมทีทางทีมงานจะให้ฉีด Filler แต่ปุเป้ยืนยันว่ายังไงก็จะไม่ทำ เพราะวันรุ่งขึ้นต้องไปทำ Workshop และมีงานต่อที่เมืองไทย ยังไงการฉีด Filler ก็จะทิ้งอาการบวมและมีรอยเข็มเอาไว้ และหลังจากฮีดใหม่ๆ ก็ไม่ควรแต่งหน้า ดังนั้นเราฉีดไม่ได้แน่นอน (และเราก็พอใจในหน้าของเราอยู่แล้วนะ)

 photo DrGTrip19.jpg
ที่เลือกฉีด BOTOX เพราะว่าเรากังวลเรื่องกรามของเรามากกว่า เวลาเข้ากล้องแล้วหน้าจะบาน และ BOTOX ก็ไม่บวมด้วย รอยเข็มติ๊ดเดียวเอง ซึ่ง Dr.Gun Young Ahn ก็โชว์เทคนิค มือเบามาก และฉีดจึ้กเดียวเสร็จ แอบแปลกใจนิดหน่อยเพราะที่เคยทำมา 2 ครั้งก่อนโดยคุณหมอชาวไทย เขาจิ้มข้างละ 2 ครั้งที่กล้ามเนื้อสองจุด แต่ผลที่ได้ออกมาหลังจากผ่านไปเพียง 15 วันก็พบว่าหน้าเรียวลงเร็วมาจนหลายคนทักเลยล่ะ คุณหมอเก่งจริงแหล่ะ…

สำหรับใครที่อยากทราบข้อมูลของผลิตภัรฑื Dr.G มากกว่านี้ สามารถเข้าไปดูได้ที่ http://www.dr-g.co.th/ หรือ https://www.facebook.com/DrGthai

หลังจากนั้นเราก็ต้องรอคนอื่น ๆที่ทำ Filler เลยมาฝากท้องกันที่ร้าน Burger King หลังจากนั้นทัวร์ก็พาเราตระเวณไปยังศูนย์โสม ที่โม้เราทุกอย่างว่าผู้ใหญ่ เด็กเล็ก ก็ทานได้ ทานแล้วไม่ร้อน บลา ๆ ๆ

ขอบอกว่าอย่าไปเชื่อ เพราะว่ารอบก่อนซื้อมาหมื่นกว่าบาท ยังเหลือเต็มเลยจ้า ให้อาโกวกินก็บอกว่าคอแห้ง เจ็บคอ ป๊าม๊าก็ไม่กล้ากิน เลยต้องเอามากินเอง แต่เลือดกำเดาไหล คอเป็นร้อนใน สรุปว่าทิ้งมันไว้แบบนั้นแหล่ะ… เสียดายเงินมาก…

หลังจากศูนย์โสมก็พาเราไปต่อที่ศูนย์สมุนไพร มีการเอาสมุนไพรใส่โค้กแล้วเขย่า สรุปวาสีมันตกตะกอนลงมา เอากาแฟ 3-in-1 มาผสมกับสมุนไพร ไขมันก็แยกตัวออกมา แลดูเป็นปาหี่ขายตรงมาก ๆ เราเลยรีบหนีออกไปก่อน

ที่ต่อมาเป้นศูนย์พลอย อันนี้เราไม่ขอลง นั่งหลับบนรถทัวร์มีความสุขกว่า…

 photo DrGTrip20.jpg
หลังจากนั้นเราก็มาทานอาหารกลางวันแถบมหาวิยาลัยอะไรไม่รู้ มีเวลาประมาณ 20 นาทีให้เดินเล่น ก็รีบวิ่งหาร้าน Watson เพื่อสำรวจตลาดว่าเขามีอะไรขายบ้าง ก็เห็นว่ามี Dr.G เป็นชั้นใหญ่โตสวยงามอยู่ด้วยแหล่ะ (แต่เราไปซื้อมาส์ก 5 แถม 5 ของแบรนด์อื่นเป็นของฝากเพื่อนที่เมืองไทย)

 photo DrGTrip21.jpg
อาหารกลางวันเป็นไก่ผัดซอส ซึ่งเผ็ด กินไม่ค่อยได้เท่าไหร่ เลยรีบแยกตัวออกไปเดินเล่นหาอะไรกินกันเองกับเพื่อน ๆ Blogger ที่รัก

 photo DrGTrip22.jpg
หลังจากนั้นก็เดินทางกลับประเทศไทยกัน คราวนี้ได้นั่งกับน้องแป้ง Kirari และอาหารบนเครื่องบินก็คือข้าวยำเกาหลี หรือ บิบิมบับ แปลกแต่จริง มาเหยียบแผ่นดินเกาหลีไม่ได้กินบิบิมบับ แต่ได้มากินบนเครื่องตอนกลับไทย โอ้วเย…

โดยสรุปแล้วนี่เป้นทริปที่เหนื่อยใช้ได้ อาหารห่วย (อร่อยอยู่มื้อเดียว) และตารางดูเป็นทัวร์เกาหลีอันแสนน่าเบื่อสมบูรณ์แบบ ดูไม่เหมือนกับ Press Trip เลย รู้สึกเสียดายที่ได้ข้อมูลเกี่ยวกับแบรนด์น้อย และการที่ต้องเปลี่ยนโรงแรมทุกวัน กับการเดินทาง ทำให้เราเหนื่อยจนไม่ค่อยเหลือสมาธิจดจ่อกับงานเท่าไหร่

สำหรับใครที่มาอ่านแล้วรู้สึกอยากเปลี่ยนใจไม่ไปเกาหลี ต้องบอกว่าอาหารเกาหลีจริง ๆ อร่อย มีหลายที่เที่ยวที่น่าสนใจ เพียงแต่คุณอาจจะต้องจ่ายแพงหน่อยกับทัวร์ที่มีคุณภาพ จะได้มีความประทับใจกะประเทศนี้เยอะ ๆ

ขอจบเท่านี้ดีกว่าเนอะ…