เมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ปูเป้ได้ไปร่วมทริปกับแบรนด์ใหม่จากเกาหลีอย่าง Dr.G ซึ่งเป็นแบรนด์ภายใต้คลีนิค Gowoonsesang ที่มีสาขาในเกาหลีและต่างประเทศ ก็เป็นแบรนด์ที่คนไทยไม่คุ้นและไม่ค่อยได้ยินกันเท่าไหร่ แต่จากการหาข้อมูลเบื้องต้นใน Google ก็เห็นว่ามีขายที่ฮ่องกงใน SASA ด้วย สิ่งแรกที่ทำให้ปูเป้รู้สึกสนใจอยากไปร่วมทริปนี้คือเขาบอกว่าจะมีการไปเยี่ยมชมโรงงานผลิต แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ไปก็แอบเสียดายเหมือนกัน
นี่เป้นครั้งแรกที่ได้บินกับสายการบิน Asiana ซึ่งปูเป้ชอบนะ หนังสือ Duty Free เธอหนาดี มีของให้เลือกเยอะสะใจ (เป็นเหตุผลที่แนวดีมะ 555) เปิดไปก็เจอผลิตภัณฑ์ Dr.G หรือ Gowoonsesang ด้วย ก็เริ่มใจชื้นขึ้นหน่อยว่าไม่ใช่แบรนด์ไก่กาอาราเล่ล่ะนะ มีขายในหนังสือ Duty Free ด้วย….
เราเดินทางไปที่หมู่บ้านฝรั่งเศส ที่คงจะสวยทีเดียวเมื่อเป็นฤดูอื่น ๆ แต่ตอนนี้ต้นไม้หัวโกร๋นหมดภูเขา และอากาศก็หนาวม๊ากกกก น้ำจับตัวเป็นน้ำแข็ง เลยต้องเสียเงิน 20,000 วอน ให้กับหมวกไหมพรม และอีก 20,000 วอนให้กับถุงมือ ก่อนที่จะโดนความเย็นกัดจนต้องตัดมือก่อนกลับบ้าน…
หมู่บ้านฝรั่งเศษไม่มีอะไรเท่าไหร่ เป็นที่ให้มาถ่ายรูปาสวยๆ กับซื้อของที่ระลึก ซึ่งก็ไม่มีอะไรเท่าไหร่อีกเหมือนกัน อารมณ์เหมือนไปเที่ยว ปาลิโอ เขาใหญ่บ้านเรานั่นแหล่ะ
หลังจากนั้นเราก็ไป Trickeye Museum ที่ไม่ต้องถ่อมาถึงเกาหลีก็ได้ พัทยาก็มี แถมใหญ่กว่าด้วย ไม่ได้น่าสนใจ ไม่มีรูปถ่ายกับตรงนี้มาให้ชม
อาหารกลางวันเป็นหมูสไลด์ต้มกับผักในน้ำซุป จืดมาก ไร้รสชาติ ผักดอง กิมจิก็ไม่อร่อย กินพอประทังชีวิต เป็นร้านที่เมหือนกับทำมาเพื่อรับคณะทัวร์อย่างเดียว เพราะอยู่ในตำแหน่งที่ไม่น่าจะขายได้ รอบ ๆ รกร้าง…
เนื่องด้วยความตาดี ทำให้เราเห็นว่าละอองหิมะที่ตกมา มันเป็นเกล็ดแบบ Snow Flake ในรูปภาพเลยล่ะ พยายามเอากล้องมือถือถ่ายได้ชัดที่สุดเท่านี้
เนื้อย่างเกาหลี เป็นอาหารที่อร่อยที่สุดในทริปนี้ ผักสดกรอบอร่อย แต่ยังกินไม่ทันอิ่ม พนักงานในร้านก็มาปิดเตา ยกกระทะไล่แล้ว เอิ่ม….
เราไปพักโรงแรมระดับ 3 ดาว (มั้ง) ที่น่าดีใจคือมีอ่างอาบน้ำใหญ่มาก แช่ 2 คนได้สบาย ๆ แต่เนื่องจากวันนี้เราคงเหนื่อยกันมา รูมเมทกรนค่อนข้างดัง ก็เลยนอนไม่ค่อยหลับเท่าไหร่ (ไม่อยากโทษเขานะ เพราะเวลาเราเหนื่อยมากก็มีกรนเหมือนกัน แต่ปกติจะไม่นอนกรนล่ะ)
และเนื่องจากปูเป้และเพื่อนร่วมกรุ๊ปบางส่วน ไม่ได้มีตารางทำทรีตเมนต์ในวันนี้ และทางคลีนิคไม่อนูญาติให้เราพักอยู่ในคลีนค ก็ไล่ให้เราลงมานอกตึก ตอนนั้นห้างก็ไม่เปิด ไม่มีอะไรให้ทำ จึงได้ไปอาศัยร่มเงาของราน Smoothy King แล้วหลับอยู่ประมาณสองชั่วโมง พลางคิดว่าชั้นจะรีบตื่นมาทำไมนะ…
อาหารกลางวันเป็นไก่ตุ๋นโสม ซึ่งก็จืด… ข้าวในไก่ก็แข็งกระด้าง คราวก่อนที่มากินอร่อยกว่านี้…
หลังจากนั้นก็พาเราไปตลาดทงแดมุน ซึ่งเป้นเหมือนประตูน้ำ พลาตินั่มบ้านเรา ซึ่งไม่มีอะไรจะให้ซื้อ เพราะว่าเสื้อผ้าหน้าหนาวแบกไปใช้บ้านเราก็ไม่ได้ ร้านเครื่องสำอางตรงนี้ที่ไกด์พาไปก็ไม่ลด ไม่มีโปโมชั่น ของแถมก็ไมได้เยอะอะไร
ข้าวเย็นเป็นสิ่งที่เราเฝ้ารอคอย เพราะไกด์โม้ตลอดเวลาว่าเราจะไปกินบุฟเฟ่ปูอลาสก้า พอไปถึงร้าน Olivia แถบเทียงดง เราก็รู้สึกดีใจในแว่บแรกที่เห็นร้านดูสวยงามดี แต่อาหารที่มีรสชาติปานกลาง บางอันก็แย่ บางอันเหมือนอาหารแช่แข็งมาอุ่นไมโครเวฟ
เมนูขาปูอลาสก้าก็เหมือนกับเก้าอี้ดนตรี มีอยู่ถาดเล้ก ๆ ที่ต้องแย่งชิงกับกรุ๊ปทัวร์อื่น และขาปูรสเหมือนกินยางลบ ไม่มีรสชาติ กระด้าง ปูทะเล ปูม้าบึ่งที่บ้านเราอร่อยกว่าล้านเท่า ขอบอก….
หลังจากทานอาหารเสร็จ เรามีเวลาประมาณ 1 ชั่วโมงในเมียงดง พร้อมกับข่าวดีว่า ในวันรุ่งขึ้นเราจะอดไปดิวตี้ฟรี ถ้าจะไปก็ต้องไปตอนนี้จ้า แม่เจ้า 1 ชั่วโมงกับดิวตี้ฟรี + เมียงดง ต้องบอกว่าเหมือนวิ่งมาราธอนมากกว่าไปช้อปปิ้ง เพราะกว่าจะถ่อไปถึง Lotte Duty Free จากร้านอาหารก็ 15 นาทีแล้วจ้า…
ที่ Lotte Duty Free มีโปรโมชั่นกับบัตร VISA พอดี บัตรพลาตินั่ม KTC ของเราได้ลดเพิ่ม 10% เลยนะ!!! หอบ Sulwhasoo กลับมาเพียบเพราะว่าถ้าซื้อ 5 ชิ้นขึ้นไปได้ลดเพิ่มอีก 5% เบ็ดเสร็จแล้วจึงถูกกว่าในบ้านเรา 30-35 % เลยล่ะ
หลังจากช้อปเสร็จก็รีบวิ่งกลับมาตลาดเมียงดงกับน้องทรายฟิ ที่นี่ร้านรวงต่างๆ โปรโมชั่นหนักมากจ้า Etude House ซื้อมาส์ก 10 แผ่น แถม 10 แผ่น นี่ถ้าไปซื้อตรงทงแดมุนที่ไกด์คนเกาหลีพาเข้าไป ไม่มีโปรแบบนี้นะ งานนี้เชื่อไกด์มีน้ำตาเช็ดหัวเข่า…
รูปขวาเป็นต๊อกป๊อกกี เป็นเส้นแป้งข้าวหนึบ ๆ ในซอสรสเผ็ดหน่อย ๆ ปูเป้ชอบอะไรหนึบๆ อยู่แล้วเลยโอเคกับอันนี้นะ ที่สำคัญคือมันถ่วงท้องมาก ๆ ช่วยให้มีชีวิตผ่านพ้นคืนนี้มาได้หลังจากอาหารที่ไม่ประทับใจทั้ง 2 มื้อที่ผ่านมา
พอได้เจอกับเจ้าขอคลีนิค หรือ Dr.Gun Young Ahn ซึ่งตอนแรกที่ได้ยินชื่อก็ไม่รู้จัก แต่พอได้เห็นหน้าก็ต้องร้ออ๋อ เพราะเคยรูปเวลาค้นหาข้อมูลเรื่องเครื่องสำอางเกาหลี (แต่ไม่เคยจำชื่อ) คุณหมอท่านนี้ค่อนข้างมีชื่อเสียงที่เกาหลีพอดู และได้ตีพิมพ์งานวิจัยในวารสารทางการแพทย์ที่น่าเชื่อถือด้วย
เขาก็เล่าถึงคอนเซปต์ของแบรนด์ว่าทำไมถึงทำ Dr.G ขึ้นมา เพราะเขาอยากใช้ประสบการณ์ของเขาในฐาณะของแพทย์ผิวหนังมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่คนไข้สามารถนำกลับไปใช้ที่บ้านได้ และมีประสิทธิภาพดี
น่าเสียดายนิดหน่อยที่พรีเซนเตชั่นที่ Dr.Gun Young Ahn นำมานำเสนอให้เราได้ดู เป็นภาพของการใช้ทรีตเมนต์และเครื่องมือของคลีนิค มากกว่าเป็นผลจากการใช้ผลิตภัณฑ์ Dr.G
ในวันนี้ปูเป้มีคิวฉีด BOTOX กับ Dr.Gun Young Ahn ซึ่งเดิมทีทางทีมงานจะให้ฉีด Filler แต่ปุเป้ยืนยันว่ายังไงก็จะไม่ทำ เพราะวันรุ่งขึ้นต้องไปทำ Workshop และมีงานต่อที่เมืองไทย ยังไงการฉีด Filler ก็จะทิ้งอาการบวมและมีรอยเข็มเอาไว้ และหลังจากฮีดใหม่ๆ ก็ไม่ควรแต่งหน้า ดังนั้นเราฉีดไม่ได้แน่นอน (และเราก็พอใจในหน้าของเราอยู่แล้วนะ)
สำหรับใครที่อยากทราบข้อมูลของผลิตภัรฑื Dr.G มากกว่านี้ สามารถเข้าไปดูได้ที่ http://www.dr-g.co.th/ หรือ https://www.facebook.com/DrGthai
หลังจากนั้นเราก็ต้องรอคนอื่น ๆที่ทำ Filler เลยมาฝากท้องกันที่ร้าน Burger King หลังจากนั้นทัวร์ก็พาเราตระเวณไปยังศูนย์โสม ที่โม้เราทุกอย่างว่าผู้ใหญ่ เด็กเล็ก ก็ทานได้ ทานแล้วไม่ร้อน บลา ๆ ๆ
ขอบอกว่าอย่าไปเชื่อ เพราะว่ารอบก่อนซื้อมาหมื่นกว่าบาท ยังเหลือเต็มเลยจ้า ให้อาโกวกินก็บอกว่าคอแห้ง เจ็บคอ ป๊าม๊าก็ไม่กล้ากิน เลยต้องเอามากินเอง แต่เลือดกำเดาไหล คอเป็นร้อนใน สรุปว่าทิ้งมันไว้แบบนั้นแหล่ะ… เสียดายเงินมาก…
หลังจากศูนย์โสมก็พาเราไปต่อที่ศูนย์สมุนไพร มีการเอาสมุนไพรใส่โค้กแล้วเขย่า สรุปวาสีมันตกตะกอนลงมา เอากาแฟ 3-in-1 มาผสมกับสมุนไพร ไขมันก็แยกตัวออกมา แลดูเป็นปาหี่ขายตรงมาก ๆ เราเลยรีบหนีออกไปก่อน
ที่ต่อมาเป้นศูนย์พลอย อันนี้เราไม่ขอลง นั่งหลับบนรถทัวร์มีความสุขกว่า…
โดยสรุปแล้วนี่เป้นทริปที่เหนื่อยใช้ได้ อาหารห่วย (อร่อยอยู่มื้อเดียว) และตารางดูเป็นทัวร์เกาหลีอันแสนน่าเบื่อสมบูรณ์แบบ ดูไม่เหมือนกับ Press Trip เลย รู้สึกเสียดายที่ได้ข้อมูลเกี่ยวกับแบรนด์น้อย และการที่ต้องเปลี่ยนโรงแรมทุกวัน กับการเดินทาง ทำให้เราเหนื่อยจนไม่ค่อยเหลือสมาธิจดจ่อกับงานเท่าไหร่
สำหรับใครที่มาอ่านแล้วรู้สึกอยากเปลี่ยนใจไม่ไปเกาหลี ต้องบอกว่าอาหารเกาหลีจริง ๆ อร่อย มีหลายที่เที่ยวที่น่าสนใจ เพียงแต่คุณอาจจะต้องจ่ายแพงหน่อยกับทัวร์ที่มีคุณภาพ จะได้มีความประทับใจกะประเทศนี้เยอะ ๆ
ขอจบเท่านี้ดีกว่าเนอะ…