ตั้งแต่ช่วงกลางปีมานี้เราจะเห็นผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Hydration เติมความชุ่มชื้นออกมาสู่ตลาดกันอย่างคึกคักน่าดู บางคนอาจจะแปลกใจเพราะคิดว่านี่ยังไม่เข้าหน้าหนาวสักหน่อย ทำไมเราต้องมากังวลเรื่องผิวแห้งกันด้วยล่ะ?
ความชุ่มชื้นเป็นสิ่งสำคัญของผิวสุขภาพดีเพราะว่านอกจากจะทำให้ผิวมีความยืดหยุ่นและอ่อนนุ่มแล้ว ความชุ่มชื้นยังสำคัญต่อการทำงานของเอนไซม์ในผิวอีกด้วย ดังนั้นผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Hydration จึงเป็นสิ่งที่นิยมมากในประเทศญี่ปุ่น เกาหลี และประเทศจีน
ช่วงกลางปีจะเป็นช่วงซัมเมอร์ของประเทศที่อยู่เหนือเราขึ้นไปและในอากาศที่ร้อนชื้นและอบอ้าวนี้ จะทามอยซ์เจอไรเวอร์เนื้อหนักข้นก็คงไม่ไหว ครั้นเนื้อบางเบาไปบางทีก็ให้ความชุ่มชื้นไม่เพียงพอ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีความสมดุลทั้งในแง่ของการมอบความชุ่มชื้นที่ดีโดยที่ยังคงเนื้อสัมผัสที่น่าพึงใจในสภาพอากาศช่วงหน้าร้อนนี้จึงเป็นโจทย์ที่บรรดาแบรด์เครื่องสำอางต้องตีให้แตก ซึ่งจากที่เห็นที่ออกมาในช่วงนี้เราจะเห็นผลิตภัณฑ์ในรูปแบบของเจล เจลครีม และเอสเซนส์เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ Water Bank สูตรใหม่จาก Laneige
Mineral Ion มีขนาดที่เล็กมากและสามารถส่งผ่านเข้าสู่เซลล์ผิวและชั้นผิวได้อยู่แล้ว (นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมคนถึงได้มีอาการแพ้เมื่อสัมผัสกับโลหะบางชนิด อย่างนิกเกิล เพราะอิออนของนิกเกิลสามารถแทรกผ่านผิวชั้นนอกเข้าไปได้นั่นเอง) ทางแบรนด์เคลมว่าอิออนของแร่ธาตุทั้ง 6 ชนิดนี้จะแทรกลงไปในผิวเพื่อกระตุ้นการทำงานของยีน (Gene) 4 ชนิดที่มีความเกี่ยวข้องกับระบบความชุ่มชื้นของผิว ยีนทั้ง 4 ชนิดที่ว่าคือ Loricrin, Filaggrin, SASPase และ Caspase-14
สรุปคอนเซปต์ของ Water Bank รุ่นใหม่แบบเข้าใจง่าย ๆ คือการเติมความชุ่มชื้นจากภายนอก พร้อมกับกระตุ้นการสร้าง Natural Moisturizing Factor เพื่อให้ผิวชุ่มชื้นจากภายในไปด้วยนั่นเอง
(Source : The stratum corneum comprises three layers with distinct metal-ion barrier properties, SASPase regulates stratum corneum hydration through profilaggrin-to-filaggrin processing. , Caspase-14 is required for filaggrin degradation to natural moisturizing factors in the skin., Moisturizing Different Racial Skin Types., Understanding the Role of Natural Moisturizing Factor in Skin Hydration, Quinoa, The Epidermal Skin Barrier , Betaine – trimethyl glycine: a review)
เอสเซนส์ขวดนี้ใช้ Glycerin กับ Butylene Glycol เข้ากับส่วนผสมของแร่ธาตุและสารสกัดที่ช่วยโอบอุ้มความชุ่มชื้นเอาไว้ โดยมีน้ำมันจาก Meadowfoam ที่อุมดมไปด้วยกรดไขมัน และ HYDROGENATED POLY(C6-14OLEFIN) เป็น Emollient หลักให้ผิวนุ่มลื่น และซิลิโคนในรูปแบบ DIMETHICONE เป็น Occlusive ลดการระเหยน้ำจากผิว โดยมีการใส่ซิลิโคนชนิดระเหยไวอย่าง CYCLOPENTASILOXANE กับ TRISILOXANE และ CYCLOHEXASILOXANE เพื่อช่วยปรับเนื้อสัมผัสให้ไม่เหนอะหนะ
สิ่งที่น่าสนใจคือแม้จะมีการเคลมถึงส่วนผสมของ Spanish Moss แล้วก็ยังคงมีการใส่สาร BETAINE ลงมาเพิ่มด้วย ซึ่งก็ไม่ได้ผิดอะไร แต่ก็ทำให้มองได้ว่าสารสกัดจาก Spanish Moss ถูกใส่มาเพิ่มเพื่อใช้เป็นส่วนผสมในการสร้างเรื่องราวเพื่อการสื่อสารในเชิงการตลาดมากกว่า
Ingredients : WATER, GLYCERIN, BUTYLENE GLYCOL, GLYCERETH-26, CYCLOPENTASILOXANE, HYDROGENATED POLY(C6-14OLEFIN),DIMETHICONE, LIMNANTHES ALBA (MEADOWFOAM) SEED OIL, TRISILOXANE, CYCLOHEXASILOXANE, CHENOPODIUM QUINOA SEED EXTRACT, MAGNESIUM SULFATE, ZINC SULFATE, MANGANESE SULFATE, CALCIUM CHLORIDE, ASCORBYL GLUCOSIDE, SALIX ALBA (WILLOW) BARK EXTRACT, TILLANDSIA USNEOIDES EXTRACT, CERATONIA SILIQUA (CAROB) FRUIT EXTRACT, DIMETHICONOL, BETAINE, AMMONIUM ACRLOYLDIMETHYLTAURATE/VP COPOLYMER, ETHYLHEXYLGLYCERIN, ISOPROPYL PALMITATE, CHONDRUS CRISPUS (CARRAGEEN),PHENYL TRIMETHICONE, PROPYLENE GLYCOL, PCA DIMETHCONE, HYDROGENATED LECITHIN, HYDROXYETHYL ACRYLATE/SODIUM ACRYLOYLDIMETHYL TAURATE COPOLYMER, DISODIUM EDTA, PHENOXYETHANOL, FRAGRANCE.
สัมผัสเมื่อใช้จะรู้สึกฉ่ำบนผิว และจะค่อยๆ แห้งไปกับผิวไปอย่างช้า ๆ เอสเซนส์ตัวนี้ใช้ได้กับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะคนที่มีปัญหาผิวขาดน้ำ คือหน้ามันแต่ขาดความชุ่มชื้นข้างใน และสำหรับผิวมันก็น่าจะใช้แทนมอยซ์เจอไรเซอร์ไปได้เลยในตอนกลางวัน
Ingredients : WATER, BUTYLENE GLYCOL, CYCLOPENTASILOXANE, ALCOHOL, DIPROPYLENE GLYCOL, CYCLOHEXASILOXANE, DIMETHICONE, CHENOPODIUM QUINOA SEED EXTRACT, MAGNESIUM SULFATE, ZINC SULFATE, MANGANESE SULFATE, CALCIUM CHLORIDE, ASCORBYL GLUCOSIDE, CHAMAECYPARIS OBTUSA WATER, GLYCERYL STEARATE, DICAPRYLYL CARBONATE, CETEARYL ALCOHOL, STEARIC ACID, AMMONIUM ACRYLOYLDIMETHYLTAURATE COPOLYMER, ETHYLHEXYLGLYCERIN, TRISILOXANE, POLYGLYCERYL-3METHYLGLUCOSE DISTEARATE, POLYSILICONE-11, PEG-100 STEARATE, HYDROGENATED LECITHIN, HYDROGENATED POLYISOBUTENE, HYDROXYETHYL ACRYLATE/SODIUM ACRYLOYLDIMETHYL TAURATE COPOLYMER, DISODIUM EDTA, PHENOXYETHANOL ,FRAGRANCE.
สิ่งที่ไม่โดนใจนักก็คือกลิ่นของน้ำหอมที่ไม่ใช่แนวที่ตัวเองชอบเท่าไหร่ รู้สึกว่ากลิ่นค่อนข้างเยอะเกินไปสำหรับเรานะ คือถ้าปรับลดลงหรือถ้าไม่มีเลยก็น่าจะดีกว่านี้
สำหรับคำถามว่า “จะแพ้มั้ย” “ใช้แล้วอุดตันรึเปล่า?” เป็นคำตอบที่ปูเป้บอกไม่ได้ครับ อาการแพ้เป็นสิ่งที่แตกต่างกันไปในทุก ๆ คน สำหรับการอุดตันนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลผิวโดยรวมของแต่ละคนเอง นอกจากนี้คนเรายังไวต่อการอุดตันของสารแต่ละตัวไม่เหมือนกันด้วย ดังนั้นก่อนจะซื้อผลิตภัณฑ์ใด ๆ ก็ตาม ควรทดสอบและทดลองใช้ก่อนทุกครั้ง
ข้อดี
– มีคอนเซปต์ในการให้ความชุ่มชื้นที่น่าสนใจ คือเติมทั้งจากภายนอกและกระตุ้นจากภายใน
– มีเนื้อสัมผัสที่ดี เหมาะกับสภาพอากาศและผิวของคนเอเชีย
– ให้ความชุ่มชื้นในระดับที่น่าพอใจสำหรับคนที่มีผิวผสมถึงผิวมัน และดียิ่งขึ้นเมื่อใช้เอสเซนส์คู่กับเจลครีม
ข้อเสีย
– มีส่วนผสมของน้ำหอม (และส่วนตัวไม่ชอบกลิ่นเท่าไหร่)
– บรรจุภัณฑ์แบบกระปุก (แม้จะไม่ได้มีส่วนผสมของสารต้านอนุมูลอิสระมากเท่าไหร่ แต่ก็มีเรื่องของความสะอาดอยู่ดี)
***Sponsored Item***
– Laneige : Water Bank Essence_EX
– Laneige : Water Bank Gel Cream_EX