ได้ยินคำร่ำลือของโอเอซิสใจกลางเมืองอย่าง PAÑPURI WELLNESS ที่ชั้น 12 ของ Gaysorn Village มานานแต่ก็ยังไม่เคยได้ไปสักทีทั้งที่ชีวิตเราก็วนเวียนไปงานอยู่แถวนั้นนั่นแหล่ะ ในโอกาสของวันคล้ายเกิดปีนี้ปูเป้ได้รับของขวัญสุดพิเศษให้ไปใช้บริการออนเซ็นและสปาที่นี่ ซึ่งประทับใจมาก อินมาก อยากจะมาป้ายยา เอ๊ย อยากจะมาบอกเล่าความดีงามของประสบการณ์ที่ได้สัมผัสมากันสักหน่อย

ความประทับใจแรกหลังจากเปิดประตูลิฟต์ก็คือความโล่งและกว้างขวางของล็อบบี้พร้อมโทนสีที่อบอุ่นของแสงไฟและวัสดุไม้และผนังหินที่ให้ความรู้สึกที่ก้าวข้ามจากโลกอันวุ่นวายมาสู่อีกโลกที่ดูสงบ พนักงานต้อนรับเราที่กำลังเหงื่อไหลไคลย้อยจากการเดินมาจากสถานีรถไฟฟ้าท่ามกลางอากาศอันแสนอบอ้าวของเดือนมีนาคมด้วยเครื่องดื่มเย็นประจำวันซึ่งทำมาจากกระชายผสมกับน้ำผึ้งและน้ำมะนาวให้ความเย็นสดชื่นหอมฟุ้งในปากแซมความเผ็ดซ่าเล็กน้อยของกระชายซึ่งวัตถุดิบทั้งหมดมาจากฟาร์มออร์แกนิค

ทาง PR ได้อัพเดทให้ฟังว่าทางแบรนด์ PAÑPURI ได้กำเนินแนวทางของการเป็นแบรนด์ที่ใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติและออร์แกนิคมากว่า 16 ปีแล้ว และปัจจุบันก็ได้ตั้งมาตรฐานให้สูงขึ้นด้วยการก้าวไปสู่การเป็นแบรนด์  Clean Beauty อย่างเต็มตัว โดยผลิตภัณฑ์กลุ่มแรกที่ได้ทำการสร้างสรรค์ขึ้นมาใหม่หมดอย่าง LOTUS DEFENSE™ จะเป็นตัวที่สะท้อนคุณค่าใหม่ที่ทางแบรนด์ยึดมั่นไว้ทั้งหมด


สำหรับคนที่ยังไม่คุ้นกับคำว่า Clean Beauty ถ้าจะให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คงเหมือนกับเทรนด์การ  Eat Clean นั่นแหล่ะ ที่วัตถุดิบแค่มาจากธรรมชาติหรือออร์แกนิคยังไม่พอ ยังต้องเป็นวัตถุดิบที่ไม่ผ่านกระบวนการที่ลดคุณค่าทางอาหาร ต้องอยู่ในสัดส่วนที่พอเหมาะและส่งผลดีต่อสุขภาพ ไม่มากไป ไม่น้อยเกิน ในเรื่องของความงามก็เช่นกัน

Clean Beauty นับเป็นเทรนด์ความงามที่มาแรงมากในวงการของเครื่องสำอางทั่วโลกโดยเฉพาะฝั่งยุโรปและอเมริกาเมื่อปี 2018 ที่ผ่านมาและมีแนวโน้มที่จะขยายและเติบโตต่อไปอย่างมากทำให้แบรนด์ไทยที่มีวางจำหน่ายทั้งในเอเชียและในยุโรปอย่าง PAÑPURI มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของตัวเองให้เข้ากับยุคสมัยที่กำลังมาถึง ซึ่งคำว่า  Clean ในที่นี้ไม่ใช่เพียงแค่ “สะอาด” ในแง่ของสุขอนามัย กระบวนการผลิต และส่วนผสมที่ปลอดภัยกับผู้ใช้ แต่ต้องมองไปยังภาพที่กว้างไปยิ่งกว่านั้นอย่างสังคมและสภาพแวดล้อมด้วย

การเกิดขึ้นของ Clean Beauty เป็นพลวัตล่าสุดที่ต่อเนื่องมาจากกระแสของ Natural Beauty ที่มีมานานก่อนหน้าโดยผู้คนเริ่มแสวงหาการเยียวยาจากธรรมชาติ แต่คนก็ได้ตระหนักต่อไปอีกว่าไม่ใช่ทุกอย่างจากธรรมชาติจะดีกับเราเสมอไป เพราะกระบวนการเพาะปลูกที่พึ่งพายาฆ่าแมลงและสารเคมีสังเคราะห์มากเกินไปรวมไปถึงกระบวนการแปรรูปต่าง ๆ นั้นส่งผลต่อคุณภาพและความปลอดภัยของส่วนผสมที่มาจากธรรมชาติได้ จึงตามมาด้วยเทรนด์ของคำว่า Organic ที่ความเป็นธรรมชาติต้องมาพร้อมกับความบริสุทธิ์ไม่เจือปนสารเคมีสังเคราะห์และยาฆ่าแมลง แต่คนก็คิดต่อไปว่าผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติที่มีความบริสุทธ์และปลอดภัยกับตัวเอง แต่ไม่ดีกับสภาพแวดล้อมหรือเอาเปรียบสังคมหรือเบียดเบียนสิ่งมีชีวิตอื่นร่วมโลกของเราก็อาจจะไม่ดีสักเท่าไหร่ จึงได้เกิด Clean Beauty ตามขึ้นมานั่นเอง

 

หลังจากได้สัมผัสกับผลิตภัณฑ์กลุ่ม LOTUS DEFENSE™ ที่ปรับใหม่หมดเพื่อให้รับกับแนวทาง Clean Beauty ของ PAÑPURI และต้องชื่นชมว่าเก็บรายละเอียดได้ค่อนข้างครบ ตั้งแต่กล่องกระดาษมาจากเยื่อไม้ที่ได้รับการรับรองจาก  FSC ว่ามาจากแหล่งที่มีการปลูกทดแทนและควบคุมเป็นอย่างดี หมึกพิมพ์มาจากถั่วเหลือง บรรจุภัณฑ์ที่ดูเรียบง่ายแต่ดูดีมีราคาใช้วัสดุที่มีคุณภาพ การเก็บงานที่เรียบร้อย และเห็นขวดโปร่งแสงแบบนี้ก็ไม่ต้องกังวลไปเพราะมีการเคลือบปกป้องยูวีเอาไว้แล้ว

ในแง่ของส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ทาง PR ก็เล่าว่าทางในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ Clean Beuty นั้นทาง PAÑPURI ก็มีการสร้าง TheZeroList™ ซึ่งเป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของ PAÑPURI ขึ้นมาเพื่อควบคุมการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของ PAÑPURI โดยให้คำมั่นสัญญาว่าส่วนผสมทั้งหมดนั้นจะไม่มีส่วนผสมที่ต้องห้ามใด ๆ จากกฏระเบียบของทุกประเทศทั่วโลก และยังรวมไปถึงการงดใช้ส่วนผสมที่ยังมีข้อกังขาในแง่ของความปลอดภัยกับมนุษย์เช่นสารกลุ่ม Paraben และพืช ​GMO ลดการพึ่งพาส่วนผสมที่ไม่ได้มาจากแหล่งที่สามารถปลูกทดแทนได้อย่างเช่นส่วนผสมที่มาจากปิโตรเลียมอย่าง  Mineral Oil แถมยังต้องมาจากแหล่งที่มีความรับผิดชอบต่อสภาพแวดล้อมและสังคม ไม่มีการทดสอบกับสัตว์ และไม่มีส่วนผสมจากสัตว์ เป็น 100% Vegan และปราศจากซิลิโคนอีกด้วย

ที่นำมาเล่านี้คือเป็นการสรุปคอนเซปต์ของ Clean Beauty ที่ทาง PAÑPURI หยิบขึ้นมาใช้ แต่ใครอยากทราบรายละเอียดว่า TheZeroList ที่เขาว่านั้นมีอะไรมากไปกว่านั้นอีกบ้างก็สามารถคลิกไปดูได้ที่เวปไซต์ของ PAÑPURI ได้เลยจ้า

สรุปง่าย ๆ ว่า Clean Beauty เป็นการเรียกร้องมาตรฐานที่สูงขึ้น เพราะไม่ใช่แค่ผลิตภัณฑ์ที่เราใช้จะต้องดีกับเรา แต่ต้องตอบคำถามต่อไปได้ว่าผลิตภัณฑ์ที่ใช้นั้นส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมและสังคมอย่างไรบ้าง ส่วนผสมต่าง ๆ ถูกผลิตและเก็บเกี่ยวอย่างเคารพต่อระบบนิเวศน์ในท้องที่หรือไม่? มีการบุกรุกทำลายป่าไหม? ส่วนผสมเหล่านั้นถูกซื้อในราคาที่เป็นธรรมกับกับผู้ผลิตหรือไม่? ส่วนผสมเหล่านี้ถูกทดสอบในสัตว์หรือมีส่วนผสมที่มาจากสัตว์ไหม? ส่วนผสมและบรรจุภัณฑ์ที่ใช้สามารถย่อยสลายหรือนำกลับมารีไซเคิลได้หรือไม่?

การปรับแนวทางใหม่ล่าสุดของ PAÑPURI จึงสอดคล้องกับกระแสความงามระดับสากลที่มองความงามไกลมากกว่าแค่ตัวของผู้ใช้เองแต่รวมไปถึงสิ่งรอบตัวอีกด้วย ความสวยที่มาพร้อมกับความสบายใจว่าสิ่งที่เราใช้สร้างผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมและสังคมน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

 

หลังจากการต้อนรับและคำแนะนำสถานที่จากทาง PR ปูเป้ก็เดินตาม พี่รัตน์ Therapist มือหนึ่งของที่นี่ไปยังห้อง Suite อันใหญ่โตกว้างขวาง พร้อมออนเซ็นส่วนตัว คอนเซปต์ของที่แห่งนี้คือทุกสิ่งที่สัมผัสกับร่างกายเราจะมาจากธรรมชาติและออร์แกนิค ตั้งแต่สิ่งที่คุณได้กินเข้าไป ผลิตภัณฑ์ที่คุณใช้ รวมไปถึงผ้าขนหนู ผ้าเช็ดตัว เสื้อคลุมอาบน้ำ แม้แต่รองเท้าแตะก็ยังออร์แกนิค!!! เราต้องล้างตัวก่อนให้เรียบร้อย ใส่เสื้อคลุมอาบน้ำ และก็จะมีการล้างและขัดเท้าก่อนที่จะปล่อยให้เราลงแช่ในออนเซนส่วนตัวอย่างสบายอุรา

ออนเซ็นส่วนตัวในห้องนี้ใช้น้ำแร่ที่นำมาจากเมืองคุซัทสึ (Kusatsu)ในเขตจังหวัดกุนมะ ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องแหล่งน้ำแร่ที่ดีเป็นอันดับต้นของญี่ปุ่นและมีสรรพคุณในการลดความปวดเมื่อยตึงของกล้ามเนื้อและการอักเสบของไขข้อ การได้แช่น้ำแร่ออนเซนที่อุ่นกำลังดีในห้องอันแสนสงบเป็นส่วนตัวโดยมีเพียงแผงกระจกที่แยกโอเอซิสนี้ออกจากความสับสนวุ่นวายของเมืองหลวงภายนอก 

หลังจากแช่ออนเซ็นครบ 30 นาทีก็ไปล้างตัวและเตรียมนวดหน้าด้วย PAÑPURI Signature LOTUS DEFENSE™ Skin Radiance Facial ซึ่งเป็นทรีตเมนต์ซึ่งใช้กลุ่มสกินแคร์ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาภายใต้คอนเซปต์ใหม่ที่ทาง PAÑPURI ภาคภูมิใจ สิ่งที่ปูเป้จำได้มีเพียงช่วงต้น ๆ กับช่วงท้ายของการนวดเท่านั้น เพราะหลังจากการกระตุ้นการไหลเวียนและผ่อนคลายที่ศรีษะ คอ บ่า ไหล่ และเริ่มทำความสะอาดหน้า ลงโฟมที่หอมฟินสุดพลัง พี่รัตน์ก็พานั่งไทม์แมชชีน รู้สึกอีกทีก็ไปถึงขั้นตอนการมาสก์หน้าและเริ่มนวดศีรษะและนวดแขนขาแล้ว น้ำหนักมือที่พอดีและท่านวดกับกลิ่นที่แสนสบาย แถมร่างกายยังผ่อนคลายมาจากการแช่ออนเซ็นไปอีก ไม่หลับก็แปลก

หลังจากที่เสร็จทรีตเมนต์ก็แต่งตัวให้เรียบร้อย จะมีน้ำชาและผลไม้ตามฤดูกาลมาให้เรานั่งชิล ๆ ได้ตามที่เราต้องการ ทาง PAÑPURI ยังมอบผลิตภัณฑ์ที่เป็นหัวใจสำคัญของกลุ่ม LOTUS DEFENSE™ กลับมาให้ทดลองใช้เพิ่มอีกด้วย แต่ด้วยความที่เรายังจำความฟินตอนที่ล้างหน้าได้เราเลยเดินมาซื้อโฟมล้างหน้ากลับมาใช้ที่บ้านด้วย กลิ่นมันฟินมาก และดูจากส่วนผสมก็ใช้สารทำความสะอาดที่อ่อนโยนแถมล้างออกมาผิวก็สะอาดโดยไม่แห้งตึงผิวด้วยล่ะ

 

การได้อ่านและพิจารณารายละเอียดของตัวผลิตภัณฑ์ LOTUS DEFENSE™ รวมไปถึงประสบการณ์ที่ PAÑPURI WELLNESS ทำให้ได้เข้าใจถึงความพยายามในการปรับแนวทางของแบรนด์ให้เป็น Clean Beauty ได้เป็นอย่างดี ทั้งหมดนี้ทำให้ PAÑPURI เป็นแบรนด์สัญชาติไทยที่มีศักยภาพทุกอย่างที่จะเป็นแบรนด์ระดับโลกได้จริง ๆ เพราะทำคอนเซปต์มาดี ดีเทลแน่น และมอบประสบการณ์ของการใช้ชีวิตที่ค่อนข้างชัดเจนผ่านตัวตน ผลิตภัณฑ์ ภาพลักษณ์ และสภาพแวดล้อมที่นำเสนอ วันนี้ PAÑPURI เดินทางมาไกลมากจากวันแรกเมื่อกว่า 16 ปีก่อนที่เราเคยเห็นเมื่อสมัยครั้งยังเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย จากแบรนด์สปาที่มีช็อปขนาดเล็กน่ารัก มาเป็น Wellness Brand ที่มีเซนเตอร์ขนาดใหญ่โตอลังการกลางเมือง และยังสบายปีกไปยังอีกหลายประเทศ

นอกจากในส่วนที่ปูเป้ได้ไปใช้บริการตรงนี้แล้วเขาก็ยังมีออนเซนรวม มีคลาสโยคะ ทำสมาธิและการเคลื่อนไหวอื่น ๆ ให้กับผู้มาใช้บริการด้วยล่ะ ส่วนตัวอยากจะไปลองนวดตัวที่นี่ดู เพราะวันที่ไปนวดกับพี่รันต์ ไหล่นี่เส้นตึงมาก ออฟฟิสซินโดรมขั้นสุด เพราะไม่ได้นวดตัวมาหลายเดือนแล้ว เดี๋ยวกลับจากทริปญี่ปุ่นคงต้องขอกลับมาซ่อมร่างสักหน่อยแล้วล่ะ

สำหรับใครที่สนใจไปลองใช้บริการของ PAÑPURI WELLNESS ก็แวะไปที่ชั้น 12 ของ  Gaysorn Village ได้ทุกวันตั้งแต่เวลา 10.00 – 23.00 หรือสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้โดยโทร  02-253-8899 นะฮะ

ขอบคุณทาง PAÑPURI ที่มอบโอกาสให้ปูเป้ได้สัมผัสกับประสบการณ์ดี ๆ ในโอกาสพิเศษของตัวเองด้วยนะครับ

***Spa Treatment & Products Sponsored by PAÑPURI***

Related Posts