เมื่อกลางปีที่ผ่านมาทาง  Shiseido ได้มีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Ultimuneใหม่ อย่าง Shiseido : UltimuneEye Power Infusing Eye Concentrate  ซึ่งในชุดของขวัญที่ทางแบรนด์มอบให้ก็ยังมี Shiseido : Ultimune Power Infusing Concentrate  ซึ่งปรับสูตรใหม่เมื่อกลางปี 2018 ที่ผ่านอีกด้วย

ก็เป็นเวลากว่า 5 ปีแล้วที่ปูเป้ได้ทำข้อมูลของของผลิตภัณฑ์ Ultimune ตัวดั้งเดิม เรามาอัพเดทกันดีกว่าว่าใน Ultimune สูตรใหม่ที่ใช้  ImuGeneration Technology มีการปรับปรุงและพัฒนาจากสูตรเดิมในแง่ใดบ้าง โดยปูเป้จะขอพูดถึงตัว Shiseido : Ultimune Power Infusing Concentrate  เป็นหลัก เนื่องจากในแง่ของส่วนประกอบของสารแอคทีฟนั้นก็จะอยู่ในตัว Shiseido : Ultimune Eye Power Infusing Eye Concentrate  เช่นกัน โดยตัว Eye นั้นจะเพิ่มส่วนผสมที่ช่วยเรื่องเสริมเกระาปกป้องผิวมาบางตัว มีเนื้อที่เข้มข้นกว่า และเทคโนโลยีที่ทางแบรนด์เคลมว่าช่วยลดการเสียดสีของผิวจากการกระพริบตาจึงช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยได้มากขึ้น

Product’s Formula

ในแง่ของส่วนประกอบนั้น Shiseido : Ultimune Power Infusing Concentrate  (15ml / 1,300 BAHT , 30ml / 2,600 BAHT , 50ml / 3,900 BAHT , 75ml / 5,300 BAHT) ก็มีส่วนผสมใหม่ที่เพิ่มขึ้น แต่ก่อนที่จะไปถึงรายละเอียดส่วนนั้นเราต้องเราจะมาย้อนทบทวนหลักการทำงานที่มีความโดดเด่นเฉพาะตัวของ Shiseido Ultimune อย่าง  Ultimune Complex กันเสียก่อน

Ultimune Complex ประกอบไปด้วยส่วนผสม 3 ชนิด ได้แก่ Beta-Glucan กับ Balgarian Rose Water และ Aqua-in-Pool ซึ่งเป็นการต่อยอดหลังจากที่ทางสถาบันวิจัยของ Shiseido ได้ค้นพบเป็นครั้งแรกว่า Langerhans Cell ในชั้นผิวไม่ได้ทำหน้าที่เป็นตัวรับและส่งสัญญาณเมื่อเจอสิ่งแปลกปลอมหรือสารก่ออาการแพ้เพื่อกระตุ้นให้ภูมิคุ้มกันทำงานแต่เพียงอย่างเดียว แต่ทว่า Langerhans Cell ยังมีหน้าที่ปกป้องผิวและตอบสนองโดยตรงกับปัจจัยลบภายนอก เนื่องจากตัวเซลล์นี้ถูกห่อหุ้มไปด้วยเอนไซม์ CD39 (endothelial ecto-nucleoside triphosphate diphosphohydrolase) ซึ่งทำหน้าที่ในการจัดการกับสัญญาณการอักเสบที่ถูกกระตุ้นขึ้นมาจากสิ่งเร้าภายนอก อย่างเช่นการอักเสบและการระคายเคืองจากรังสี UV สารเคมี แรงทางกายภาพ จึงทำให้ Langerhans Cell จึงทำหน้าที่ในการเป็นกลไกในการปกป้องตัวเองของผิวอีกด้วย

จำนวนของ Langerhans Cell ในชั้นผิวจึงมีส่วนในการคงสมดุลของผิวที่แข็งแรง และปริมาณของ Langerhans Cell ที่น้อยลงทำให้ผิวอ่อนแอและไวต่อสิ่งกระตุ้นจากภายนอกมากขึ้น ซึ่งจากเอกสารที่ทาง Shiseido ได้นำเสนอในงานประชุมทางวิชาการ และสิทธิบัตรชี้ว่า Sodium Carboxymethyl Beta-Glucan เป็นตัวหลักในการเสริมความแข็งแรงของ Langerhans Cell โดย Rosa Damascena Flower Water กับ PEG/PPG-17/4 Dimethyl Ether และ PEG/PPG-14/7 Dimethyl Ether (Aqua-in-Pool) จะทำงานแบบเสริมกัน (Synergy) ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

จากข้อมูลพบว่า Langerhans Cell นั้นน้อยลงไปตามอันเนื่องมาจากวัยที่เพิ่มขึ้นหรือแม้แต่การขาดธาตุอาหารบางชนิดอย่างสังกะสี ซึ่งส่วนผสมเชิงซ้อนของ Ultimune Complex สามารถช่วยปลุกพลังให้ Langerhans Cell เพิ่มจำนวนขึ้นได้ ทั้งในผิวของคนที่อายุน้อยและผิวที่อายุเยอะ

ข้อมูลใหม่ ที่ปูเป้ลองไปหาอ่านดูก็พบข้อมูลที่น่าสนใจว่าหาก Langerhans Cell ก็อาจไปเสริมประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ไวท์เทนนิ่งที่เราใช้ได้ด้วยด้วย โดยหลักการคือเมื่อผิวถูกกระตุ้นโดยปัจจัยลบจากภายนอก เซลล์เคราติโนไซด์จะมีการผลิตสาร ATP มากขึ้น และ ATP นี้ก็ไปกระตุ้นการทำงานของเซลล์ Melanocyte เพื่อผลิตเมลานินออกมาได้มากขึ้น ซึ่งเอนไซม์ CD39 ที่อยู่รอบ ๆ Langerhans Cell นี้มีคุณสมบัติไปลดการกระตุ้น ATP ที่จะไปกระตุ้นการผลิตเมลานินได้อีกทีนึง ซึ่งก็มีข้อมูลการวิจัยจากแหล่งอื่นที่ชี้ว่า ATP จากเซลล์ผิวมีผลต่อกระบวนการผลิตเมลานินจริง แต่ส่วนเรื่อง Ultimune Complex จะลดเมลานินหรือเสริมประสิทธิภาพในการใช้ผลิตภัณฑ์ไวท์เทนนิ่งได้แค่ไหนนั้นก็ยังไม่พบการศึกษาที่มีการตีพิมพ์เอาไว้ เอามาเล่าให้ฟังเฉย ว่าในทางทฤษฏีมันเป็นแบบนี้ แต่ในทางปฏิบัติคงต้องรอดูว่าจะมีการศึกษาอะไรที่ตีพิมพ์ในอนาคตรึเปล่าล่ะ

ใน Ultimune สูตรเก่ายังมีส่วนผสมของ  Thymus Serpyllum Extract ที่เขาจดสิทธิบัตรเอาไว้ว่าเป็นตัวช่วยต้านการอักเสบและการระคายเคือง  Ginkgo Biloba Leaf Extract ช่วยเรื่องลดเลือนริ้วรอย Perilla Ocymoides Leaf Extract หรือสารสกัดจากใบชิโซตัวนี้ไม่ค่อยมีข้อมูลจากแหล่งอื่นนอกจากข้อมูลจากผู้ผลิตว่าช่วยต้านการอักเสบและเสริมการไหลเวียนใต้ผิว

(Source : CD39 is the dominant Langerhans cell-associated ecto-NTPDase: modulatory roles in inflammation and immune responsiveness.Severe dermatitis with loss of epidermal Langerhans cells in human and mouse zinc deficiency.Liquid cosmetic materialShiseido skin protection research points to new skin care technology, Agent for sedating response to external stimulation in skin and method for sedating that response, Ex-vivo demonstration of the disruption of skin homeostasis and the role of extracellular ATP in the reaction, Fueling Melanocytes with ATP from Keratinocytes Accelerates Melanin Synthesis., Chemokine expression inhibitor, Cosmeceutical Critique: Ginkgo Biloba)

สำหรับส่วนผสมใหม่ที่ถูกเพิ่มขึ้นมา ก็จะมีในส่วนของ ImuGeneration Technology  ซึ่งได้แก่สารสกัดจากก้านของเห็ดหลินจือ Ganoderma Lucidum (Mushroom) Stem Extract ซึ่งก็เริ่มมีข้อมูลมาบ้างในช่วงหลัก ว่าเห็ดชนิดนี้อุดมไปด้วยสารกลุ่มน้ำตาลเชิงซ้อนและ Triterpenoids กลุ่ม Ganoderic Acid ที่หลากหลาย มีคุณสมบัติในต้านอนุมูลอิสระและลดเลือริ้วรอย ต้านการอักเสบ ต้านเอนไซม์ไทโรซิเนสที่ผลิตเมลานิน และต้านจุลชีพ มีศักยภาพในการนำมาใช้ในเครื่องสำอางได้ แต่เท่าที่ดูยังไม่มีการศึกษาแบบ In-Vivo ในมนุษย์มารองรับ

อีกส่วนผสมใน ImuGeneration Technology คือสารสกัดจากรากของต้นไอริส Iris Florentina Root Extract ซึ่งทาง  Shiseido มีการจดสิทธิบัตรเอาไว้ว่าสารสกัดจากรากของต้นไอริสนี้มีคุณสมบัติในกาพื้นบำรุงผิวเพื่อต่อต้านริ้วรอยได้ ส่วนข้อมูลอื่น รากของต้นไอริสถูกใช้เป็นยาแผนโบราณมานานแล้ว  เนื่องจากรากของต้นไอริชมีสารประกอบของ Flavonoid หลายชนิดซึ่งหลัก เป็นพวก Isoflavone อย่าง Irilone, Irisolone, Irigenin, Tectoridin และ Homotectoridin ซึ่งคุณสมบัติโดยรวมของสารกลุ่มนี้ก็คือการต้านอนุมูลอิสระเพื่อชะลอการเกิดริ้วรอย และคุณสมบัติในการต้านการอักเสบ อย่างไรก็ดี ยังไม่มีการศึกษาเกี่ยวกับสารสกัดจากรากของต้นไอริชที่มีต่อผิวออกมาตีพิมพ์ให้อ่านกันเท่าไหร่ นอกจากนี้รากของต้นไอริสก็มีสารประกอบที่มีกลิ่นหอมซึ่งอาจเป็นตัวกระตุ้นอาหารระคายเคืองหรือแพ้ในบางคนได้

ส่วนผสมใหม่ที่ถูกเพิ่มเข้ามายังมี Origanum Majorana Leaf Extract ซึ่งทาง Shiseido จดสิทธิบัตรว่าเป็นส่วนผสมที่ช่วยเสริมการสร้างไฮยาลูโรนิแอซิดตามธรรมชาติเพื่อให้ผิวมีความชุ่มชื้นยืดหยุ่น แต่ก็มีข้อมูลการศึกษาเกี่ยวกับพืชตัวนี้ในการนำมาใช้เป็นเครื่องสำอางอยู่จำกัดมาก  ส่วน Nelumbo Nucifera Germ Extract อันนี้ปูเป้หาข้อมูลไม่ได้เลยครับ ไม่แน่ใจว่ามีคุณสมบัติอย่างไรเมื่อนำมาทาบนผิว ข้อมูลไม่มี หาซัพพลายเออร์ยังไม่เจอ และมีผลิตภัณฑ์สกินแคร์ในท้องตลาดน้อยมาก ที่มีส่วนผสมตัวนี้ อันนี้จนปัญญาจริง แต่ถ้ามีข้อมูลเพิ่มเติมในอนาคตก็จะมาอัพเดทกันอีกที (กราบขออภัย)

(Source : The potential of Ganoderma lucidum extracts as bioactive ingredients in topical formulations, beyond its nutritional benefits., Mesenchymal-stem-cell induction agent, ORRISPhytochemical investigations on Iris germanica.Anti-inflammatory isoflavonoids from the rhizomes of Iris germanica.Antioxidant and radical scavenging properties of Iris germanica., Composition for enhancing hyaluronic acid productivity and method for preparing same)

ความเปลี่ยนแปลงอื่น คงจะมีในแง่ของโครงสร้างของเนื้อผลิตภัณฑ์ ในสูตรใหม่นี้มีสัดส่วนของ Dimethicone ซึ่งเป็นซิลิโคนชนิดเคลือบผิวที่น้อยลงกว่าสูตรเดิม และยังมีการเพิ่ม Trehalose ที่ช่วยเรื่องความชุ่มชื้นของผิวมาด้วย

Ingredients : Water (Aqua/Eua), Alcohol Denat., Glycerin, Butylene Glycol, PEG/PPG-17/4 Dimethyl Ether, Triethylhexanoin, Cyclohexasiloxane, Dimethicone, Phenoxyethanol, Trehalose, Ammonium Acryloyldimethyltaurate/ Beheneth-25 Methacrylate Crosspolymer, PEG-14M, Acrylates/C10-30 Alky Acrylate Crosspolymer, Tocopheryl Acetate, PEG/PPG-17/4 Dimethyl Ether, Rosa Damascena Flower Water, Fragrance (Parfum), Disodium EDTA, Potassium Hydroxide, Silica, Isoceteth-10, Linalool, Lauryl Betaine, Ginkgo Biloba Leaf Extract, Geraniol, Citronellol, Origanum Majorana Leaf Extract, Nelumbo Nucifera Germ Extract, Alcohol, Sodium Carboxymethyl Beta-Glucan, BHT, Thymus Serpyllum Extract, Perilla Ocymoides Leaf Extract, Sodium Bicarbonate, Iris Florentina Root Extract, Sodium Benzoate, Ganoderma Lucidum (Mushroom) Stem Extract.

Usage & Result

ในแง่ของเนื้อสัมผัส เนื้อผลิตภัณฑ์จะมีความบางและซึมเร็วกว่าสูตรเก่าเล็กน้อย แต่ให้ความชุ่มชื้นผิวได้พอ กัน ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีในแง่ที่ผลิตภัณฑ์ตัวนี้ถูกโพซิชั่นให้เป็นเซรั่มพื้นฐานในการเสริมความต้านทานของผิว ซึ่งใช้ได้ทุกเพศทุกวัย โดยใช้หลังการเช็ดโลชั่นน้ำหรือเอสเซนส์น้ำ ก่อนเซรั่มตัวอื่น ๆค่อยตามด้วยการบำรุงผิวตามปกติ

ปริมาณในการใช้คือ 2 ปั้มสำหรับทั่วใบหน้าและลำคอ ถ้าใช้เยอะไปจะเริ่มมีความหนึบบ้างเพราะเซรั่มตัวนี้มีบอดี้พอสมควร โดยการทดลองใช้นั้นผิวไม่ได้มีปัญหาอะไร นอกเหนือจากการขาดน้ำอย่างหนักและอิดโรยไม่สดใสจากการติดเชื้อในทางเดือนอาหาร  ก็รู้สึกว่าใช้แล้วรู้สึกว่าผิวมีความนุ่มและชุ่มชื้นขึ้น ยืดหยุ่นดีขึ้นจากที่ทรุดโทรม  (แอบพูดถึงตัว Eye นิดนึงละกัน เพราะก็ลองไปพร้อมกัน ขอบอกว่าเนื้อเข้มข้นมากแบบไม่ต้องทาอายครีมเพิ่มแล้วอ่ะ)

สำหรับในเรื่องกลิ่น มีความเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยจากสูตรเก่า กลิ่นของสูตรใหม่จะมีความสดชื่นขึ้น โดยส่วนตัวรู้สึกว่าเวลาดมเทียบกันแล้วเรารู้สึกดีกับกลิ่นใหม่มากกว่า โดยทางแบรนด์เคลมว่ากลิ่นหอมใหม่นี้คือเทคโนโลยี ImuCalm Compound ซึ่งช่วยให้ความรู้สึกผ่อนคลายได้ทันที ปูเป้รู้สึกสนใจเลยลองค้นข้อมูลดูก็พบว่าทางเครือ Shiseido มีการศึกษาผลของกลิ่นหอมที่มีต่อระบบประสาทและผลที่มีต่อผิวมาอย่างยาวนาน  และพบว่ามีการจดสิทธิบัตรของสิ่งที่น่าจะเป็นเทคโนโลยี ImuCalm Compound อันนี้เอาไว้ โดยอ่านรายละเอียดแล้วก็พบว่าเจ้า ImuCalm Compound นี้ก็คือเทคโนโลยีในการทำให้สารอะโรมาติกกลุ่ม Dimethoxybenzenes ซึ่งมีรายงานว่ามีคุณสมบัติเป็น Sedative Effect มีประสิทธิภาพสูงขึ้นและสร้างความรู้สึกสงบได้ในทันที โดยจากที่อ่านดูเขาเลือกใช้โทนกลิ่นดอกบัว Maihiren มาใช้เพื่อการนี้ครับ แต่อย่างไรก็ดีส่วนผสมของน้ำหอมและ fragrance component อื่น ก็มีโอกาสที่จะก่อปัญหาได้ในบางคนเช่นกัน

(Source : Sedative effect-providing agent and sedative fragrance composition containing the same)

Conclusion

โดยสรุปแล้ว Shiseido : Ultimune Power Infusing Concentrateเป็นการอัพเกรดทั้งในแง่ของการเพิ่มส่วนผสมที่ช่วยฟื้นบำรุงและปกป้องผิวมามากขึ้น นอกเหนือจาก Ultimune Complex ที่เดิมก็เป็นส่วนผสมที่มุ่งเน้นไปยังไงกลไกภูมิคุ้มกันของผิว เป็นการเสริมความแข็งแรงของผิวในรูปแบบที่ Unique ไม่เหมือนใครในท้องตลาดอยู่แล้ว อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีที่มาจากการพัฒนาของ Shiseido เอง สูตรใหม่ยังมาพร้อมกับเนื้อสัมผัสที่ใช้ง่ายขึ้น เบาบางกว่าเดิมเล็กน้อย แต่ยังคงให้ความชุ่มชื้นผิวได้ดีเหมือนเดิม พร้อมกับโทนกลิ่นใหม่ที่สดชื่นผ่อนคลายมากขึ้นอีกด้วย

ข้อจำกัดก็คงจำเป็นเรื่องของส่วนผสมหลายตัวนั้นเป็นข้อมูลและสิทธิบัตรเฉพาะของเครือ Shiseido ที่ยังหาข้อมูลจากแหล่งอื่นมาอ้างอิงสนับสนุนได้ไม่มากนัก และประเด็นเรื่องกลิ่นหอมที่มีเทคโนโลยีสิทธิบัตรเฉพาะในการเลือกสารประกอบของกลิ่นให้ได้ผลในแง่ของการทำให้รู้สึกสงบได้อย่างรวดเร็วแต่  fragrance component ในกลิ่นหอมก็ยังคงเป็นสิ่งที่ต้องพิจารณากลุ่มคนที่ไวต่อส่วนผสมของน้ำหอมอยู่ดี

สำหรับคำถามว่า “จะแพ้มั้ย” “ใช้แล้วอุดตันรึเปล่า?” เป็นคำตอบที่ปูเป้บอกไม่ได้ครับ อาการแพ้เป็นสิ่งที่แตกต่างกันไปในทุก ๆ คน สำหรับการอุดตันนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลผิวโดยรวมของแต่ละคนเอง นอกจากนี้คนเรายังไวต่อการอุดตันของสารแต่ละตัวไม่เหมือนกันด้วย ดังนั้นก่อนจะซื้อผลิตภัณฑ์ใด ๆ ก็ตาม ควรทดสอบและทดลองใช้ก่อนทุกครั้ง

***Sponsored Item***

Shiseido : Ultimune Power Infusing Concentrate 
Price :  15ml / 1,300BAHT , 30ml / 2,600 BAHT , 50ml / 3,900 BAHT , 75ml / 5,300 BAHT
Skin Type : All Skin Type / Dehydrated Skin
Outstanding :  Hydration / Antioxidant / Barrier Repair / Anti-Aging

Shiseido : Ultimune Power Infusing Concentrate
FORMULA
GENTLENESS
SENSORY
RESULT
PUPE LOVE IT
PROS
  • สูตรใหม่เนื้อบางเบากว่าเดิม แต่ส่วนผสมของสารบำรุงมากขึ้น
  • กลไกในการเสริมภูมิคุ้มกันของผิวมีความ Unique น่าสนใจ และไม่เหมือนใคร
  • ส่วนตัวรู้สึกช่วยฟื้นผิวที่อิดโรยได้ดี
CONS
  • มีส่วนผสมของน้ำหอม
  • ส่วนผสมหลายตัวเป็นเทคโนโลยีและสิทธิบัตรเฉพาะ หาข้อมูลจากแหล่งอื่นมาอ้างอิงได้น้อย
3.7Overall Score