หลังจากที่ได้ไปงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ Timetreasure EX เมื่อปลายเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมา ในที่สุดผลิตภัณฑ์ตัวนี้ก็เริ่มวางจำหน่ายในประเทศแล้วเมื่อต้นกันยายนที่ผ่านมานี้ มาดูกันดีกว่าว่าหนึ่งในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ปูเป้ชื่นชอบที่สุดของ Sulwhasoo มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง

 photo SWS TimeEX Serum 01.png
ผลิตภัณฑ์ที่จะเอามารีวิวในวันนี้เลือกมา 1 ตัวจากผลิตภัณฑ์ทั้งหมด 5 ชิ้น นั่นก็คือ Sulwhasoo : Timetreasure Renovating Serum EX (50ml / 10,500 THB) เพราะการเปลี่ยนแปลงในสูตรส่วนผสมหลัก ๆ จะมีแนวโน้มไปในทางเดียวกันล่ะ

สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างแรกคือการตัดส่วนผสมของ Jaumbowedan ซึ่งในอดีตเคยเป็นสมุนไพร 7 ชนิดที่เคลมว่าช่วยเสริมประสิทธิภาพของ Jaeumdan แต่เนื่องจากก่อนที่ผลิตภัณฑ์ตัวนี้จะวางจำหน่าย ทางแบรนด์ได้มีการอัพเดทสูตรของ Jaeumdan ซึ่งเป็นส่วนผสมพื้นฐานของแบรนด์ในผลิตภัณฑ์ First Care Activating Serum EX ไปแล้ว เขาเคลมว่ากรรมวิธีการสกัดแบบใหม่จะทำให้สารสกัดนั้นมีสารออกฤิทธิ์ที่มากขึ้น จึงเปลี่ยนชื่อเป็น JAUM Balancing Complex™ และไม่ต้องมี Jaumbowedan มาเสริมอีกแล้ว ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ว่ากลุ่ม Timetreasure EX ก็ใช้ส่วนผสมนี้ใหม่แทนเช่นกัน (เพราะออกมาทีหลัง) จึงตัดส่วนผสมของ Jaumbowedan ไปด้วย

ส่วนผสมหลักที่เคยมีและหายไปอีกอย่างก็คือสารสกัดจากเมล้ดพืช 5 ชนิดที่ผ่านกระบวนการ Germaination ทำให้โดยรวมแล้วส่วนผสมทั้งหมดของ Timetreasure Renovating Serum EX หายไปเยอะพอสมควร


แต่สิ่งที่เราได้มาทดแทนจากการตัดส่วนผสมเหล่านี้ออกไป คือเราจะได้ปริมาณสารสกัดจากต้นสนแดงเกาหลี ซึ่งเป็นหัวใจหลักของผลิตภัณฑ์นี้เพิ่มขึ้นเกือบ 5 เท่าเลยล่ะ ซึ่งเหตุผลที่เขาเน้นส่วนผสมนี้มากอาจจะเป็นเพราะการศึกษาใหม่ที่พึ่งตีพิมพ์เอาไว้ไม่นานมานี้เกี่ยวกับสรรพคุณของสารสกัดจากต้นสนแดงนี่แหล่ะ

 photo Timetreasure_DAA 1.png
การศึกษาที่ตีพิมพ์เมื่อไม่นานมานี้โดยเป็นความร่วมมือระหว่าง AmorePacific กับมหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัยของเกาหลีและญี่ปุ่นพบว่า สารสำคัญชนิดหนึ่งที่ได้จากเรซิ่นของต้นสนสายพันธุ์ Pinus densiflora และ Pinus sylvestris อย่าง Dehydroabietic Acid (DAA) นั้นมีสรรพคุณที่ช่วยกระตุ้นให้เซลล์มีการผลิตเอนไซม์ SIRT1 (Sirtuin1) มากขึ้น

SIRT1 เป็นหนึ่งในกุญแจสำคัญในการป้องกันตัวเองและอยู่รอดของเซลล์โดยทำหน้าที่ในการรับมือและต่อต้านกับความเครียดที่เกิดขึ้นจากกระบวนการทำงานของเซลล์ทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาการของเซลล์ กระบวนการเมตาบอลิซึ่ม การซ่อมแซม DNA และอื่นๆ อีกมากมาย สำหรับในแง่ของผิวพรรณนั้น SIRT1 ได้รับการศึกษาและยอมรับแล้วว่ามีส่วนสำคัญในการปกป้องเซลล์ผิวจากการความเครียดจากภายนอกไม่ว่าจะเป็นอุณหภูมิหรือรังสี UV เพื่อช่วยยืดอายุของเซลล์ให้นานขึ้น นอกจากนี้การศึกษาในสัตว์ทดลองยังพบว่าการที่ผิวมี SIRT1 ลดลงจะทำให้ชั้นปราการปกป้องผิว (Skin Barrier) นั้นอ่อนแอลงและไวต่อการกระตุ้นจากการสารก่ออาการแพ้ได้ง่ายขึ้น เมื่อผิวได้รับการกระตุ้นจากปัจจัยลบ คนที่มีอายุน้อยจะผลิตปริมาณ SIRT1 ออกมามากกว่าคนที่มีอายุเยอะ นั่นเป็นเหตุผลที่อธิบายว่าทำไมคนที่มีอายุน้อยจึงสามารถรับมือกับสิ่งรบกวนที่จะเข้ามาทำลายเซลล์ได้ดีกว่า

(Source : The natural phytochemical dehydroabietic acid is an anti-aging reagent that mediates the direct activation of SIRT1., Molecular Insights into SIRT1 Protection Against UVB-Induced Skin Fibroblast Senescence by Suppression of Oxidative Stress and p53 Acetylation., SIRT1 confers protection against UVB- and H2O2-induced cell death via modulation of p53 and JNK in cultured skin keratinocytes., Loss of sirtuin 1 (SIRT1) disrupts skin barrier integrity and sensitizes mice to epicutaneous allergen challenge., Sirtuins: A Breakthrough in Antiaging Research)

 photo Lipofuscin.png
การศึกษานี้ยังบอกว่าการที่ Dehydroabietic Acid สามารถกระตุ้น SIRT1 ให้เพิ่มขึ้นได้นั้น ยังส่งผลต่อการลดการสะสมของ Lipofuscin ซึ่งเป็นของเสียที่เกิดขึ้นจากกระบวนการออกซิเดชั่นของโปรตีนและไลปิดส่วนเกิน (อาจรวมไปถึงแร่ธาตุอื่น ๆ ) โดยก่อตัวเป็นของเสียสะสมรวมกันและมีสีเหลือง-น้ำตาล ซึ่ง Lipofuscin นี้แทรกอยู่ในทุกอวัยวะไม่เว้นแม้แต่ในเรติน่าของดวงตา ในกล้ามเนื้อหัวใจ และแน่นอนในชั้นผิวของเราด้วย นักวิทยาศาสตร์ยังไม่เข้าใจเกี่ยวกับ Lipofuscin ทั้งหมด แต่พบว่าร่างกายไม่สามารถขจัด Lipofuscin ออกไปได้หมดด้วยตัวเอง (แม้จะยังยังอายุไม่เยอะก็ตาม) ดังนั้นร่างกายจึงมีการสะสมตัวของ Lipofuscin และเพิ่มมากขึ้นเมื่อเราแก่ตัวลง

จุดด่างดำและสีผิวไม่สม่ำเสมอที่เราเห็นบนผิวหนังที่เพิ่มขึ้นเมื่อคนเรามีอายุมากขึ้นส่วนหนึ่งก็คือ Lipofuscin ที่สะสมตัวใต้ผิวหนังนั่นเอง

Lipofuscin นั้นต่างจาก Melanin หรือเม้ดสีที่ผิวเราผลิตขึ้นเพื่อดูดซับรังสี UV เพราะ Lipofuscin ไม่มีประโยชน์ใด ๆ เลยในการนี้ นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์ไวทืเทนนิ่งที่ไปจัดการกับเมลานินก็ไม่สามารถจัดการกับ Lipofuscin ได้ ดังนั้นหากบนผิวของเรามีจุดที่มีสีผิวผิดปกติไป และใช้ไวท์เทนนิ่งก็ไม่ได้ผล นั่นแปลว่าจุดเหล่านั้นอาจจะไม่ใช่ Melanin แต่เป็น Lipofuscin แทนก็ได้

(Source : Lipofuscin: mechanisms of formation and increase with age., Lipofuscin: mechanisms of age-related accumulation and influence on cell function., Autophagy, ageing and apoptosis: the role of oxidative stress and lysosomal iron.)

สรุปง่าย ๆ ว่าสาร Dehydroabietic Acid (DAA) ที่สกัดได้จากเรซิ่นของต้นสนนั้นสามารถกระตุ้นการสร้าง SIRT1 ที่มีคุณสมบัติในการเสริมความแข็งแรงของเซลล์ผิว ทำให้เซลล์สามารถต่อต้านกับปัจจัยลบที่เข้ามาทำร้ายได้ดียิ่งขึ้นเพื่อช่วยยืดอายุของเซลล์ผิว ทำให้ปราการปกป้องผิวแข็งแรงขึ้น ลดการสะสมตัวของ Lipofuscin ซึ่งเป็นของเสียในเซลล์และทำให้เกิดจุดด่างดำในผู้ใหญ่ และในสูตรใหม่ของ Timetreasure EX นี้เขาเคลมว่ากระบวนการสักสารแบบใหม่ทำให้เขาได้ปริมาณของ Dehydroabietic Acid (DAA) มากขึ้นกว่าเดิมถึง 33 เท่า และใช้เทคโนโลยีการห่อหุ้มแคปซูลแบบใหม่ด้วยโพลิเมอร์ที่ช่วยทำให้การดูดซึมเข้าสู่ผิวทำได้ดีกว่าเดิมอีกด้วยล่ะ

 photo Matsutake 01.png



ส่วนผสมที่ถูกเพิ่มขึ้นมาจากสูตรเดิมคือ Tricholoma Matsutake Extract หรือสารสกัดจากเห็ดสนซึ่งเป็นเห็ดที่มีราคาค่อนข้างสูง การศึกษาพบว่าสารสกัดของเห็ดชนิดนี้อุดมไปด้วยแซคคาไรด์และเบต้ากลูแคน และยังช่วยต่อต้านการทำงานของเอนไซม์ Elastase ที่ไปทำลายเส้นใยอีลาสติน และเอนไซม์ MMP-1 ที่ไปทำลายโปรตีนของเส้นใยคอลลาเจน จึงมีคุณสมบัติในการช่วยต่อต้านริ้วรอยจากการปกป้องโครงสร้างของผิว (ส่วนผสมตัวนี้น่าจะเอามาใส่แทนซาโปนินจากโสมที่ถูกตัดออกไป เพราะเคลมในสรรพคุณคล้ายกัน และการใส่สารสกัดเห็ดสนซึ่งเกิดขึ้นใต้ต้นสนเองนั้นสอดคล้องกับเรื่องราวของผลิตภัณฑ์มากกว่า ตามความเห็นส่วนตัวของปูเป้)

(Source : Extract of the mycelium of T. matsutake inhibits elastase activity and TPA-induced MMP-1 expression in human fibroblasts.)

นอกจากนี้ก็ยังมีสารรวมของแอนติออกซิแดนท์ 5 ชนิด ที่ทำงานสอดประสานกัน โดยทางแบรนด์เคลมว่าเจ้า Antioxidant Complex นี้จะมีประสิทธิภาพในการต้านอนุมูลอิสระมากกว่าวิตามินซีถึงเท่าตัว เมื่อใช้ในความเข้มข้นที่เท่ากันล่ะ

โดยภาพรวมแล้วแม้จะถูกตัดส่วนผสมไปหลายชนิด แต่เราได้สรรพคุณจากสารสกัดของสนที่นอกจากจะมีปริมาณที่เยอะขึ้นเกือบ 5 เท่าแล้ว สารที่สกัดมายังมีความเข้มข้นมากขึ้น และยังมีเทคโนโลยีในการนำพาสารให้ซึมลงไปได้ดีกว่าอีกด้วย

Ingredients : Pinus Sylvestris Bark Extract, Butylene Glycol, Hydrogenated Polyisobutene, Pentaerythrityl Tetraisostearate, Betaine, Pytosteryl Isostearyl Dimer Dilinoleate, Dimethicone, Butyrospermum Parkii (Shea) Butter, Sucrose Polystearate, Cetearyl Alcohol, Glycyrrhiza Uralensis (Licorice) Root Extract, Ophiopogon Japonicus Extract, Paeonia Albiflora Root Extract, Nelumbo Nuicifera Seed Extract, Polygonatum Officinale Rhizome/Root Extract, Llium Triginum Flower/Leaf/Stem Extract, Rehmannia Glutinosa Root Extract, Honey, Pinus Sylveestris Leaf Extract, Tricholoma Matsutake Extract, Panax Ginseng Root Extract, Portulaca Oleracea Extract. Hydrolyzed Rice Protein, Theobroma Cacao (Cocoa) Extract, Water, Cyclopentasiloxane, Glyceryl Stearate, Glyceryl Stearate Citrate, Hydrogenated Vegetable Oil, C12-16 Alcohols, Polysilicone-11, Palmitac Acid, Hydroxyethyl Acrylates/Sodium Acryloyldimethyl Taurate Copolymer, Stearic Acid, Glyceryl Caprylate, Xanthan Gum, Stearyl Behenate, Hydrogenated Lecitin, Olea Europaea (Olive) Oil Unsaponifiable, Ethylhexylglycerin, Polyglyceryl-3 Methylglucoside Distearate, Dextrin, Methoxy PEG-114/Polyepsilon Caprolactone, Hydroxypropyl Bispalmitamide MEA, Inulin Lauryl Carbamate, Ammonium Acryloyldimethyltaurate/VP Copolymer, Calcium Panthetheine Sulfonate, Polysorbate 20, Sodium Ascorbyl Phosphate, Cyclomethicone, Ubiquinone, Silica Salicylate, Tocopheryl Acetate, Dimethiconol, Disodium EDTA, Phenoxyethanol, Fragrance.

 photo SWS TimeEX Serum 02.png
บรรจุภัณฑ์ของเซรั่มเป็นขวดปั้มสุญญากาศโดยออกแบบให้ดูเรียบหรูและดูทันสมัยมากขึ้นจากรุ่นเดิม ตัวกล่องของเซรั่มก็ได้รับการเปลี่ยนให้เป็นกล่องสวมที่ดูหรูหราขึ้นสมกับป้ายราคา

 photo SWS TimeEX Serum 03.png
เนื้อผลิตภัณฑ์ยังคงเป็นอีมัลชั่นครีมสีขาวอมน้ำตาลจาง ๆ คล้ายของเดิม ทำให้เซรั่มตัวนี้เหมาะที่จะใช้หลังจากเซรั่มตัวอื่นที่มีเนื้อบางกว่า (ถ้ามี) ส่วนตัวสามารถใช้เซรั่มตัวนี้แทนมอยซ์เจอไรเซอรืไปได้เลยในตอนกลางวัน

เซรั่มตัวนี้ให้ประสบการณ์ในการใช้ที่เลิศมากเพราะกลิ่นของมันหมอถูกจริตเป็นที่สุด มันเป็นกลิ่นที่ดมแล้วรู้สึกผ่อนคลาย เป็นกลิ่นของต้นสนผสมกับกลิ่นอื่น ๆ ให้โทนกลิ่นที่เป็นธรรมชาติ ออกแนวสมุนไพร การจะใช้เราต้องวอร์มเนื้อผลิตภัณฑ์ลงบนปลายนิ้ว (หรือในกรณีของปูเป้ คือวอร์มทั้งฝ่ามือ) แล้วสูดดมกลิ่นเข้าไปลึก ๆ สัก 3 รอบ ก่อนที่จะแตะประคบลงบนผิวให้ทั่วผิวหน้าและลำคอ กลิ่น ความอุ่น และสัมผัสจะช่วยทำให้เรารู้สึกดียิ่งขึ้น

ผลหลังจากการทดลองใช้เราพบว่าเนื้อผลิตภัณฑ์ดูจะซึมเข้าสู่ผิวง่ายกว่าสูตรเดิม (อาจจะเป็นเพราะเราผิวแห้งลงจากวัยที่เพิ่มขึ้นด้วยมั้ง) และผิวคงความยืดหยุ่น นุ่นวลได้ดีแม้จะผ่านช่วงที่ต้องอ่านหนังสือสอบและปั่นงานจนนอนไม่พอก็ตาม

 photo SWS TimeEX Serum 04.png
โดยสรุปแล้ว Sulwhasoo : Timetreasure Renovating Serum EX คือการเน้นไปที่ส่วนผสมหลักของสารสกัดจากสนแดงเป็นตัวชูโรงหลัก แม้จะมีส่วนผสมหลายตัวที่ถูกตัดออกไปแต่สิ่งที่ได้มาทดแทนก็ดูคุ้มค่า ผลที่ได้ยังคงน่าประทับใจสำหรับเรา นี่จะเป็นเซรั่มอีกหนึ่งตัวที่เราจะแนะนำสำหรับใครที่สนใจในทางเลือกของการดูแลปัญหาริ้วรอย นอกเหนือจากส่วนผสม Anti-Aging มาตรฐานอย่างพวกวิตามินซี วิตามินเอ อะไรทำนองนี้

 นอกจากนี้ยังเป็นอีกตัวเลือกหาสงสัยว่าจุดด่างดำบนผิวนั้นอาจจะไม่ใช่ Melanin แต่เป็นการสะสมของ Lipofuscin แทน

สำหรับใครที่สนใจสรรพคุณของสาร Dehydroabietic Acid จากสน แต่รู้สึกว่าอายุก็ยังไม่เยอะมาก อยากช่วยเสริมการป้องกันของผิว เราแนะนำให้เลือกตัว Water และ Emulsion ในไลน์เดียวกันแทนเพราะหลัก ๆ เราจะได้สารสกัดจากสนที่ใกล้เคียงกัน แต่จะไม่มีตัวเสริมที่เน้นในเรื่องริ้วรอยอื่น ๆ อย่างที่มีในเซรั่ม คือประสิทธิภาพโดยรวมอาจจะไม่เท่าเซรั่ม แต่ก็น่าจะเพียงพอสำหรับคนที่อายุยังอยู่ในช่วง 25 – 35 และราคาก็ยังเข้าถึงง่ายกว่าด้วย แต่ถ้าเงินไม่ใช่ปัญหา อยากได้อะไรเต็ม ๆ ก็จัดเซรั่ม หรือครีมไปได้เลยจ้า

สำหรับคำถามว่า “จะแพ้มั้ย” “ใช้แล้วอุดตันรึเปล่า?” เป็นคำตอบที่ปูเป้บอกไม่ได้ครับ อาการแพ้เป็นสิ่งที่แตกต่างกันไปในทุก ๆ คน สำหรับการอุดตันนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลผิวโดยรวมของแต่ละคนเอง นอกจากนี้คนเรายังไวต่อการอุดตันของสารแต่ละตัวไม่เหมือนกันด้วย ดังนั้นก่อนจะซื้อผลิตภัณฑ์ใด ๆ ก็ตาม ควรทดสอบและทดลองใช้ก่อนทุกครั้ง

ข้อดี

– มีสารสกัดของสนแดงเยอะขึ้นกว่าเดิมมาก
– มีการศึกษาที่สนับสนุนประโยชน์ของสารสกัดจากสนแดงเมื่อทาลงบนผิวมากขึ้น
– ลดการสะสมตัวของ Lipofuscin ซึ่งเป็นอีกสัญญาณของการความเสื่อมชรา
– บรรจุภัณฑ์ลดการสัมผัสแสงและอากาศได้ดี
– กลิ่นหอมผ่อนคลายมาก (ความชอบส่วนตัว)

ข้อเสีย

– มีส่วนผสมของน้ำหอม
– ราคาค่อนข้างสูง

***Sponsored Item***

– Sulwhasoo : Timetreasure Renovating Serum EX