เราอยากจะเรียกนี้ว่าเป็นดัชนีที่อาจจะช่วยชี้วัดความก้าวหน้าของวงการเครื่องสำอางไทยและรวมไปถึงความเข้าใจที่มากขึ้นเกี่ยวกับการบำรุงผิวของผู้บริโภค กับการที่แบรนด์อย่าง cute press นำเสนอผลิตภัณฑ์กลุ่มน้ำมันบำรุงผิวออกวางจำหน่าย และมันก็เป็นผลิตภัณฑ์ที่ดูน่าสนใจไม่น้อยเสียด้วยสิ

ย้อนกลับไปประมาณ 3 – 4 ปีก่อนหน้านี้ กระแสการบูมของผลิตภัณฑ์กลุ่มน้ำมันบำรุงผิวนั้นมาจากต่างประเทศในแถบอเมริกา ยุโรป รวมไปถึงเกาหลีหรือประเทศแถบเอเชียตอนบน ซึ่งกลุ่มสินค้ากลุ่มเคาน์เตอร์แบรนด์และแบรนด์ข้ามชาติทั้งหลายก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องนำมาจำหน่ายในไทยด้วย และปูเป้บอกได้เลยว่าบรรดาแบรนด์ทั้งหลายถึงกับต้องเอามือก่ายหน้าผากกันยกแผง เพราะน้ำมันในตอนนั้นแลดูเหมือนกับคำต้องห้ามสำหรับการบำรุงผิวในประเทศไทยที่เราที่อะไรคุมความมัน ทาแล้วแห้งแมทราวกับทะเลทรายจะขายดิบขายดี  ไม่นับการตลาดที่ฟาดว่าน้ำมันคือความชั่วร้ายกันมาอย่างช้านานทำให้หน้าเราเป็นสิวหรืออุดตันดูหมองคล้ำเพียงเพื่อจะขายผลิตภัณฑ์แบบ Oil-Free

แต่เพราะความเข้าใจของผู้บริโภคที่มีมากขึ้น รวมไปถึงการพยายามอย่างยิ่งยวดในการที่จะขายผลิตภัณฑ์กลุ่มน้ำมันบำรุงผิว เราก็ได้เริ่มเข้าใจกันสักทีว่า ผิวสุขภาพดีคือสมดุลระหว่างน้ำและน้ำมัน และน้ำมันแต่ละชนิดก็มีคุณสมบัติและความเหมาะสมกับสภาพผิวที่ต่างกันไป และหากเลือกใช้อย่างเหมาะสม การบำรุงผิวด้วยน้ำมันสามารถทำให้ผิวเราดีขึ้นและอาจช่วยแก้ปัญหาผิวที่มีสาเหตุมาจากการที่ผิวเราอ่อนแอจนขาดความชุ่มชื้นได้อีกด้วย  ซึ่งแต่ก่อนหน้านี้นั้นพวกออยล์บำรุงผิวถูกนำเสนอในเคาน์เตอร์แบรนด์เป็นหลัก หรือแบรนด์อินดี้ แบรนด์ขนาดเล็ก ดังนั้นการมาถึงของ cute press : Asta Gold Oil Essence (15ml / 499 Baht) น้ำมันบำรุงผิวหน้าที่เคลมว่าช่วยปลุกผิวที่เหนื่อยล้า ปกป้องผิวไม่ให้ดูแก่ก่อนวัย พร้อมบำรุงให้มีผิวดูตึงกระชับเนียนขึ้น จึงเป็นสิ่งที่ทำให้ปูเป้เห็นว่าแนวโน้มของผู้บริโภคในกลุ่มที่ใหญ่ขึ้นของบ้านเราเริ่มก้าวไปอีกขั้นสู่การบำรุงผิวที่มีความลุ่มลึก (Sophisticate) มากขึ้น และนั่นคือสัญญาณที่ดีเลยล่ะ

Product’s Formula

ในแง่ของโครงสร้างส่วนผสมแล้ว cute press : Asta Gold Oil Essence ถือเป็นน้ำมันบำรุงผิวที่มีความพยายามในการพัฒนาสูตร นั่นคือมีความพยายามในการเบลนด์ผสมน้ำมันหลายชนิดและส่วนผสมของสาร actives ต่าง ๆ เพื่อสร้างเนื้อสัมผัส นำเสนอคุณสมบัติที่หลากหลายในการบำรุงผิว และสร้างจุดขาย ซึ่งส่วนตัวปูเป้ชอบอะไรลักษณะนี้มากกว่าน้ำมันจากพืชชนิดใดชนิดหนึ่ง 100% แล้วเอามาแบ่งใส่ขวดขาย (ซึ่งไม่ได้หมายความว่าน้ำมันเพียว 100%  ไม่ดีนะ แต่รู้สึกว่ามันเล่นง่ายไปหน่อยอ่ะ ไม่ค่อยท้าทายให้อยากทำรีวิว หรืออยากจะลอง)

เบสหลักของผลิตภัณฑ์มีการผสมของน้ำมันจากธรรมชาติไม่ว่าจะเป็นน้ำมันเมล็ดดอกทานตะวัน Helianthus Annuus (Sunflower) Seed Oil น้ำมันเมล็ดโฮโฮบา Simmondsia Chinensis (Jojoba) Seed Oil กับ Limnanthes Alba (Meadowfoam) Seed Oil และ Rubus Chamaemorus Seed Oil ซึ่งมีสัดส่วนของกรดไขมันอย่าง Linoleic Acid และ Oleic Acid ที่สูงซึ่งช่วยในการเสริมความแข็งแรงของชั้นปราการปกป้องผิว (Skin Barrier) และก็มี Squalane ซึ่งคล้ายกับลิพิดที่มีอยู่ในผิวตามธรรมชาติ นอกจากนี้ยังมีการนำส่วนผสมของ emollients ที่ได้มาจากพืช หรือส่วนหนึ่งของวัตถุดิบมาจากพืชมาผ่านกระบวนการดัดแปลงเพื่อให้ได้เนื้อสัมผัสที่ดีและใช้ทดแทนซิลิโคนได้ เพื่อพยายามให้ผลิตภัณฑ์ตัวนี้เคลมได้ว่ามีส่วนผสมจากธรรมชาติมากถึง 94%

(Source : Anti-Inflammatory and Skin Barrier Repair Effects of Topical Application of Some Plant Oils.Natural Oils for Skin-Barrier Repair: Ancient Compounds Now Backed by Modern Science.)

ส่วนผสมที่เสริมเข้ามาก็น่าสนใจ อย่าง  Astaxanthin สารสีแดงที่เคยเป็นกระแสโด่งดังในแง่ของการเป็นซูเปอรืแอนติออกซิแดนท์มาหลายปีแล้ว สารนี้มีอยู่ในธรรมชาติซึ่งคอยปกป้องสิ่งมีชีวิตจากปัจจัยรบกวนจากสิ่งภายนอก แต่เดิม Astaxantin นั้นจะสกัดมาจาก Krill หรือกุ้งขนาดเล็ก แต่ในปัจจุบันจะนิยมสกัดมาจากสาหร่ายแทนซึ่งระบุในส่วนผสมในชื่อว่า Haematococcus Pluvialis Extract เจ้าสาหร่ายตัวนี้ในเวลาปกติมันก็เป็นสีเขียวแหล่ะ แต่เมื่ออยู่ในสภาวะที่ไม่น่าจะมีชีวิตรอดอยู่ได้มันจะเข้าสู่ภาวะจำศีลและเปลี่ยนตัวเองจากสีเขียวเป็นสีแดง Astaxanthin เพื่อปกป้องตัวเองเพื่อที่จะกลับมาเบิกบานอีกครั้งเมื่อสภาพแวดล้อมเหมาะสมกับการดำรงชีวิต

สาร Astaxanthin นั้นละลายในน้ำมันและมีโครงสร้างที่ทำงานกับเซลล์ได้ดีจึงมีประสิทธิภาพในการต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ และต้านผลกระทบจากรังสี UV ที่มีต่อผิว ]fข้อมูลส่วนใหญ่เป็นลักษณะของการศึกษาในแง่ของการกินเป็นอาหารเสริม การศึกษา Astaxanthin เมื่อนำมาทาลงบนผิวนั้นมีการศึกษาอยู่โดยทำควบคู่กับการกินไปด้วย ซึ่งได้ผลว่าริ้วรอยลดลง ผิวชุ่มชื้นและมีความยืดหยุ่นที่ดีขึ้น แต่การทาอย่างเดียวนั้นจะให้ผลแบบเดียวกันรึเปล่าก็ยังไม่มีข้อมูลพอจะสรุปได้ แต่ก็ถือเป็นแอนติออกซิแดนท์ที่ดีหนึ่งตัวและถ้าใครจะใช้ผลิตภัณฑ์ตัวนี้คู่ไปกับการกินอาหารเสริม Astaxanthin วันละ 6 มิลลิกรัมตามงานวิจัยก็น่าสนใจอยู่นะ

(Source : Cosmetic benefits of astaxanthin on humans subjects.Astaxanthin attenuates the UVA-induced up-regulation of matrix-metalloproteinase-1 and skin fibroblast elastase in human dermal fibroblasts.)

ส่วนผสมของสารบำรุงยังมีอีก 2 แพ็คใหญ่ ๆ อันแรกคือ DEFENSIL ซึ่งเคลมถึงคุณสมบัติในการปลอบประโลมผิวช่วยลดการระคายเคือง เสริมความแข็งแรงของชั้นปราการปกป้องผิว ด้วย Echium Plantagineum Seed Oil ที่อุดมไปด้วย Gamma-Linoleic Acid และ Cardiospermum Halicacabum Seed Oil  ที่มี Phytosteroles และ Triterpens ในการต้านการอักเสบ

อันต่อมาคือ LycoMega ซึ่งมี Solanum Lycopersicum Seed Oil ที่เคลมว่าอุดมไปด้วยไลโคปีน ซึ่งรวมเข้ากับ Vaccinium Macrocarpon Seed Oil ที่อุดมไปด้วยกรดไขมันที่ดีกับผิวอย่าง Linoleic Acid และ Oleic Acid

จริง ๆ ในส่วนผสมของทั้งสองแพ็คจะต้องมีน้ำมันจากดอกทานตะวันอยู่ด้วย แต่คิดว่าตอนระบุส่วนประกอบข้างกล่องเขาแยกเอาน้ำมันไปรวมกันกับที่ใส่ในตัวเบส Helianthus Annuus (Sunflower) Seed Oil ซึ่งส่วนตัวเรามองว่าแปลก คือถ้าจะแยกออกไปก็ต้องระบุส่วนประกอบแบบแยก แต่ถ้าจะไม่แยก ระบุเป็นแพ็คก็ต้องแพ็คให้ครบสิ เราค่อนข้างมั่นใจว่ามันคือสองแพ็คที่เราบอกนี่อย่างแน่นอนเนื่องจากมันคือแพ็คของสารบำรุงที่ถูกใข้ผลิตภัณฑ์ตัวอื่นของแบรนด์เดียวกันและแบรนด์อื่นในเครือด้วย และด้วยเหตุผลในแง่ของ economy of scale ของการสต็อคส่วนผสม

สารบำรุงส่วนสุดท้ายคือส่วนผสมของวิตามินหลักสามชนิดอย่าง  Vitamin A  ในรูป Retinol ที่ช่วยเรื่องริ้วรอย กับ Vitamin C  ในรูปแบบละลายในน้ำมัน Ascorbyl Tetraisopalmitate และ Vitamin E ทั้งในรูป Tocopherol และ Tocopheryl Acetate ก็ช่วยต้านอนุมูลอิสระให้กับผิวและปกป้องผลิตภัณฑ์จากการออกซิเดชั่นซึ่งทำให้น้ำมันมีกลิ่นหืน แต่อาจจะไม่เข้มข้นมากพอที่จะเคลมในเรื่องการทำให้ผิวกระจ่างใสหรือลดเลือนจุดด่างดำ

ส่วนผสมที่ขอพูดเป็นตัวสุดท้ายคงจะเป็นทอง 24k  หรือ Gold ซึ่งเป็นส่วนผสมที่ดูเลอค่าและมักถูกเคลมถึงคุณสมบัติในการเสริมความงามให้ผิว ลดริ้วรอยหรืออะไรก็ว่าไป แต่แผ่นทองคำบริสุทธิ์ 99.99% นี้ยังไม่มีการศึกษาว่าการเอาทองคำมาบี้บนผิวจะช่วยอะไรได้บ้าง  คำเคลมว่าทองคำช่วยต้านอนุมูลอิสระได้นั้นเป็นการอ้างถึงทองคำในรูปของ Gold Nanoparticles ซึ่งไม่ใช่รูปแบบที่ใช้ในผลิตภัณฑ์ตัวนี้ รูปแบบนาโนของทองคำยังมีคุณสมบัติในการต้านแบคทีเรียอีกด้วยจึงมีคนเอาไปผสมกับสารต้านอนุมูลอิสระอื่น ๆ เพื่อการเยียวยาบาดแผลที่หายช้าจากเบาหวาน แต่ก็มีข้อมูลอีกฟากว่า Gold Nanoparticles อาจไปรบกวนการทำงานของเซลล์และทำให้เกิด Aging เสียเองได้ด้วย ดังนั้นเราคิดว่าส่วนผสมของทองคำกับการบำรุงผิวนั้นยังไม่มีอะไรที่สรุปได้ว่าดีหรือแย่ขนาดไหน ส่วนตัวเราคิดว่าแผ่นทองคำบริสุทธิ์สวย ๆ เหล่านี้เป็นแค่เอฟเฟคสวย ๆ เพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ ลูบไปบนผิวก็แตกกระจายตัวเป็นเหมือนเอฟเฟคคล้ายกับชิมเเมอร์กระจายแสงที่เล็กจนมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่านั้นล่ะ แต่ถ้ามีการศึกษาใหม่ ๆ ที่ยืนยันอะไรได้เราก็จะมาอัพเดทให้อีกที

(Source : Antimicrobial Activity of Gold Nanoparticles and Ionic Gold.Topical treatment with anti-oxidants and Au nanoparticles promote healing of diabetic wound through receptor for advance glycation end-products.Antioxidant and hepatoprotective role of gold nanoparticles against murine hepatic schistosomiasisNanoparticles in everyday items inhibit fat storage and accelerate aging)

 

โดยรวมแล้วเป็นสูตรที่พยายามนำเสนอน้ำมันบำรุงผิวที่มีเนื้อสัมผัสที่ใช้ง่าย เน้นสัดส่วนของกรดไขมันที่ช่วยต้านการอักเสบและช่วยเสริมความแข็งแรงของผิว มีส่วนของของสารต้านอนุมูลอิสระที่น่าสนใจ ช่วยปกป้องผิวและลดผลกระทบจากรังสียูวีที่ก่อให้เกิดริ้วรอยก่อนวัย อะไรประมาณนี้

Ingredients : Propylheptyl Caprylate, Squalane, Helianthus Annuus (Sunflower) Seed Oil, Simmondsia Chinensis (Jojoba) Seed Oil, C15-19 Alkane, Limnanthes Alba (Meadowfoam) Seed Oil, Coconut Alkanes/ Coco-Caprylate/ Caprate, Dextrin, Dextrin Palmitate/ Ethylhexanoate, Octyldodecanol/ Echium Pantagineum Seed Oil/ Caediospermum Halicacabum Flower / Leaf/ Vine Extract/ Tocopherol, Gold, Haematococcus Pluvialis Extract, Tocopheryl Acetate, Ascorbyl Tetraisopalmitate, Retinol/ Polysorbate 20, Solanum Lycopersicum Seed Oil/ Caprylic/Capric Triglyceride/ Vaccinium Macrocarpon Seed Oil, Rubus Chamaemorus Seed Oil, Eucalyptus Globulus Leaf Oil, Diethyl Adipate, Propylparaben, Fragrance, BHT.

Usage & Result

เนื้อผลิตภัณฑ์เป็นน้ำมันใสสีออกส้มแดงจาง ๆ โดยจะเห็นแผ่นทองคำบริสุทธิ์กระจายตัวอยู่เป็นเอฟเฟคสวยงาม บรรจุภัณฑ์เป็นดรอปเปอร์แบบกดที่ต้องคุมน้ำหนักมือกันหน่อยเพราะว่ามันกดง่าย กดแรงไปจะไหลออกมาเยอะเกินปริมาณที่แนะนำ

ปริมาณในการใช้ที่แนะนำนั้นก็เหมาะสมดี โดยคนที่มีผิวธรรมดาถึงผิวมันให้ใช้เพียง 2 หยด และผิวค่อนไปทางแห้งจะให้เพิ่มเป็น 3 หยด โดยกระจายลงบนฝ่ามือและประคบลงบนผิวอย่างเบามือทั่วใบหน้าและลำคอเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการบำรุงผิว

หรือสามารถหยดผสมกับเซรั่มหรือมอยซ์เจอไรเซอร์ที่ใช้อยู่ในปริมาณ 2 หยด ซึ่งส่วนตัวเราไม่ทำวิธีนี้ แต่ก็คิดว่าเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่รู้าึกว่ามอยซ์เจอไรเซอร์ที่ใช้เริ่มบางหรือเบาเกินไปกับสภาพผิวหรือสภาพอากาศที่ต้องการการเคลือบเก็บกักความชุ่มชื้นให้สูงขึ้นแทนที่จะซื้อมอยซ์เจอไรเซอร์ตัวใหม่ก็แค่หยดตัวนี้ผสมไปเพิ่มก็ใช้ได้แล้ว

จากการทดลองใช้เป็นน้ำมันบำรุงผิวหลังการใช้หลังเซรั่ม หรือหลังมอยซ์เจอไรเซอร์ เราพบว่าเนื้อผลิตภัณฑ์ค่อนข้างที่จะเข้ากับผิวได้ดี เคลือบผิวแต่ไม่รู้สึกหนึบหรือหนักเกินไป ให้ความวาวโกลว์กับผิวได้ โดยรวมอยู่ในระดับที่ดีใช้ได้ แต่ทั้งนี้ต้องปรับสมดุลของการบำรุงผิวให้ดี ถ้าใช้เยอะ หรือผลิตภัณฑ์หลายขั้นตอน ก็ต้องปรับลดหรือเอาอะไรออกบ้างเพื่อให้ทุกอย่างออกมากำลังพอดี

กลิ่นของผลิตภัณฑ์ในแว่บแรกจะเป็นกลิ่นขอยูคาลิปตัสแต่ในเวลาไม่นานก็จะเริ่มกลยเป็นกลิ่นตระกูลซิตรัสที่สดชื่น โทนกลิ่นและความแน่นของกลิ่นัดอยู่ในระดับกำลังดีและเข้าถึงได้ง่าย

นอกจากนี้ทางแบรนด์ยังมีวิธีการนำไปประยุกต์ใช้ไม่ว่าจะนวดหน้า ผสมรอพื้นปรับลุคให้ดูโกลว์ และอื่น ๆ ซึ่งก็ไม่ผิดที่จะทดลองดู  (แต่เราไม่ได้ลอง) แต่สิ่งหนึ่งที่เราขอบอกว่าห้ามเด็ดขาดคือการเอาไปผสมกับครีมกันแดดหรืออะไรที่มี SPF เพราะผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดนั้นมีความอ่อนไหวสูง การผสมอะไรเข้ามีผลต่อโครงสร้างของเนื้อผลิตภัณฑ์และส่งผลต่อประสิทธิภาพในการปกป้องผิวจากรังสี UV ดังนั้นผลิตภัณฑ์กันแดดจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรเอาไปผสมกับอะไรเลยโดยเด็ดขาดจ้า

Conclusion

โดยสรุปแล้ว cute press : Asta Gold Oil Essence เป็นน้ำมันบำรุงผิวที่ ทำเนื้อผลิตภัณฑ์ออกมาได้ดี ส่วนผสมก็น่าสนใจ ดูมีความพยายามสร้างสรรค์สูตรที่มีความซับซ้อนเพื่อมอบคุณสมบัติที่หลากหลาย และมีจุดขายที่แตกต่างจาก 100% Plant Oil ซึ่งมันก็มีประโยชน์แหล่ะแต่ก็ดูน่าเบื่อในความเห็นของเรา ตัวผลิตภัณฑ์ดูจะสามารถคาดหวังเรื่องการเสริมการปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระที่มาจากรังสี  UV  และมลภาวะได้จึงช่วยชะลอการเกิดร้ิวรอยได้ และเติมกรดไขมันที่ดีกับผิวในการทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น ให้เอฟเฟคความโกลว์ให้กับผิว เหมาะที่จะใช้เสริมเข้าไปกับการบำรุงผิวที่มีอยู่ อย่างน้อยก็ต้องใช้คู่กับอะไรที่เป็นตัวเติมน้ำ ไม่ว่าจะเป็นโลชั่นน้ำ เอสเซนส์ เซรั่ม หรือมอยซ์เจอไรเซอร์ที่มีอยู่ เพราะลองใช้เดี่ยวๆ หลังล้างหน้าโดยไม่มีอย่างอื่นเข้าไปเสริมเลย เราว่ามันไม่พอสำหรับคนที่มีผิวขาดน้ำอย่างเรา

สิ่งที่เราชอบคือการเลือกทำมาขายในปริมาณ 15ml  ซึ่งเราคิดว่าเหมาะสมกับผลิตภัณฑ์ที่ต้องใช้ครั้งละไม่มาก ทำให้การใช้จนหมดขวดและขึ้นขวดใหม่น่าจะอยู่ในระยะเวลาที่ 2 – 3 เดือน และทำให้คุมต้นทุนราคาต่อชิ้นไม่ให้สูงจนเกินไปได้

สิ่งที่เราไม่ค่อยเห็นด้วยนักคือผลิตภัณฑ์ตัวนี้เคลมว่าเหมาะกับผิว Sensitive ซึ่งถ้าผลิตภัณฑ์ตัวนี้ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอมและน้ำมันหอมระเหยเราก็คงจะสามารถแนะนำตามนั้นได้อย่างสนิทใจ และถึงแม้ว่าเราจะใช้สิ่งนี้ได้อย่างไม่เจอปัญหาใด ๆ แต่ในเมื่อมีน้ำหอม เราก็คงแนะนำว่าใครที่มีผิว sensitive ให้ทดสอบอาการแพ้ก่อนใช้นะฮะ

ส่วนเรื่องใช้แล้วจะเป็นสิวไหม หรือใช้แล้วสิวจะหายรึเปล่า เป็นคำถามที่ตอบยากครับ การอุดตันขึ้นกับหลายปัจจัย ขั้นตอนโดยรวมของผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ใช้ การทำงานของผิวในตอนนั้น และปัจจัยแวดล้อมอีกมากมาย และการเกิดขึ้นนั้นมีหลายสาเหตุตั้งแต่การผลิตน้ำมันที่มากเกินไป การออกซิเดชั่นของน้ำมันบนผิวก็อาจมีส่วนได้ ผิวที่ขาดน้ำมันหล่อเลี้ยงจนอ่อนแอก็อาจทำให้เป็นสิวอีกรูปแบบได้ ถ้าปัญหาสิวของคุณไม่ได้มีสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการที่ผิวอ่อนแอ ขาดกรดไขมันชนิดที่ดีในการหล่อเลี้ยงผิว ทาน้ำมันบำรุงผิวพวกนี้เข้าไปสิวก็ไม่หายจ้า เก็ทเนอะ!!!

***Sponsored Item***

cute press : Asta Gold Oil Essence
Price : 15ml / 499 Baht
Skin Type : All Skin Type
Outstanding : Lipid Replenishing / Barrier-Repair / Antioxidant

cute press : Asta Gold Oil Essence
*คะแนนดาวเรทติ้งจะแสดงผลไม่ถูกต้องหากเปิดอ่านบทความนี้จาก Smart Phones / Tablets*
FORMULA
GENTLENESS
SENSORY
RESULT
PUPE LOVE IT
PROS
  • การผสมรวมของน้ำมันจากพืชหลายชนิด เน้นกรดไขมัน Omega 3 และ 6 ที่ช่วยเสริมความแข็งแรงและต้านการอักเสบให้กับผิว
  • Astaxanthin และวิตามิน A C E ช่วยปกป้องผิว ต้านอนุมูลอิสระ ชะลอการเกิดริ้รอย
  • เนื้อสัมผัสไม่เหนอะเหนียว
CONS
  • มีส่วนผสมของน้ำหอม
  • ทองคำบริสุทธิ์ยังไม่มีข้อสรุปถึงประโยชน์ในการบำรุงผิว
3.7Overall Score

Related Posts