วันนี้จะมารีวิวสกินแคร์ระดับท็อปสุดของ KANEBO อย่างกลุ่ม The Exceptional หลังจากที่ตัดสินใจเอามาลองใช้ในช่วงเริ่มจะหยุดสงกรานต์  และตอนที่โพสลงเพจก็มีคนที่สนใจอยากลองสกินแคร์กลุ่มนี้ และก็มีคนอยากอ่านรีวิว อยากรู้ว่าถ้ามีงบจำกัดและไม่สามารถซื้อกลุ่มนี้ยกชุด ปูเป้จะแนะนำว่าถ้าจะเลือกใช้อย่างไรให้ได้คุณสมบัติ ส่วนผสม เทคโนโลยีจากเครือ KANEBO ให้ได้มากที่สุด 

 

จากการทดลองใช้ และการไล่ดูส่วนประกอบสกินแคร์ผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ KANEBO ทั้งหมดที่เคยลองใช้ ปูเป้ก็มีความเห็นว่า  KANEBO : The Lotion เหมาะจะเป็นตัวยืนพื้น และสามารถจับคู่กับสกินแคร์ตัวอื่นของ KANEBO อีก 1 หรือ 2 ชิ้น โดยใช้งบแค่ประมาณ 1/4 ที่ถ้ามองในแง่ของ Active ingredients แล้วคุณจะได้ส่วนผสมที่ครอบคลุมสิ่งที่จะได้ในกลุ่ม KANEBO The Exceptional ทั้งสามชิ้น (แต่ถ้ามองในแง่ของ Sensory หรือสุนทรียในการใช้ก็คงไม่เหมือนกันซะทีเดียว  และส่วนผสมข้างกล่องก็ไม่สามารถบอกตัวเลขที่แน่ชัดได้ว่าตัวไหนใส่มาในความเข้มข้นที่มากกว่ากันนะครับ อันนี้ต้องบอกเอาไว้ตามตรง)

ขอเล่าก่อนว่า KANEBO The Exceptional เปิดตัวในช่วงท้าย ๆ ของปี 2018 โดยเป็นกลุ่มสกินแคร์ขั้นสุด หรูสุด ราคาแรงสุด โดยใส่ส่วนผสมที่เป็นสิทธิบัตรต่าง ๆ ของเขาไปมากที่สุด ซึ่งจะเน้นไปที่คุณภาพผิวโดยรวมให้มีความ Clarity หรือความใสของผิวซึ่งจะได้มาด้วยเงื่อนต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความชุ่มชื้น ความแข็งแรง ความเรียบเนียน ความกระชับ รวมไปถึงโทนผิวที่สวยงาม  ซึ่งทั้งหมดนำเสนอในขั้นตอนที่น้อยชิ้นและวิธีการใช้ที่เขาแนะนำก็เรียบง่าย ไม่ได้ต้องมีท่านวดอะไรยุ่งยาก เหมือนสกินแคร์หรูสมัยก่อนที่ต้องมีพิธีกรรมในการทาเยอะแยะมากมาย

ปูเป้ก็ถามเขาและได้คำตอบว่าการมีขั้นตอนและพิธีกรรมที่มากมายนั้น อาจทำให้เกิดความเครียดกับผู้ใช้ การศึกษาของ KANEBO พบว่าอารมณ์และความรู้สึกที่ดีมีผลต่อผิวพรรณที่สวยงามอีกด้วย เขาจึงต้องการอยากให้เรามีความสุขไปกับการบำรุงผิว ผ่านเนื้อสัมผัสเลอเลิศ กลิ่นที่หรูหรา บรรจุภัณฑ์ที่ถูกสลักเสลามาอย่างสวยงาม และไม่ต้องใช้เวลากับความพยายามมากไปกับการลงสกินแคร์ และปูเป้ก็แอบคิดว่านั่นอาจจะเป็นแนวคิดที่ทำให้เกิดเป็นภาพลักษณ์ใหม่ของ KANEBO I HOPE ซึ่งเน้นขั้นตอนที่เรียบง่าย และไม่จำกัดเพศนี่เอง

Product’s Formula

ในแง่ของส่วนประกอบของ KANEBO : The Lotion (150ml / 8,000 Baht) นั้นจะมีส่วนผสมสำคัญตัวหลักเช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์ตัวอื่นในกลุ่มอย่าง The Emulsion และ The Cream ซึ่งจะเน้นไปที่ความต้องการพื้นฐานของผิวอย่างเช่นเรื่องการเสริการพัฒนาตัวและความแข็งแรงของ Skin Barrier การมอบความชุ่มชื้นกับผิวในหลายระดับ และการปกป้องผิวจากริ้วรอย ซึ่งประกอบไปด้วย

Nasturtium Officinale Extract  เป็นสารสกัดจาก watercress ซึ่งจากการสืบค้นสิทธิบัตรพบว่าเครือนี้น่าจะเลือกใช้ส่วนผสมที่มีชื่อว่า ODRALINE จากบริษัท  Silab ซึ่งเป็นการสกัดเอาสาร Uronic acids มาเพื่อเสริมการพัฒนาตัวของสารให้ความชุ่มชื้นตามธรรมชาติข้างในชั้นผิว  จึงเป็นการทำให้ผิวมีความชุ่มชื้นจากข้างในในระยะยาว

Ethyl Glucoside เป็นส่วนผสมที่ทาง KANEBO พัฒนาขึ้นเองและจดสิทธิบัตรเอาไว้ด้วย โดยเคลมว่าส่วนผสมนี้เสริมกระบวนการ Keratinization ของเซลล์ผิว ช่วยเสริม Barrier Function ลดการสูญเสียความชุ่มชื้นและลดความหยาบกร้านของผิว 

Lactobacillus/ Pear Juice Ferment Filtrate ทางแบรนด์เคลมว่าส่วนผสมตัวนี้ช่วยเรื่อง Skin Barrier Function หรือปราการปกป้องผิว ซึ่งส่วนผสมนี้คือ  Fermentage Pear B จากบริษัท Ichimaru Pharcos ซึ่งระบุว่าสารหมักบ่มนี้มีคุณสมับติในการช่วยผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน ช่วยให้ผิวมีความเรียบเนียน และผลัดความหมองคล้ำของผิวชั้นนอกออกไป

Carnitine HCL ในสิทธิบัตรของ KANEBO ระบุว่าใช้เพื่อปลุกเสริมพลังงานให้กับเซลล์ผิว เพื่อเสริมประสิทธิภาพในการให้ความกระจ่างใส โดยทำให้ผิวมีพลังในการแบ่งตัวเร่งการฟื้นฟูเพื่อผลักเอาเซลล์ที่มีเมลานินสะสมออกไป

Geranium Robertianum Extract น่าจะเป็นส่วนผสมที่มีชื่อว่า Princess Care ของ Ichimaru Pharcos เพราะว่า KANEBO มักใช้ส่วนผสมจากซัพพลายเออร์ญี่ปุ่น ซึ่งสารสกัดตัวนี้สามารถต้านเอนไซม์ Tryptase ซึ่งถูกกระตุ้นโดยรังสี UV และไปสร้างความเสียหายให้กับ Collagen I และ IV ที่ชั้นฐานของผิวชันนอก จึงช่วยต่อต้านการเกิดริ้วรอย

Dipotassium Glycyrrhizate คือสารสกัดจากรากชะเอมเทศที่มีคุณสมับติในการต้านการระคายเคืองผิว

ส่วนผสมอื่น ๆ ที่มีเฉพาะใน KANEBO : The Lotion ที่แตกต่างจากชิ้นอื่นในกลุ่ม จะเน้นไปที่ส่วนผสมให้ความชุ่มชื้นในทันที เพราะฟังก์ชั่นหลักของโลชั่นน้ำคือการ infuse หรืออัดความชุ่มชื้นให้ผิวฉ่ำอยู่แล้ว ซึ่งในนี้ก็จะมีตัวที่น่าสนใจได้แก่

Glycosyl Trehalose ที่แพ็คคู่มากับ Hydrogenated Strach Hydrolysate เป็นสารกลุ่มน้ำตาลที่ให้ความชุ่มชื้นได้ดีและให้เนื้อสัมผัสที่ละมุนผิว มักใส่มาคู่กับตัวให้ความชุ่มชื้นยอดนิยมอย่าง Sodium Hyaluronate ซึ่งก็มีในสูตรเช่นกัน  นอกจากนี้ก็ยังมี Alcaligenes Polysaccharides ที่กางตัวเป็นฟิล์มเหมือนม่านน้ำคลุมให้ความชุ่มชื้นกับผิว  ที่เหลือก็เป็น Glycerin และ Sorbitol ที่ก็เป็น Humectant ให้ความชุ่มชื้น

Ingredients : Aqua, Dipropylene Glycol, Glycerin, PEG-20, Sorbitol, Carnitine HCI, Methyl Gluceth-20, PEG-60 Hydrogenated Castor Oil, Potassium Hydroxide, Butylene Glycol, Dipotassium Glycyrrhizate, Lactobacillus/ Pear Juice Ferment Filtrate, Parfum, Potassium Phosphate, Glycosyl Trehalose, Disodium Phosphate, Sodium Hyaluronate, Hydrogenated Strach Hydrolysate, Disodium EDTA, Nasturtium Officinale Extract, Alcaligenes Polysaccharides, Geranium Robertianum Extract, Ethyl Glucoside, Penoxyethanol, Sodium Metabisulfite, Limonene, Linalool.

Usage & Result

สำหรับวิธีการใช้นั้น KANEBO : The Lotion ให้ใช้ในปริมาณที่พอเหมาะ ส่วนตัวปูเป้จะใช้เท่าเหรียญ 5-10 บาทบนฝ่ามือ และประคบแนบฝ่ามือลงบนผิวหน้าอย่างกระชับแต่เบามือ ทำไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะซึมและเซ็ทตัวดีก่อนลงเซรั่มหรืออีมัลชั่นในขั้นต่อไปครับ นี่เป็นโลชั่นน้ำที่มีอะไรเคลือบผิวให้รู้สึกนุ่มลื่น ผิวจะดูฉ่ำ  คนที่ไม่ค่อยได้ดูแลผิว หรือพักผ่อนไม่พอ นอนดึก นอนน้อย มาเจอตัวนี้จะรู้สึกว่าผิวฟู และมีความโกลว์ขึ้นเลย

โทนกลิ่นจะค่อนข้างไปทางฟลอรัลและรู้สึกว่ามีความเป็นผู้ใหญ่ขึ้นครับ  แต่โดยรวมแล้วกลิ่นของตัวโลชั่น จะค่อนข้างสดใสกว่าอิมัลชั่นหรือครีม ส่วนตัวปูเป้โอเคนะ แต่ถ้ามันมีความ fresh กว่านี้ หรือออกฟลอรัลน้อยกว่านี้ก็จะชอบกว่านี้ครับ

ถ้าใช้คู่กับ The Emulsion สำหรับปูเป้ในการใช้ชีวิตปกคือคือเคลือบผิวเก็บกักความชุ่มชื้นดีพอเลยครับ และจะสามารถลงไฟรเมอร์โกงความตาย KANEBO : The Primer ต่อได้แบบลื่นกริบมาก เหมือนถูกทำมาเพื่อคู่กันจริง ๆ

แต่ช่วงที่ติดอนิเมในเนทฟลิก ถ่างตาดูจนสว่างติดกันสัปดาห์นึง ก็บอกตามตรงว่าลำพัง The Lotion + The Emulsion สองตัวนี้ก็ไม่อยู่ครับ ตอนตื่นมาผิวไม่ฉ่ำ เพราะ ถ้าเรานอนไม่พอ ไม่ได้นอน ผิวจะเสียความชุ่มชื้นหนักมาก แต่พอโปะอัดเพิ่มด้วยตัว The Cream ทับคือโอเคมาก  ผิวยังคงอิ่มสดใสแม้จะใช้ชีวิตพังพินาศมากก็ตาม

ปูเป้ลองโปะครีมตัวอื่นที่ปูเป้ชอบใช้อยู่แล้วอย่าง KANEBO : Cream IN Night ก็เอาอยู่เหมือนกันครับ

 แต่ถ้าคุณอยากได้ส่วนผสมที่เป็นเทคโนโลยีหลัก ๆ ทั้งหมดของ KANEBO The Exceptional แต่อาจมีงบไปไม่ถึงซื้อครบชุด ปูเป้ก็จะแนะนำให้จับคู่  KANEBO : The Lotion กับ KANEBO : Illuminating Serum  และ KANEBO : Wrinkle-Lift Serum ครับ ซึ่งคุณจะใช้ทาเป็นขั้นตอนตามที่ทางแบรนด์ระบุก็ได้  หรือจะลองใช้แบบที่ปูเป้ประยุกต์เอามาผสมกัน เพื่อให้เนื้อมันออกมาคล้ายกับมอยซ์เจอไรเซอร์เนื้อครีม ที่เคลือบเก็บกักความชุ่มชื้นได้ดีและผิวก็นุ่มมากแต่ไม่เหนอะหรือดูเยิ้มด้วยล่ะ

เหตุผลที่แนะนำสองตัวนี้เพราะ KANEBO : The Emulsion ก็จะมี Methylserine ซึ่งเป็นส่วนผสมสิทธิบัตรของ KANEBO ที่ช่วยสร้างไฮยาลูโรนิคแอซิดในผิวตามธรรมชาติ ให้ผิวมีความชุ่มชื้นและยืดหยุ่น  รวมไปถึงเสริมการสร้างคอลลาเจนได้ด้วย

ส่วนใน KANEBO : The Cream นอกจากมี Methylserine แล้วก็จะเพิ่ม Alpinia Speciosa Leaf Extract หรือ Moon Peach Leaf Extract สารสกัดจากใบก็มีสารกลุ่มโพลีฟีนอลและฟลาโวนอยด์หลากหลาย ต้านอนุมูลอิสระได้ดีกว่าวิตามินซี เป็นไวท์เทนนิ่งแบบอ่อน  และมีคุณสมบัติในการต้านผลกระทบจากรังสี UV ได้อย่างน่าสนใจ กับ Malva Sylvestris Flower Extract มีข้อมูลเล็กน้อยว่าอาจใช้เป็น Anti-Aging ได้ และพบคุณสมบัติในการต้านการอักเสบและเร่งการสมานแผล  ซึ่งส่วนผสมที่ว่ามานี้สามารถพบได้ใน KANEBO : Wrinkle-Lift Serum ครับ

Eugenia Caryophyllus Flower Extract ที่มีอยู่ในตัว KANEBO : The Cream ก็เป็นหนึ่งในส่วนผสมสำคัญของ KANEBO : Illuminating Serum ซึ่งถูกจดสิทธิบัตรโดยเคลมว่าสารสกัดจากดอกกานพลูที่ทาง KANEBO พัฒนาขึ้นเองนี้สามารถยับยั้งการเกิด Nepsilon-(carboxymethyl)lysine หรือ CML ซึ่งเป็นหนึ่งในสาร Advanced Glycation End Product (AGEs) ที่ทำให้เกิดความคล้ำเหลืองของโปรตีนบนผิวชั้นนอกได้จึงช่วยเรื่องการลดโทนเหลืองคล้ำของผิวนั่นเอง

นอกจากนี้ใน KANEBO : Wrinkle-Lift Serumแม้ว่าชื่อจะเป็นเซรั่ม แต่จริง ๆ มันคือเนื้อครีมที่เข้มข้นด้วยส่วนผสม Baby Soft Oil ที่เลียนแบบโครงสร้างไขมันเคลือบผิวเด็ก (Vernix) เช่นเดียวกับ KANEBO : The Cream ด้วยล่ะ

ย้ำว่าที่บอกไปนี้เป็นวิธีที่ปูเป้ปรับใช้ ทดลองใช้กับตัวเอง และรู้สึกว่าเออ มันดี เราแฮปปี้นะฮะ ไม่ใช่คำแนะนำหรือวิธีใช้อย่างเป็นทางการของทางแบรนด์เอง ใครสนใจอยากลองเอาไปใช้ตามก็ทำได้จ้า

Conclusion

โดยสรุปแล้วจากที่ได้ลอง KANEBO The Exceptional ทั้งสามชิ้นในช่วงที่ใช้ชีวิตได้พังพินาศสุด ๆ ปูเป้พบว่าผิวยังคงสภาพดีได้ แม้จะไม่ได้ใช้สกินแคร์เยอะขั้นตอนและไมไ่ด้มาส์กแผ่นทุกวันเหมือนช่วงก่อนหน้าก็ตาม  แต่ถ้าเอาที่ปูเป้รู้สึกว่าถ้าสนใจกลุ่มนี้ ตัว KANEBO : The Lotion นั้นเป็นตัวที่ราคาเริ่มต้นเบาสุดในกลุ่ม ใช้ง่าย สัมผัสดี กลิ่นหอม ผิวฉ่ำ และได้ส่วนผสมสำคัญหลัก ๆ ในกลุ่มนี้ด้วย

ถ้าอยากได้แบบขั้นตอนง่าย ๆ จบก็โปะด้วย KANEBO : The Emulsion ถ้าผิวไม่แห้งมาก หรือไม่ได้นอนไม่พอ นอนน้อย ใช้ชีวิตแย่จริงๆ ปูเป้ว่าพอแล้วครับ เพิ่มแค่เซรั่มเลิศ ๆ ไปอีกสักหนึ่งหรือสองตัวที่สารสำคัญไม่ซ้ำซ้อนกัน ก็เวิคร์

ถ้าอยากได้สารสำคัญที่อยู่ใน KANEBO : The Cream ที่ราคาเกือบครึ่งแสนปูเป้อธิบายเรื่องส่วนผสมคร่าว ๆ ให้แล้ว ปูเป้บอกตามตรงว่าถึงจะลองแล้วชอบแต่ฐานะตัวเองคงซื้อไม่ไหว ถ้าใครไปไหวและลองใช้แล้วชอบก็จัดเลยครับ อย่างน้อยจะได้รับบริการจาก BC ที่เคาน์เตอร์อย่างดีขั้นสุดแน่นอน  แต่ใครที่อยากได้แต่ปัจจัยยังไต่ไปไม่ถึงจริง ๆ เอาวิธีผสมเซรั่มสองตัวที่ปูเป้แนะนำก็จะช่วยให้คุณราวกับได้ครีมทาผิวที่มีสารแอคทีฟดี ๆ ไม่แพ้กัน แต่เนื้อสัมผัสอาจจะไม่ลื่นผิวเท่าตัวเดอะครีมเท่านั้นเองครับ

เอาจริง ๆ นี่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าแนะนำแบบนี้ไป ทางแบรนด์จะคิดยังไง จะกรี๊ดมั้ย แต่เป็นสิ่งที่ปูเป้อยากบอกกับคนที่มาอ่านครับ ว่าสกินแคร์นี่ถ้าเราเข้าใจมันในหลักการพื้นฐาน เราประยุกต์ เราสนุกกับมันได้ล่ะ

สำหรับคำถามว่า “จะแพ้มั้ย” “ใช้แล้วอุดตันรึเปล่า?” เป็นคำตอบที่ปูเป้บอกไม่ได้ครับ อาการแพ้เป็นสิ่งที่แตกต่างกันไปในทุก ๆ คน สำหรับการอุดตันนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลผิวโดยรวมของแต่ละคนเอง นอกจากนี้คนเรายังไวต่อการอุดตันของสารแต่ละตัวไม่เหมือนกันด้วย ดังนั้นก่อนจะซื้อผลิตภัณฑ์ใด ๆ ก็ตาม ควรทดสอบและทดลองใช้ก่อนทุกครั้ง

***Sponsored Item***

KANEBO : The Lotion
Price : 150ml / 8,000 Baht
Skin Type : All Skin Type
Outstanding :  Hydration, Clarity, Anti-Aging, Barrier Repair

KANEBO : The Lotion
FORMULA
GENTLENESS
SENSORY
RESULT
PUPE LOVE IT
PROS
  • ไม่มีแอลกฮอล์ เนื้อบาง แต่ชุ่มฉ่ำ ไม่หนึบเหนียวหน้า
  • ผิวดูโกลว์กระจ่างใส สุขภาพดี
CONS
  • มีส่วนผสมของน้ำหอม
3.9Overall Score