เมื่อช่วงกลางเดือนกันยายนที่ผ่านมา คุณจิ๊บ PR ของ La Mer ติดต่อมาว่าอยากจะชวนปูเป้มาร่วมงาน workshop เล็ก ๆ เป็นกันเองด้วยกัน บอกตามตรงว่าผมก็แอบงงและประหลาดใจเล็กน้อยนะฮะว่าทำไมถึงมาชวนปูเป้ไปร่วมงานด้วย (จะเอาไปเชือดรึเปล่านะ…) แต่ด้วยความที่พี่จิ๊บน่ารักมากครับ ปูเป้ก็เลยยินดีที่จะไปร่วมงานในครั้งนี้ด้วยความเต็มใจ

งาน La Mer “Eye On Youth” จัดขึ้นที่ Spa Le Meridien ของโรงแรม Le Meridien Bangkok ที่เปิดให้บริการมาไม่กี่ปีและมีการตกแต่งที่ Chic มาก ๆ งานนี้จัดขึ้นเพื่อเปิดตัว La Mer : The Eye Balm Intense ซึ่งเป็นรุ่นปรับปรุงใหม่ของ The Eye Balm ตัวดังเดิมที่ออกมาเมื่อประมาณ 8-9 ปีก่อนมั้งครับ (ผมจำได้ว่าลองใช้ครั้งแรกที่มันวางจำหน่ายช่วงที่ปูเป้เข้ามหาลัยแล้ว)

 

(ของว่างระหว่างรอ ทั้งอร่อยและสวยด้วย)
ระหว่างนั่งรอเวลาก้ได้พูดคุยและรับฟังข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใหม่ตัวนี้ จับใจความได้ว่า La Mer : The Eye Balm Intense นั้นได้เพิ่มส่วนของ The Miracle Broth™ ที่เข้มข้นขึ้นถึง 3 เท่า ได้แก่ สูตรดั้งเดิมตามตำรับของ Dr.Max Huber กับ สูตรเข้มข้นที่นำสูตรดั้งเดิมมาผ่านกระบวนการจนเข้มข้น และสูตรที่บรรจุในแคปซูล (Encapsulation) ร่วมกันส่วนผสมอื่น ๆ ที่มาจากสาหร่ายสีแดง และเปปไทด์

คุยไปคุยมาก็ได้รู้ว่าจริง ๆ แล้วคุณจิ๊บได้ติดตาม Blog ของปูเป้ตั้งแต่ตอนอยู่ที่อเมริกาแล้วครับ พอมาทำงานที่ La Mer จึงอยากเชิญปูเป้มาทำความรู้จักกันด้วย…

(น้องทราย feonalita พึ่งเสร็จจากการนวดหน้า แก้มใสมีเลือดฝาดออกมาเลย!!!)
จะว่าไปก็มีคนเคยถามผมเหมือนกันนะว่าผมไม่ชอบ La Mer รึเปล่า? ก็บอกตามตรงว่าผมไม่เคยมีอคติกับแบรนด์ไหนนะครับ (แม้แต่แบรนด์ขายตรงบางแบรนด์ ผมก็ไม่เคยเกลียดตัวแบรนด์นะ แต่ไม่ชอบนักธุรกิจที่ไม่ยอมพูดจากันด้วยเหตุผลมากกว่า) ผมแค่ให้น้ำหนักกับข้อมูลที่สามารถ “พิสูจน์ได้” มากกว่าจะใช้ “ความเชื่อ” อย่างเดียวเท่านั้นแหล่ะ

แน่นอนว่าการมาร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ยังไม่ได้เปลี่ยนความคิดให้ผมมาเชื่อเจ้า Miracle Broth™ ได้ (แต่หากเจ้าน้ำหมักนาซ่าตัวนี้แสดงปาฎิหาร์ยให้ผมได้เจอกับตัวเองเมื่อไหร่ผมก็คงมาขอเป็นสาวกเมื่อนั้นแหล่ะครับ…ก็คงเหมือนกับที่ผมเป็นสาวกน้ำป้าเจี๊ยบล่ะมั้ง… หลักฐานอ้างอิงอะไรก็ไม่มี… แต่ผมใช้แล้วดีเป็นการส่วนตัวก็เลยใช้มาเรื่อย ๆ ครับ)

 

(เคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสอันแสนอ่อนโยน….)
หลังจาก Breif ข้อมูลกันเสร็จแล้ว ก็ถึงคิวของการนวดหน้า โดยทางแบรนด์ได้คัดมือนวดชั้นหนึ่งจากเคาเตอร์มาให้บริการกันถึงที่เลยทีเดียว ปูเป้ไม่เคยนวดกับ La Mer มาก่อน แต่ได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างมาหลายปากแล้วว่าแจ่มเจิดดีเลิศที่สุดในปฐพี…

เขาระมัดระวังและใส่ใจในทุกรายละเอียดจริง ๆ จนรู้สึกเหมือนกับตัวเองเป็น Super VIP ยังไงอย่างงั้น… การนวดที่ลงน้ำหนักได้อย่างพอดี ความอุ่นจากสัมผัสที่ได้รับทำให้รู้สึกสบายและเคลิบเคลิ้ม

เรื่องความมหัศจรรย์ของ The Miracle Broth™ จะเป็นจริงหรือไม่ ผมว่าผู้ที่เชื่อก็คงศรัทธาอย่างสุดใจ… คนที่ไม่เชื่อหรือยังไม่ประสบด้วยตัวเองอย่างปูเป้…ก็คงยังมีข้อสงสัยต่อไป แต่ที่ผมบอกได้อย่างเต็มปากคือวิธีการนวดหน้าของ La Mer นั้นเลิศมาก!!! (ออกมาหน้าเด้งสุด ๆ จากคำบอกเล่าของคนอื่น ๆ ที่มาร่วมนวดหน้าด้วยกัน) ปูเป้คงไม่บอกว่า La Mer นวดได้ดีเลิศที่สุดแล้ว เพราะผมเองก็นวดหน้ามาไม่เยอะมากคงจะเปรียบเทียบไม่ได้ แต่บอกได้แค่ว่าผมอยากมานวดอีกบ่อย ๆ ฮะ (แต่เงินไม่ถึง… กระซิก ๆ)

ก่อนกลับบ้าน คุณจิ๊บก็มอบ La Mer : The Eye Balm Intense ให้กลับมาลองใช้ที่บ้านกันด้วย (แต่ไม่มีกล่องมาด้วยครับจึงไม่รู้ว่ามีส่วนผสมอะไรบ้าง) เนื้อบาล์มสีเขียวอ่อน ๆ และมีสัมผัสที่ไม่ต่างจากเดิมนัก เนื้อบาล์มนุ่มและให้ความชุ่มชื้นเป็นอย่างดี แต่ด้วยความที่ผมไม่มีปัยหาอะไรกับรอบดวงตาเลย (ริ้วรอยก็ไม่มี ตาคล้ำก็ไม่มีอีก) ผมจึงบอกไม่ได้ว่าอายบาล์มตัวนี้จะให้ผลอย่างไรบ้างนอกจากความชุ่มชื้นดีและรู้สึกนุ่มสบายผิวรอบดวงตาขณะใช้

แต่เจ้า The Applicator หรือที่ผมเรียกว่า “ตุ้มมหัศจรรย์” นี่แหล่ะครับที่เลิศ ตรงปลายเขาทำมาจากเงินแท้ วิธีใช้ก็แค่จุ่มปลายของ The Applicator ลงไปบนครีม (ซึ่งจะได้ปริมาณที่พอเหมาะต่อการใช้ 1 ครั้งพอดี) แต้มเนื้อครีมเริ่มจากโหนกแก้ม ไล่มาใต้ดวงตาไปทางจมูก จากนั้นเกลี่ยไล่อีกทีกลับไปทางโหนกแก้ม ถ้าอยากได้อารมณ์แบบทำสปาก็มากดจุดกันหน่อยโดยใช้ The Applicator กดที่หัวตา กดและค่อย ๆ เคลื่อนออกไปทางโหนกแก้ม 7 ครั้ง จากนั้นใช้กดขึ้นไปทางคิ้วมาจรดที่หัวตา 7 ครั้ง ปิดท้ายด้วยการกดไล่จากหัวตาลงมาที่จมูก 7 ครั้งก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

ถ้ามีอัพเดทเกี่ยวกับส่วนผสมของอายครีมตัวนี้ก็จะเอามาเล่าให้ฟังกันอีกทีนะฮะ สุดท้ายนี้ปูเป้ก็ต้องขอบคุณ คุณจิ๊บและทีมงาน La Mer ที่นวดหน้าให้ปูเป้ด้วยนะครับ 😀

PS. ตอนนี้อยากได้ The Applicator มาเพิ่มอีกอันครับ จะได้ทาและกดจุดทีเดียวสองข้างไปเลยคงจะเพลินน่าดู ถ้าทาง la Mer คิดจะเอามาขายแยกปูเป้ยินดีซื้อครับ 😀

***Update***

ได้ส่วนผสมมาแล้วนะฮะ นอกจาก Eucalyptus Leaf Oil แล้วอายครีมตัวนี้ก็เป็นมอยซ์เจอไรเซอร์เนื้อเข้มข้นที่มีส่วนผสมดีตามสไตล์ผลิตภัณฑ์กลุ่มมอยซ์เจอไรเซอร์ / ซีรั่ม ในเครือ ELCA ทั่วไป ถ้าไม่พิศวาสน้ำสาหร่ายหมักขนาดนั้น ตัวเลือกจาก Clinique หรือ Estee Lauder ก็ให้ส่วนผสมระดับนี้ได้ในราคาที่ประหยัดกว่ามากครับ

Ingredients : Water, Seaweed (Algae) Extract, Shea Butter, Butylene Glycol, Polyethylene, Hydrogenated Polyisobutene, Dimethicone, Cetyl Esters, Cetearyl Alcohol, Malachite, Polybutene, Isostearyl Neopentanoate, Silica, Trisiloxane, Yeast Extract, Caffeine, Cholesterol, Ascophyllum Nodosum Extract, Asparagopsis Armata Extract, Gelidium Cartilagineum Extract, Saccharomyces Lysate Extract, Sesame Seed Oil, Eucalyptus Leaf Oil, Sesame Seed, Alfalfa Seed Powder, Sunflower Seedcake, Sweet Almond Seed Meal, Sodium Gluconate, Potassium Gluconate, Copper Gluconate, Calcium Gluconate, Magnesium Gluconate, Zinc Gluconate, Tocopheryl Succinate, Niacin, St. Paul’s Wort Extract, Whey Protein, Sucrose, Palm Oil, Methyl Glucose Sesquistearate, Cetearyl Glucoside, Glycerin, Aminomethyl Propanol, Glyceryl Distearate, Tetraacetylphytosphingosine, Linoleic Acid, Sorbitol, Acrylates/C10-30 Alkyl Acrylate Crosspolymer, Steareth-10, Magnesium Ascorbyl Phosphate, Vinyl Dimethicone/Methicone Silsesquioxane Crosspolymer, Sodium Hyaluronate, Tocotrienols, Hexylene Glycol, Phytosphingosine, Isododecane, Tocopherol, Squalane, Propylene Glycol Dioctanoate, Phytosterols, Trimethylsiloxysilicate, Caprylyl Glycol, Acetyl Hexapeptide-8, Carbomer, Fragrance, Tourmaline, Disodium EDTA, Sodium Dehydroacetate, Phenoxyethanol, Linalool, Limonene, Benzyl Salicylate, Blue 1, Yellow 5, Titanium Dioxide, Green 5.