นี่ดูเหมือนจะเป็นรีวิวผลิตภัณฑ์ Yves Rocher ครั้งแรกใน blog ของปูเป้เลยครับ หลังจากที่ก็รู้จักแบรนด์แบบผ่านหูผ่านตามานานมาก ๆ ทว่าพึ่งมีโอกาสได้เริ่มลองใช้และรู้สึกชอบผลิตภัณฑ์กลุ่มดูแลผิวกายและเส้นผมเมื่อช่วงปีก่อนนี้ มีเอามาแนะนำอยู่บางตัวในเพจ คราวนี้ทางแบรนด์ส่งสกินแคร์สำหรับผิวหน้ามาให้หลายตัว โดยเป็นกลุ่มที่ได้รับความนิยมสูงอย่าง Anti-Age Global และ Filler Vegetal
ผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Filler Vegetal มาที่ปูเป้ได้มาลองมีสองชิ้น ซึ่งประกอบไปด้วย Supercharged Plumping Serum กับ Intense Anti-Wrinkle Care Face, Neck & Neckline ซึ่งเป็นตัวที่ได้รับความนิยม และคุณสมบัติในการเติมเต็มความชุ่มชื้น อิ่มเอิบ ให้ผิวพรรณดูสดใสอ่อนเยาว์ก็เป็นสิ่งที่ทุกช่วงวัยจะได้ประโยชน์ โดยเฉพาะวัย 30+ ที่ผิวเริ่มสูญเสียความชุ่มชื้นภายนอก และความอิ่มเอิบภายใน เป็นอะไรที่ตอบโจทย์กับช่วงปลายปีที่อากาศเริ่มแห้งลงพอดีเลย
จากการทดลองใช้ทั้งสองชิ้นแล้วรู้สึกว่าเซรั่มเป็นอะไรที่ใช้ง่ายครับ และสนใจที่เขามีสารสำคัญเข้มข้นกว่าตัวอื่นถึง 4.5 เท่า ส่วนตัวครีมนี้ปูเป้ชอบเนื้อสัมผัสนะ ใช้คู่กันตื่นมาผิวผิวอิ่มเอิบดีเลย แต่ส่วนตัวติดว่ากลิ่นแน่นไปหน่อย ไอ้เราเป็นคนที่สกินแคร์ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยผสมน้ำหอม และค่อนข้างโบกครีมเยอะตอนนอน จึงรู้สึกว่าอันนี้กลิ่นมากไปนิดสำหรับตัวเอง เลยสรุปใช้แค่เซรั่มเป็นตัวหลักมาเดือนนึงก่อนเอามาเขียนรีวิวอันนี้จ้า
แต่ก่อนที่จะเข้าถึงรีวิว อยากจะเกริ่นแนะนำตัวแบรนด์สักหน่อยว่า Yves Rocher (อีฟ โรเช) เป็นแบรนด์ของฝรั่งเศสแท้ ๆ ที่มีสาขาไปทั่วโลก ก่อตั้งในปี 1965 โดย Mr. Yves Rocher ชายหนุ่มจาก La Gacilly หมู่บ้านเล็ก ๆ ในแคว้น Britany ที่เริ่มทำครีมที่สกัดจากพืชและอยากนำเสนอผลิตภัณฑ์เพื่อความงามที่มีคุณภาพสูงในราคาที่เข้าถึงได้ โดยในปี 2020 เป็นต้นมาก็มีแนวทางหลักที่ใส่ใจกับประเด็นเรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมาก จะเห็นได้จากความพยายามในการลดการใช้แพคเกจจิ้งที่ไม่จำเป็น การร่วมมือกับองค์กรเพื่อสิ่งแวดล้อมและการสร้างความตระหนักเรื่องปัญหาขยะและสนับสนุนการรีไซเคิล ปูเป้พึ่งทราบว่าเพราะพันธกิจที่สำคัญกับสิ่งแวดล้อมนั้นบริษัทจะต้องพยายามให้ห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ทั้งหมดอยู่ใต้การควบคุมของตัวเองให้มากที่สุด เพื่อให้มั่นใจว่าจะในทุกจุดตั้งแต่การผลิตวัตถุดิบสำหรับใช้ในเครื่องสำอาง ยันการขนส่งไปถึงมือเรา จะถูกจัดการโดยคำนึงถึงผลกระทบที่มีต่อสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างดี และยังช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจในชุมชนของ La Gacilly จากการสร้างงาน และปลุกหมู่บ้านเล็กๆ ที่โรยราให้กลับมามีสีสันและชีวิตชีวาอีกครั้ง
ผลิตภัณฑ์ของ Yves Rocher นั้นเมื่อดูจากส่วนประกอบคร่าว ๆ ก็จะเห็นว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมไม่ซับซ้อน เน้นส่วนผสมของสารสกัดจากพืชตัวหลัก ๆ ซึ่งมองแบบผิวเผินอาจจะดูไม่หวือหวาตามกระแสที่ชอบถล่มอัดสารสกัดมาเยอะ ๆ แบบในปัจจุบัน แต่เมื่อทำการหาข้อมูลเพิ่มจึงได้รู้ว่า ส่วนผสมของสารสกัดจากพืชเหล่านี้ถูกศึกษา วิจัย และปลูกแบบออร์แกนิค เก็บเกี่ยวโดยเคารพต่อความหลากหลายทางชีวภาพ และทำการสกัดขึ้นภายในบริเวณสวนพฤกษศาสตร์และศูนย์วิจัยของของ Yves Rocher ในหมู่บ้าน La Gacilly เองเลยนะ นอกเหนือจากการศึกษาถึงคุณสมบัติของพืชพรรณในการนำมาเป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวแล้ว เขายังพัฒนาเทคนิคในการสกัดสารสำคัญจากพืชและจดสิทธิบัตรเอาไว้ด้วย เรียกได้ว่าแม้เราจะเห็นส่วนผสมข้างกล่องที่มีชื่อเขียนที่อาจดูเหมือนกับที่เคยเห็นในผลิตภัณฑ์อื่น แต่ในผลิตภัณฑ์ Yves Rocher จะเป็นสารสกัดที่เขาปลูกและบางตัวก็ใช้กรรมวิธีสกัดที่เป็นเอกสิทธิเฉพาะของตัวเอง ไม่ใช่ส่วนผสมที่หาซื้อได้จากทั่วไปล่ะ นอกจากนี้การที่แหล่งเพาะปลูก และสถานที่แปรรูป และโรงงานที่ผลิตอยู่ใกล้กัน จึงลดการปล่อยคาร์บอนที่อาจเกิดจากกระบวนการขนส่งเหล่านี้ลงได้ แต่ส่วนผสมอื่น ๆ ที่ไม่สามารถปลูกในพื้นที่ได้จริง ๆ อย่างเช่นพวก Shea Butter ที่ต้องมาจากแอฟริกา เขาก็บอกว่าจะใช้จากแหล่งที่เพาะปลูกอย่างยั่งยืนและสนับสนุนชุมชนอย่างเป็นธรรมล่ะ
ส่วนประกอบของ Yves Rocher : Filler Vegetal Supercharged Plumping Serum (30ml / 1,799 BAHT) ตัวนี้วางจำหน่ายครั้งแรกในช่วงกลางปี 2022 ครับ ประกอบไปด้วยส่วนผสมที่เป็นหัวใจสำคัญคือ คือไฮยาลูโรนิคแอซิดที่เน้นให้ความชุ่มชื้นจากภายนอก และ Ice Plant ที่เคลมว่าช่วยกระตุ้นการสร้างไฮยาลูโรนิคแอซิดในชั้นผิวตามธรรมชาติเพื่อเติมความอิ่บเอิบจากภายในผิวด้วยตัวเอง
Sodium Hyaluronate เป็นส่วนผสมให้ความชุ่มชื้น ซึ่งทางแบรนด์ไม่ได้ชี้แจงว่าสารนี้ถูกใช้มีความเข้มข้นเท่าไหร่ มีขนาดโมเลกุลเท่าไหร่ รายละเอียดเหล่านี้มีผลต่อระดับของการดูดซึมในการให้ความชุ่มชื้นในระดับชั้นผิวที่ต่างกันครับ แต่ทางแบรนด์เคลมว่าได้มาจากกระบวนการหมักบ่มของแบคทีเรียโดยใช้พืชเป็นสารตั้งต้นที่ปัจจุบันก็ใช้วิธีกันเยอะแล้ว แต่บอกเอาไว้เป็นข้อมูลว่าในอดีต (และปัจจุบันก็ยังมี) แหล่งที่มาของสารกลุ่มนี้มาจากการสกัดจากส่วนของหงอนไก่นะ ดังนั้นถ้าใครเป็นสายเน้นส่วนผสมจากธรรมชาติเป็นหลัก หรือเป็นสาย Vegan พึงรู้ว่าต้องเลือกผลิตภัณฑ์ที่เป็นไฮยาจากหมักบ่มของแบคทีเรียและพืชจ้า
Mesembryanthemum Crystallinum Extract หรือ Ice Plant เป็นไม้อวบน้ำ (Succulent) โดยทาง Yves Rocher ได้มีการพัฒนาส่วนผสมตัวนี้และยื่นจดสิทธิบัตรเอาไว้ตั้งแต่ปี 2009 โดยเคลมถึงคุณสมบัติในการช่วยปกป้องผิวชั้นนอก (เคราติโนไซด์) และฟื้นบำรุงผิวชั้นใน (ไฟโบรบลาส)
จากการหาข้อมูลเพิ่มเติมก็พบว่าแม้เจ้า Ice Plant นี้จะถูกนำมาใช้เป็นอาหารและยาแผนโบราณกันในยุโรป เป็นพืชประกอบไปด้วยกรดอะมิโน แร่ธาตุ แซคคาไรด์ สารกลุ่มแอซิด และเอนไซม์ SOD ที่ต้านอนุมูลอิสระ ที่สามารถมีประโยชน์กับผิวได้หลายชนิด แต่มีการศึกษาทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับการนำมาใช้ในการทาผิว หรือเพื่อเป็นเครื่องสำอางอยู่น้อยมาก ๆ การศึกษาเบื้องต้นจากเยอรมันชี้ว่า น้ำที่หีบสดจาก Ice Plant เมื่อนำมาผสมในครีมเบสพื้นฐาน นั้นช่วยเรื่องให้ผิวมีความชุ่มชื้นได้มากกว่าเบสครีมเปล่า ๆ แต่การศึกษานี้มีข้อจำกัดเรื่องจำนวนทดสอบที่เล็ก และมีข้อมูลที่ชี้ว่า น้ำที่หีบออกจาก Ice Plant แบบง่าย ๆ นี้สามารถก่อการระคายเคืองได้ในส่วนน้อยของกลุ่มทดสอบ ข้อมูลนี้ก็ทำให้อาจอนุมานได้ว่าในเรื่องของการเติมความชุ่มชื้นในระดับชั้นผิวนั้นคาดหวังได้แต่ยังไม่มีข้อมูลที่อธิบายเรื่องกลไกในการทำงานที่แน่ชัด
ส่วนสารสกัด Ice Plant ที่อยู่ในผลิตภัณฑ์ของ Yves Rocher นั้นผ่านกระบวนการที่ขั้นสูงกว่า โดยในสูตรปัจจุบันนี้ถูกพัฒนาขึ้นด้วยเทคนิคกระบวนการสกัดเยือกแข็งที่เขาพัฒนาขึ้นและจดสิทธิบัตรเอาไว้เมื่อปี 2015 ในเอกสารระบุว่าตัวพืชนี้ถูกปลูกขึ้นในสวนของ Yves Rocher เอง โดยจะถูกแช่แข็ง -18C ภายใน 2 ชั่วโมงหลังการเก็บเกี่ยวเพื่อรักษาสภาพและสารสำคัญจากการเสื่อมสภาพ ก่อนนำไปผ่านการบด Cryogrinding ที่อุณหภูมิ -70C เพื่อให้สารตั้งต้นที่จะนำไปผ่านการสกัดด้วยเอนไซม์และทำให้บริสุทธิ์ต่อไป โดยเอกสารอ้างว่ากระบวนใหม่ที่พัฒนาขึ้นนี้ ทำให้ได้สารสำคัญที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นเนื่องจากสามารถดูดซึมและถูกเมตาบิลิซึมในชั้นผิวระหว่างการแทรกผ่านได้เป็นอย่างดี สามารถกระตุ้นการสร้างไฮยาลูโรนิคแอซิดตามธรรมชาติในผิวชั้นในได้มากขึ้น 93% แต่เคลมในสิทธิบัตรทั้งสองนี้อิงจากการทดสอบเซลล์ในหลอดทดลอง (In-Vitro) เท่านั้นครับ
ประเด็นเรื่องส่วนผสมนี้จะระคายเคืองผิวได้จากงานวิจัยของน้ำหีบสดที่อ้างอิงก่อนหน้า อาจเป็นเพราะในพืชสดมีสารประกอบจำนวนมากซึ่งรวมไปถึง Oxalic Acid ที่ระคายเคืองผิวได้ แต่ในขณะเดียวกันเป็นที่รู้กันในทางวิชาการว่ากระบวนการหมักบ่มทางชีวภาพที่ถูกควบคุมเป็นอย่างดีสามารถช่วยเพิ่มปริมาณหรือประสิทธิภาพของสารออกฤิทธิ์ รวมไปถึงลดปริมาณหรือลดความเป็นพิษหรือลดสารก่อการระคายเคืองในพืชได้ (ยกตัวอย่างการศึกษาชี้ว่ากระบวนการหมักบ่มสามารถลดปริมาณสารระคายเคืองหรือเป็นพิษในพืช อย่าง Oxalic Acid และ Hydrocyanic Acid ลงได้) นอกจากนี้ส่วนผสมทีพัฒนามาใช้ในเครื่องสำอางโดยพื้นฐานจะมีการทดสอบเรื่องความปลอดภัยอยู่แล้ว ส่วนตัวจึงไม่เป็นห่วงในประเด็นเรื่องการระคายเคืองที่ว่านี้ล่ะ
Aphloia Theiformis Leaf Extract เป็นแอคทีฟหลักอีกหนึ่งตัว ซึ่งทาง Yves Rocher ก็พัฒนาและจดสิทธิบัตรในการนำสารสกัดจากพืชตัวนี้ซึ่งอุดมไปด้วยสาร Magniferin มีคุณสมบัติในการเสริมความแข็งแรงของผิวชั้นนอก ผ่านกลไกในการเสริมการสร้างโมเลกุลที่สำคัญต่อการพัฒนาตัวของเซลล์คาราติโนไซด์และการสร้างลิพิดของชั้นผิวครับ
การหาข้อมูลเพิ่มเติมจากแหล่งอื่น ก็พบว่าพืชชนิดนี้ยังพึ่งมีการศึกษาทางวิทยาศาสตร์กันไม่มาก โดยมีการศึกษาที่ชี้ว่าคุณสมบัติเป็นสารแอนติออกซิแดนท์ที่ดี มีข้อมูลที่ชี้ว่าสาร Magniferin นี้อาจมีคุณสมบัติในการเสริมการเยียวยาบาดแผลของผิวได้แต่ยังเป็นการทดสอบในสัตว์ทดลอง และมีข้อมูลที่ชี้ว่า Magniferin จะสามารถแทรกผ่านเข้าสู่ผิวและออกฤทธิ์ได้ดีขึ้นเมื่ออยู่กำหนดสูตรอย่างเหมาะสม เช่นไมโครอิมัลชั่น หรือนาโนไฮโดรเจล
โดยรวมแล้วส่วนผสมของสารแอคทีฟนี้เน้นไปที่การเสริมความแข็งแรงผ่านการพัฒนาตัวของผิวชั้นนอก การเติมความชุ่มชื้นจากภายนอก และการกระตุ้นการฟื้นบำรุงจากภายในด้วยการกระตุ้นการสร้างไฮยาลูโรนิคแอซิด โดยใช้ส่วนผสมที่พัฒนาขึ้นเองและจดสิทธิบัตรเอาไว้ การจดสิทธิบัตรได้แปลว่าคุณสมบัติเหล่านี้ของส่วนผสมยังเป็นสิ่งที่ไม่ถูกพบมาก่อน แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้มีข้อจำกัดในแง่ของการมีข้อมูลจากแหล่งอื่นมายืนยันหรือสนับสนุนอยู่น้อยครับ
Ingredients : Aqua/Water/Eau, Glycerin, Propylene Glycol, Diglycerin, Pentylene Glycol, Xanthan Gum, Aphloia Theiformis Leaf Extract, Propanediol, Hydroxyacetophenone, Ethyl Linoleate, Caprylic/Capric/Succinic Triglyceride, Parfum/Fragrance, Sodium Gluconate, Lauroyl Lysine, Sodium Hyaluronate, 1,2-Hexanediol, Caprylyl Glycol, Mesembryanthemum Crystallinum Extract, Alginic Acid, Linalool, Silanetriol, Citric Acid, Propyl Gallate,CIi 77163 (Bismuth Oxychloride).
เนื้อผลิตภัณฑ์ของ Yves Rocher : Filler Vegetal Supercharged Plumping Serum เป็นเนื้อเซรั่มเจลที่อยู่ตัวเล็กน้อยแต่เกลี่ยกระจายบนผิวได้ง่ายเมื่อลูบไล้ครับ กลิ่นน้ำหอมที่ใช้ไม่แน่ใจว่าเป็นกลิ่นอะไร แต่อยู่ในระดับกลาง ๆ มี longivity อยู่บนผิวได้ประมาณ 30 นาที ก็จะจางจนแทบไม่รู้สึก แม้จะไม่ใช่กลิ่นที่ถูกจริตที่สุด แต่ส่วนตัวยังถือว่าอยู่ในระดับที่รับได้จนสามารถใช้ได้อย่างต่อเนื่องมา 1 เดือนเต็ม และก็ตั้งใจจะกดใช้ไปจนหมดขวด
ปริมาณในการใช้คือ 2 ปั้มในการทาทั่วใบหน้าและลำคอ ใช้เป็นประจำ เช้า – กลางคืน โดยถ้าอิงจากปริมาณที่เหลืออยู่ในวันที่ถ่ายรูปทำรีวิวนี้ คิดว่าโดยประมาณขวดนึงน่าจะใช้ได้ 6 – 7 สัปดาห์ครับ
จากการทดลองใช้ เนื่องจากปกติปูเป้เป็นที่ใช้ผลิตภัณฑ์กลุ่ม hydration เติมความชุ่มชื้น หรือพวกเซรั่มไฮยาเข้มข้นมาก ๆ เป็นประจำอยู่แล้ว การหยุดใช้ผลิตภัณฑ์กลุ่มนั้นและมาทดลองใช้เซรั่มตัวนี้มในช่วงแรกก็รู้สึกว่าผิวไม่ได้มีความเปลี่ยนแปลงอะไรที่เด่นชัด คือมันดีอยู่แล้ว และมันไม่แย่ลง ซึ่งต้องใช้เวลาช่วงสัปดาห์ที่สามเป็นต้นไปก็รู้สึกว่าเนื้อผิวดูมีความอิ่มเอิบ ลูบๆ ผิวหลังล้างหน้าแล้วผิวมันสมูท มันดึ๋ง ๆ แม้ว่าสภาพอากาศจะแห้งลงกว่าเดิม ทำให้โดยรวมปูเป้ถือว่าโอเคเลยนะที่ตัวนี้สามารถงัดเทียบกับเซรั่มไฮยาแบบเข้มข้นสุด ๆ ที่ปกติใช้อยู่แล้วได้
โดยรวมหลังจากได้ลองใช้ และหาข้อมูลเกี่ยวกับ Yves Rocher : Filler Vegetal Supercharged Plumping Serum ก็ได้เข้าใจในแบรนด์มากขึ้นว่าเขาไม่ใช่แค่ซื้อส่วนผสมเอามาใส่ แต่มีการพัฒนา ศึกษา เพาะปลูก และทำส่วนผสมขึ้นมาใช้เป็นของตัวเองด้วย ซึ่งเซรั่มตัวนี้แม้จะใช้ส่วนผสมที่ไม่ได้ซับซ้อนหรือดูหวือหวา แต่ก็ให้ผลเรื่องคุณภาพผิวที่ดีขึ้นและชุ่มชื้นอิ่มเอิบขึ้นได้ตามที่เคลมครับ
ถ้าจะมีข้อเสนอแนะ ก็คงจะเป็นแค่ส่วนผสมของน้ำหอมที่เป็นรสนิยมส่วนตัว ว่าไม่ถูกจริตเท่าไหร่ และส่วนผสมหลักที่ใช้ยังมีข้อมูลจากแหล่งอื่นมาสนับสนุนอยู่น้อย ปูเป้คิดว่าทางแบรนด์ก็มีการศึกษา พัฒนา จดสิทธิบัตรเอาไว้แล้ว ถ้ามีการเอาข้อมูลออกมาเป็นงานวิจัยตีพิมพ์ มีการทดสอบกับมนุษย์แบบเต็มรูปแบบ ก็จะช่วยให้เรามีข้อมูลอ้างอิงมากขึ้น
สำหรับผู้ที่สนใจ ผลิตภัณฑ์ Yves Rocher มีจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วประเทศ บางสาขาจะมีบริการทรีตเมนต์ด้วย โดยสามารถติดตามข่าวสารรวมถึงตรวจสอบข้อมูลสาขาได้ทาง Facebook : Yves Rocher Thailand ส่วนใครสะดวกทางออนไลน์ก็มีช่องทางการจำหน่ายอย่างเป็นทางการของแบรนด์เองทั้งใน Lazada และ Shopee ครับ
สำหรับคำถามว่า “จะแพ้มั้ย” “ใช้แล้วอุดตันรึเปล่า?” เป็นคำตอบที่ปูเป้บอกไม่ได้ครับ อาการแพ้เป็นสิ่งที่แตกต่างกันไปในทุก ๆ คน สำหรับการอุดตันนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลผิวโดยรวมของแต่ละคนเอง นอกจากนี้คนเรายังไวต่อการอุดตันของสารแต่ละตัวไม่เหมือนกันด้วย ดังนั้นก่อนจะซื้อผลิตภัณฑ์ใด ๆ ก็ตาม ควรทดสอบและทดลองใช้ก่อนทุกครั้ง
***Sponsored Item***
Yves Rocher : Filler Vegetal Supercharged Plumping Serum
Price : 30ml / 1,799 BAHT
Skin Type : All Skin Type
Outstanding : Hydration, Plump
- ส่วนผสมหลักมีการพัฒนาและผลิตขึ้นเอง
- เนื้อสัมผัสใช้ง่าย เหมาะกับทุกสภาพผิว
- แม้จะไมไ่ด้เคลมหรือใช้สูตรที่อัดส่วนผสมเยอะ ๆ แต่ให้ผลของผิวที่อิ่มเอิบและชุ่มชื้นดีขึ้น
- มีส่วนผสมของน้ำหอม
- ส่วนผสมหลักที่ใช้ยังมีข้อมูลจากแหล่งอื่นอยู่น้อยมาก