วันนี้อยากจะมาเล่ารายละเอียดเทคโนโลยีกันแดด IPSA ที่ปูเป้ชอบและแนะนำบ่อยมากในปีที่ผ่านมา  ขอบอกเลยว่าไม่ใช่แค่เนื้อดี กันยูวีเลิศ แต่เทคโนโลยีที่ใส่ในนี้ถือว่าล้ำสุด ๆ ไปเลยล่ะ

ปัจจุบัน IPSA มีกันแดดทั้งหมด 3 แบบ โดย IPSA : Protector Sun Shield e SPF50+ PA++++ สูตรกันน้ำ ขวดเขย่า ๆ เนื้อบางเบา ราคาน่ารัก เป็นตัวที่ได้รับความนิยมที่สุดในบ้านเรามาโดยตลอด  กับ IPSA : Protector Sensitive e  SPF30+ PA+++ สูตรอ่อนโยนสุด ๆ สำหรับผิวบอบบางระคายเคืองง่าย และ IPSA : Protector Multi Shield SPF50+ PA++++ แบบขวดปั้ม ไม่กันน้ำ เนื้อสบายผิว เหมาะกับการใช้ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะอยู่บ้านหรือออกไปทำงานในออฟฟิศ

Product’s Formula

IPSA : Protector Multi Shield SPF50+ PA++++ (30ml / 1,450 BAHT) เป็นกันแดดสูตรไม่กันน้ำ รุ่นที่ 3 ของทางแบรนด์ โดยผ่านการอัพเกรดจาก SPF30 PA+++ ในรุ่นแรก และ SPF50 PA++++ ในรุ่นที่สอง  มาเป็นรุ่นปัจจุบันที่เหนือกว่าเดิมในทุกมิติ รวมไปถึงเนื้อสัมผัสที่สบายผิวยิ่งกว่าเดิมอีกด้วย

คำว่า Multi Shield ในที่นี้คือการปกป้องผิวจากผลกระทบของปัจจัยทำร้ายผิวหลากมิติ ไม่ว่าจะเป็น รังสีจากดวงอาทิตย์  การออกซิเดชั่น  การรบกวนค่าความเป็นกรดด่างของผิว จากฝุ่นและมลภาวะ  และที่ดูล้ำสุดน่าจะเป็นเรื่องของการคืนสมดุลผิวจากการพักผ่อนที่ไม่ดีในยามค่ำคืนอีกด้วย

การปกป้องจากแสงแดด ก็ต้องพูดถึงสารกันแดด ซึ่งเป็นลักษณะ Hybrid ที่ผสานรวมสารกันแดดกลุ่ม Inorganic Filter อย่าง Zinc Oxide  ที่ทำงานสอดประสานกับ Organic Filter อย่าง Ethylhexyl Methoxycinnamate (UVB) กับ Bis-Ethylhexyloxyphenol Methoxyphenyl Triazine (UVB-UVA / Stabilizer) และ Diethylamino Hydroxybenzoyl Hexyl Benzoate (UVA)  ซึ่งเมื่อรวมกับปัจจัยอื่น ๆ ในสูตรที่เกี่ยวข้องกับการทำละลายสารกันแดด การฟอร์มตัวของชั้นฟิล์มกันบนผิว รวมไปถึงสารต้านอนุมูลอิสระต่าง ๆ แล้ว ทำให้ผลิตภัณฑ์ทดสอบได้ค่าการปกป้องมากถึง SPF50+ และ PA++++  ส่วน Titanium Dioxide (CI 77891) นี้เป็นเกรดพิกเมนต์ จึงคิดว่าน่าจะใส่ในเชิงของเนื้อสัมผัสมากกว่าใช้เป็นสารกันแดดครับ

[Source – J Eur Acad Dermatol Venereol. 2019 Aug; 33(8): 1496–1505.]

สำหรับเคลมเรื่องการปกป้องผิวจากมลภาวะนั้น ก็มีทั้งส่วนของมลภาวะในรูปก๊าซ และในรูปแบบฝุ่นอนุภาคอย่างฝุ่นพิษ PM2.5 ซึ่งอนุภาคขนาดเล็กจิ๋วนี้ด้วยตัวมันเองก็ก่อผลเสียกับผิวอย่างมากมาย แต่เมื่อรวมเข้ากับรังสี UV ก็มีข้อมูลที่ชี้ว่าจะยิ่งทวีความรุนแรงในการก่อความเสียมากขึ้น 

กันแดดตัวนี้ใช้เทคโนโลยีสิทธิบัตรเฉพาะที่เคลมว่าช่วยปกป้องผิวทางกายภาพจากฝุ่นมลภาวะเหล่านี้ ด้วยการใช้ส่วนผสมเชิงซ้อน Magnesium Aluminometasilicate กับ Silica ในการช่วยดักฝุ่นมลภาวะไม่ให้สัมผัสกับเนื้อผิวโดยตรง และใช้ Citric Acid และ Sodium Citrate ช่วยเป็นสารบัฟเฟอร์ในการคงค่า pH ของผิวให้คงสมดุล นี่เป็นเทคโนโลยีเดียวกับที่มีอยู่ในกันแดดของแบรนด์ d program ครับ  แต่ตัวนี้ของ IPSA เนื้อทาง่ายกว่าเยอะ

[Source : Photochem Photobiol Sci. 2023 Feb;22(2):345-356.]

สำหรับส่วนผสมอื่น ๆ ที่น่าสนใจก็ได้แก่ Thiotaurine  เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งจดสิทธิบัตรคุณสมบัติในการปกป้องคอลลาเจนจากการทำร้ายของรังสี UVA และมีการการตีพิมพ์การศึกษาของเครือ Shiseido ที่ชี้ว่า สารตัวนี้ช่วยปกป้องเซลล์ไฟโบรบลาสต์จากการกระตุ้นของควันบุหรี่อีกด้วย แต่เป็นการทดสอบแบบ In-Vitro ครับ

ข้อมูลใหม่ที่น่าสนใจคือการศึกษาที่ตีพิมพ์ในปี 2022 ชี้ว่าแม้ UVA จะกระตุ้นการเกิดออกซิเดชั่นของไขมัน มากกว่า Blue Light (แสงสีฟ้า) แต่การศึกษานี้ทำให้พบว่ากลไกในการเกิดการออกซิเดชั่นเหมือนจะมีความต่างกัน เนื่องจากสารต้านออกซิเดชั่นที่ได้ผลดีกับการต้านออกซิเดชั่นที่มาจาก UVA กลับได้ผลต่ำในการต้านออกซิเดชั่นจากแสงสีฟ้า   และการศึกษานี้ชี้ว่าสาร Hypotaurine และ Thiotaurine มีประสิทธิภาพที่สูงกว่าวิตามินซี ในการต้านการเกิดออกซิเดชั่นของไขมันบนผิวที่เกิดจากแสงสีฟ้านั่นเอง   เรียกว่าเป็นส่วนผสมเดิมที่มีใช้ในเครือมายี่สิบกว่าปีแล้ว แต่เอามาศึกษาและค้นพบคุณสมบัติใหม่นี่แหล่ะ

ส่วน Syzygium Jambos Leaf Extract หรือสารสกัดจากใบต้นชมพู่ (Rose Apple) นั้นถูกเคลมในการปกป้องเซลล์ผิวจากอนุมูลอิสระ ปูเป้ยังค้นไม่เจอว่าเขามีการตีพิมพ์อะไรเอาไว้บ้าง ถ้าเจอทีหลังจะเอามาอัพเดทให้ครับ แต่พบว่าพืชตระกูลนี้มีรวบรวมการศึกษาว่ามีสรรพคุณที่น่าสนใจหลายอย่าง เช่น ต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ และต้านจุลชีพ

เทคโนโลยีใหม่ที่ถูกใส่เข้ามาในนี้คือ Self-Support Complex อันประกอบไปด้วย Zanthoxylum Piperitum Peel Extract หรือ Japanese Pepper และ Pelargonium Graveolens Oil หรือน้ำมันหอมโรสเจอราเนียม สองส่วนผสมนี้ถูกเคลมว่าช่วยปรับสมดุลของนาฬิกาชีวภาพที่เกี่ยวข้องกับวงจรของการแสดงออกของโปรตีน Filaggrin ซึ่งสำคัญต่อการพัฒนาตัวของผิวชั้นนอกและโมเลกุล NMF (Natural Moisturizing Factor) ที่ให้ความชุ่มชื้นกับผิว

หลังจากพยายามค้นข้อมูลก็พบเอกสารการจดสิทธิบัตรที่อธิบายว่า เป็นครั้งแรกที่พบว่าการแสดงออกของยีน Filaggrin นั้นมีวงจร 24 ชั่วโมง โดยการแสดงออกของยีนตัวนี้จะสูงขึ้นในช่วงเวลา ตี 5 ถึง 11 โมงเช้า โดยมีช่วงพีคที่ราว  7 – 9 โมงเช้า   ซึ่งการพักผ่อนที่ไม่เป็นเวลา นอนไม่พอ  ส่งผลต่อวงจรเหล่านี้และการทาส่วนผสมเหล่านี้ในตอนกลางวันซึ่งเป็นช่วงที่ควรจะพีคของโปรตีน Filaggrin ก็น่าจะช่วยเสริมให้ผิวชุ่มชื้นและแข็งแรงขึ้นจากการทำงานของผิวตามที่ควรจะเป็นนั่นเอง   นอกจากนี้ยังมีการจดสิทธิบัตรว่า Zanthoxylum Piperitum ยังช่วยการ modulator หรือควบคุมวงจรได้อีกด้วย  ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ฟังดูน่าสนใจ แต่ปูเป้ยังไม่พบว่ามีการตีพิมพ์การศึกษาเรื่องนี้เอาไว้ และเป็นสิ่งที่ลำพังในระดับผู้ใช้ทั่วไปไม่มีทางบอกได้ว่ามันเข้าไปทำงานในระดับเซลล์ได้ตามที่บอกรึเปล่า ส่วนตัวปูเป้คิดว่าเรารู้เป็นข้อมูลเอาไว้ว่าเดี๋ยวนี้เทคโนโลยีสกินแคร์เขาศึกษากันไปถึงไหนแล้วก็ไม่เสียหาย แต่จะทำได้ขนาดนั้นจริงไหมเราไม่จำเป็นต้องเชื่อก็ได้ครับ

นอกจากนั้นส่วนผสมก็เป็นสารให้ความชุ่มชื้นอย่าง Sodium Acetylated Hyaluronate และ Dipotassium Glycyrrhizate ที่ต้านการระคายเคือง ส่วนความเปลี่ยนแปลงที่อาจไม่เกี่ยวข้องกับสารบำรุงหรือสารกันแดดแต่มีความสำคัญไม่น้อยเลย นั่นคือการตัดส่วนผสมของ Cyclic Silicone อย่าง Cyclotetrasiloxane (D4)  กับ Cyclopentasiloxane (D5) ออกไป เนื่องจากปัจจุบันมีข้อมูลว่าสารกลุ่มนี้สามารถสะสมในสภาพแวดล้อมมากขึ้นจนสามารถมีผลกระทบกับสิ่งมีชีวิตได้ ทาง EU เป็นกลุ่มประเทศแรก ๆ ในโลกที่ทำการกึ่งแบน หรือลดปริมาณที่อนุญาตให้ใช้ให้น้อยกว่า 0.1% และเรียกร้องให้ทั่วโลกตระหนักและทำการจำกัดการใช้สารกลุ่มนี้ ซึ่ง IPSA และแบรนด์ในเครือ Shiseido เริ่มตัดส่วนผสมนี้ออกไปในผลิตภัณฑ์ใหม่ และทยอยปรับสูตรผลิตภัณฑ์เก่าอยู่ครับ

Ingredients : Water, Dimethicone, Butylene Glycol, Ethylhexyl Methoxycinnamate, Zinc Oxide, Caprylyl Methicone, Alcohol, C12-15 Alkyl Benzoate, Diethylamino Hydroxybenzoyl Hexyl Benzoate, Glycerin, Bis-Ethylhexyloxyphenol Methoxyphenyl Triazine, PEG-100 Hydrogenated Castor Oil, Diisopropyl Sebacate, Dextrin Palmitate/Ethylhexanoate, Sorbitan Sesquiisostearate, Silica, Titanium Dioxide (CI 77891), Triethoxycaprylylsilane, Phenoxyethanol, Dimethylacrylamide/Sodium Acryloyldimethyltaurate Crosspolymer, Isostearic Acid, Succinoglycan, Hydroxypropyl Methylcellulose Stearoxy Ether, Citric Acid, BHT, Disodium EDTA, Sodium Metaphosphate, Tocopherol, Aluminum Hydroxide, Dipotassium Glycyrrhizate, Magnesium Aluminometasilicate, Thiotaurine, Sodium Citrate, Sodium Metabisulfite, Pelargonium Graveolens Oil, Sodium Acetylated Hyaluronate, Syzygium Jambos Leaf Extract, Lavandula Angustifolia (Lavender) Flower Extract, Zanthoxylum Piperitum Peel Extract.

Usage & Result

เนื้อผลิตภัณฑ์ IPSA : Protector Multi Shield SPF50+ PA++++ จะเหมือนกับอิมัลชั่นบาง ๆ มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของโรสเจอราเนียมที่ใช้เป็นสารแอคทีฟในสูตร ตัวผลิตภัณฑ์ให้กลืนกับผิวได้ง่าย โดยปริมาณในการใช้ที่เห็นในรูปคือ 3 ปั้มสำหรับใบหน้า และอีก 3 ปั้มสำหรับลำคอ ซึ่งถือว่าเหลือเฟือสำหรับการใช้ในชีวิตประจำวันที่ไม่ต้องออกแดดมาก และไม่ได้ทำกิจกรรมกลางแจ้ง

ตัวกันแดดจะทำให้ผิวดูสว่างขึ้นเล็กน้อย ซึ่งอยู่ในระดับที่กำลังดี เป็นธรรมชาติ ไม่วอก การเซ็ทตัวจะดูไม่แห้งแมท แต่ก็ไม่มันเยิ้มเกินไป ให้ความวาวกำลังดี  สิ่งที่ปูเป้ชอบคือเป็นกันแดดที่ใช้แล้วผิวชุ่มชื้น ผิวไม่แห้ง  สำหรับในอากาศบ้านเราสามารถลงแป้งฝุ่นตามได้ แต่ตอนพกไปใช้ที่ญี่ปุ่นตอนอากาศเย็นสบาย คือไม่ต้องเซ็ทแป้งฝุ่นเลย ผิวสวยกำลังดีครับ ไม่มีจะพูดมากอะไรมาก นอกจาก ถูกใจ ใช่เลย

ถามว่ามีข้อจำกัดในการใช้หรือข้อเสียไหม? ปูเป้คิดว่าคงเหมือนกันแดดอีกจำนวนมากที่ถ้าทาแล้วถูวนหรือลูบไปเรื่อย ๆ จะมีโอกาสเป็นขุยได้นะ  แต่ปุเป้เจอไม่บ่อย ถ้าเจอก็มักจะขึ้นอยู่กับสกินแคร์ที่ใช้ร่วมกันมากกว่า  ก็แนะนำว่าแค่เวลาทากันแดด ให้กระจายทั่วผิวแล้วเกลี่ยด้วยปลายนิ้วลูบเบา ๆ ให้ทั่วแล้วก็ปล่อยให้มันเซ็ทตัวด้วยตัวเอง ไม่จำเป็นต้องถูจนกว่ามันจะแห้งครับ

Conclusion

โดยสรุปแล้ว  IPSA : Protector Multi Shield SPF50+ PA++++  คือเป็นสูตรกันแดด hybrid ที่กัน UV ได้ครบ เสถียร และมีสารต้านอนุมูลอิสระมาให้หลายตัว เนื้อสัมผัสเลอเลิศ เบาสบายกำลังดี ขับผิวให้ดูสวยขึ้นอีกนิดแบบเป็นธรรมชาติ เหมาะกับใช้ชีวิตประจำวัน อยู่บ้าน ไปออฟฟิศ  

เทคโนโลยีที่ส่วนตัวใช้แล้วประทับใจคือการปกป้องผิวจากฝุ่นมลภาวะของเครือนี้ที่ไว้ใจมาตลอดหลายปี แต่้รื่องส่วนผสมที่เคลมไว้ว่ากลไกทำงานสุดล้ำลึกอันนี้ก็บอกตามตรงว่าไม่รู้จะพิสูจน์หรือวัดผลยังไงเหมือนกัน  แต่ส่วนตัวปูเป้มองว่า แค่มันทำให้เราใช้เป็นประจำอย่างมีความสุข และพึงพอใจ แค่นี้ก็เพียงพอแล้วในการเป็นกันแดดที่ดีสำหรับปูเป้ครับ

จริง ๆ แล้วกันแดดตัวนี้จะเรียกว่าไม่มีน้ำหอมก็คงไม่ได้ แต่จะบอกว่าเป็นน้ำหอมก็ไม่เชิง เพราะน้ำมันหอมโรสเจอราเนียมปริมาณเล็กน้อยนี้คือสารแอคทีฟหลักในเทคโนโลยีที่เขาชูเลยนี่แหล่ะ  เอาเป็นว่าขอคงมาตรฐานเดิมในการหักคะแนนในส่วนความอ่อนโยนลงไปอีกหน่อยเพราะตรงนี้ละกัน

สำหรับใครที่สนใจ IPSA : Protector Multi Shield SPF50+ PA++++ วางจำหน่ายในราคา 1450 บาท ปริมาณ 30 มิลลิลิตร และสามารถหาซื้อได้ที่เคาน์เตอร์ IPSA ในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ และใน Central Online / MOnline  รวมถึงช่องทางออนไลน์ของแบรนด์อย่าง Lazada ซึ่งมีโปรโมชั่นดี ๆ อยู่เรื่อย ๆ ด้วยล่ะ  ยังไงก็สามารถติดตามข่าวสารของทางแบรนด์ได้ทาง Facebook : IPSA Thailand ด้วยนะฮะ

สำหรับคำถามว่า “จะแพ้มั้ย” “ใช้แล้วอุดตันรึเปล่า?” เป็นคำตอบที่ปูเป้บอกไม่ได้ครับ อาการแพ้เป็นสิ่งที่แตกต่างกันไปในทุก ๆ คน สำหรับการอุดตันนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลผิวโดยรวมของแต่ละคนเอง นอกจากนี้คนเรายังไวต่อการอุดตันของสารแต่ละตัวไม่เหมือนกันด้วย ดังนั้นก่อนจะซื้อผลิตภัณฑ์ใด ๆ ก็ตาม ควรทดสอบและทดลองใช้ก่อนทุกครั้ง

***Sponsored Item***

IPSA : Protector Multi Shield SPF50+ PA++++
Price : 30ml / 1,450 BAHT
Skin Type : All Skin Type
Outstanding : UV Protection, Anti-Pollution, Antioxidation

IPSA : Protector Multi Shield SPF50+ PA++++
FORMULA
GENTLENESS
SENSORY
RESULT
PUPE LOVE IT
PROS
  • สารกันแดดกัน UV ได้ครบและเสถียร
  • ส่วนผสมต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ และเทคโนโลยีกางชั้นปกป้องผิวจากฝุ่นมลภาวะ
  • แนวคิดเรื่องการปรับสุมดุลเพื่อให้ผิวสร้างโมเลกุลที่จำเป็นต่อความแข็งแรงและความชุ่มชื้นของผิวตามวงจรกลางวัน-กลางคืน เป็นสิ่งที่น่าสนใจมาก
CONS
  • มีส่วนผสมของน้ำมันหอมระเหยโรสเจอราเนียมที่ใช้เป็นสารแอคทีฟ
  • ส่วนผสมบางตัวยังไม่มีข้อมูลจากแหล่งอื่นมาสนับสนุน
4.5Overall Score