ในช่วงเวลาที่ผิวพังมีปัญหาระคายเคือง อ่อนแอ บอบบาง และไวต่อทุกสิ่งอย่างรอบตัว เราจะนึกถึงตัวเลือกครีมบำรุงกู้ผิวแพ้พังอยู่ไม่กี่ตัว แต่เราอยากจะบอกว่าจริงๆ แล้วเรามีตัวเลือกผลิตภัณฑ์ประเภทนี้ที่น่าสนใจอีกหลายตัวทีเดียว

จริง ๆ แล้วผลิตภัณฑ์ที่จะเอามารีวิวในวันนี้ก็ไม่ได้ออกใหม่อะไรเลยแต่มีวางจำหน่ายหลายปีดีดักแล้วจากแบรนด์ที่โดดเด่นในด้านสกินแคร์สำหรับผิวบอบบางระคายเคืองง่ายแต่ไม่จำเป็นต้องใช้ชีวิตอย่างน่าเบื่อหรือมีตัวเลือกในการดูแลผิวที่น้อยนิด เพราะเขามีกลุ่มผลิตภัณฑ์หลากหลายให้เลือกอย่างมากมาย และกลุ่มผลิตภัณฑ์ Toleriane ก็เป็นหนึ่งในชุดดูแลผิวพื้นฐานสำหรับคนที่ต้องการหาอะไรอ่อนโยนสำหรับใช้เป็นประจำทุกวันหรือใช้เพื่อฟื้นฟูผิวที่มีปัญหาแหกพังแพ้ระคายเคืองให้แข็งแรงขึ้น (แต่ถ้าผิวมีปัญหาหนักมากแบบสุด  ๆ อย่างเช่นอาการของโรค Rosacea หรือ Atopic Dermatitis  เขาก็มีกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เจาะจงลงไปเฉพาะทางมากกว่านั้นอีกนะ)

พอดีช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมาเราได้ไปทำทรีตเมนต์ eMatrix ซึ่งทำให้เกิดแผลขนาดเล็กจนตกสะเก็ดทั้งหน้าและถูกกำชับให้ใช้ผลิตภัณฑ์จำพวกมอยซ์เจอไรเซอร์บำรุงผิวที่อ่อนโยนและปลอดภัยสุด ๆ เพื่อช่วยฟื้นฟูสภาพผิวจากการทำทรีตเมนต์ ก็ทำให้เรานึกถึงผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Toleriane ว่าต้องเป็นอีกตัวเลือกที่เหมาะสม และยังมีเนื้อสัมผัสให้เลือกปรับใช้ตามสภาพผิวอีกด้วย เจ้า La Roche-Posay : Toleriane Ultra Light ที่นำมาพูดถึงในวันนี้จึงเป็นผู้โชคดีที่เจอเงื่อนไขของการรีวิวผลิตภัณฑ์สำหรับผิวบอบบางที่โหดสุดที่เราเคยทำมา เพราะนี่คือครั้งแรกที่เราทำทรีตเมนต์แบบมีสะเก็ดแผลเต็มหน้าตั้งแต่เราทำ Blog มาเลยล่ะ

Product’s Formula

La Roche-Posay : Toleriane Ultra Light (40ml / 960 Baht) จัดเป็นมอยซ์เจอไรเซอร์สูตรอ่อนโยนที่มีส่วนผสมเรียบง่าย ไร้สารระคายเคืองผิวและมีส่วนผสมที่จำเป็นกับการเสริมความแข็งแรงของผิวและในขณะเดียวกันก็ช่วยปลอบประโลมผิวที่ระคายเคืองให้รู้สึกสบายขึ้นด้วย โดยส่วนผสมหลัก ๆ จะประกอบไปด้วยส่วนผสมที่ให้ความชุ่มขื่น ส่วนผสมที่ช่วยเคลือบปกป้องผิว ส่วนผสมที่เข้าไปทดแทนและเสริมปราการปกป้องผิว และส่วนผสมที่ช่วยลดการระคายเคือง

ส่วนผสมที่มีเยอะที่สุดในผลิตภัณฑ์ก็คือ Aqua/Water แต่นี่ก็ไม่ใช่น้ำธรรมดาทั่วไปแต่ทั้งหมดเป็นน้ำแร่จากเมือง La Roche-Posay ที่มีคุณสมบัติในการปลอบประโลมผิวลดการระคายเคืองและการอักเสบจนถูกนำไปใช้ในการบำบัดโรคผิวหนังและผู้ที่ทุกข์ทรมานจากบาดแผลไหม้ สิ่งที่ทำให้น้ำแร่นี้โดดเด่นคือมีแร่ธาตุ Selenium ในปริมาณสูง ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ต้านารกัอกเสบให้กับผิวได้

(Source : Thermal waters as cosmeceuticals: La Roche-Posay thermal spring water exampleImpact of Different Spa Waters on Inflammation Parameters in Human Keratinocyte HaCaT Cells)

Acetyl Dipeptide-1 Cetyl Ester หรือส่วนผสมที่ทางแบรนด์ใช้ขื่อว่า Neurosensine โดยเปปไทด์ตัวนี้จะไปขัดขวาง substance P ซึ่งเป็นเปปไทด์ที่เกี่ยวข้องกับการกระตุ้นตุ้นการไหลเวียนของเลือดและการอักเสบ จึงช่วยลดความรู้สึกไม่สบายผิวได้

(Source : Management of rosacea-prone skin: evaluation of a skincare product containing Ambophenol, Neurosensine, and La Roche-Posay Thermal spring water as monotherapy or adjunctive therapy.Comparison of skin calming effects of cosmetic products containing 4-t-butylcyclohexanol or acetyl dipeptide-1 cetyl ester on capsaicin-induced facial stinging in volunteers with sensitive skin.)


Squalane เป็นส่วนผสมที่คล้ายกับลิพิตที่หลังออกจากต่อไขมันตามธรรมชาติจึงมีความเข้ากันกับผิวได้เป็นอย่างดี ลดการระเหยออกของความชุ่มชื้นของผิวได้ ส่วน Butyrospermum Parkii (Shea) Butter เป็นบัตเตอร์จากพืชที่มีกรดไขมันที่จำเป็นต่อการซ่อมแซมชั้นปราการปกป้องผิวและถูกใช้กันอย่างกว้างขวางในผลิตภัณฑ์ที่ช่วยทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น

(Source : COSMECEUTICAL CRITIQUE : Shea butterThe importance and perspective of plant-based squalene in cosmetology.)

นอกจากนั้นก็เป็นส่วนผสมของสารให้ความชุ่มชื้นอย่าง อย่าง Glycerin กับ Propanediol และ Butylene Glycol และส่วนผสมของ Dimethicone ที่เคลือบปกป้องผิวได้เป็นอย่างดี ตัวผลิตภัณฑ์ไม่มีส่วนผสมของสารกันเสีย สี น้ำหอม สารก่อการระคายเคือง จึงลดความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดปัญหาหรืออาการแพ้ได้มากทีเดียว โดยรวมคือปลอดภัยมาก และใช้กับผิวรอบดวงตาได้ด้วย

Ingredients : Aqua/Water, Glycerin, Squalane, Propanediol, Butylene Glycol, Butyrospermum Parkii (Shea) Butter, Pentylene Glycol, Dimethicone, Polymethylsilsesquioxane, Polysorbate 20, Glyceryl Acrylate/Acrylic Acid Copolymer, Dimethiconol, Aluminum Starch Octenylsuccinate, Ammonium Polyacryldimethyltauramide/Ammonium Polyacryloyldimethyl Taurate, Disodium EDTA, Acetyl Dipeptide-1 Cetyl Ester. (Code F.I.L. : B161923/2)

Usage & Result

บรรจุภัณฑ์เป็นหนึ่งในสิ่งที่โดดเด่นเพราะมันค่อนข้างสำคัญกับสูตรที่ปราศจากสารกันเสีย เนื่องจากผลิตภัณฑ์ใด ๆ ก็ตามที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติและมีส่วนผสมของน้ำมีแนวโน้มที่จะก่อให้เกิดการเจริญเติบโตของจุลชีพที่ทำให้เกิดการเน่าเสียได้ง่ายหากมีการปนเปื้อน บรรจุภัณฑ์แบบ Ultra Hermetic จะไม่ปล่อยให้อากาศจากภายนอกเข้าไปปะปนกับตัวผลิตภัณฑ์ที่บรรจุได้เลยเนื่องจากตัวผลิตภัณฑ์จะถูกบรรจุอยู่ในถุงที่ถูกปิดล็อคย่างแบบสนิทบนหัวปั้มโดยที่ปลายหัวปั้มจะมีซีลที่เปิดเฉพาะตอนกดผลิตภัณฑ์ให้ไหลออกมาเท่านั้นและจะถูกปิดสนิทเมื่อไม่มีการกดใช้งานนั่นเอง

เนื้อผลิตภัณฑ์เป็นฟลูอิดที่เบาและกระจายตัวได้ง่ายและไม่หนักผิว ให้ระดับในการเคลือบผิวที่เหมาะกับผิวธรรมดา ผิวผสม ถึงผิวมันก็สามารถใช้ได้อย่างสบาย ๆ เลยทีเดียว ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอมแต่กลิ่นก็ค่อนข้างเป็นกลางทำให้ใช้ได้ง่ายอีกเช่นกัน

ประสบการณ์ในการใช้ส่วนตัวถือว่าประทับใจทีเดียว เพราะหลังจากที่ทำทรีตเมนต์ eMatirx และห้ามโดนน้ำเป็นเวลา 24 ชั่วโมงให้ผิวเริ่มตกสะเก็ดถึงจะล้างหน้าทาครีมได้ เรามีอาการแสบหน้าหลังจากล้างหน้าเสร็จเพราะว่าแผลที่ตกสะเก็ดใหม่ ๆ โดนน้ำ การทา La Roche-Posay : Toleriane Ultra Light ลงบนผิวที่ซับแห้งแล้วและมีอาการแสบยิบ ๆ หลังทำความสะอาดนั้นไม่ได้ทำให้ผิวรู้สึกแสบมากขึ้นอย่างที่กังวล แต่เนื่องจากผลกระททบจากการทำทรีตเมนต์จะมีจุดที่แห้งมากเป็นพิเศษตรงบริเวณแก้มจนทำให้เกิดอาการบวมคันบ้าง ซึ่งเนื้อผลิตภัณฑ์ของ La Roche-Posay : Toleriane Ultra Light นั้นเบาบางไปสำหรับตรงนั้น แต่ก็สามารถเลือก La Roche-Posay : Toleriane Ultra ที่มีเนื้อเข้มข้นกว่ามาใช้ในจุดดังกล่าวแทนได้ หรือจะใช้ La Roche-Posay : Cicaplast Baume B5 ที่มีเนื้อเข้มข้นและมีส่วนผสมต้านแบคทีเรียในจุดดังกล่าวก็ได้

ในวันที่ 2 รอยแดงของผิวเริ่มน้อยลง สะเก็ดแผลเริ่มหลุดในวันที่ 3  จนหลุดหมดในวันที่ 10 โดยในระหว่างที่ใช้ผลิตภัณฑ์ไม่มีการติดเชื้อหรือมีการอักเสบเกิดขึ้น รวมถึงไม่มีการเกิดสิวใหม่ด้วย

Conclusion

โดยสรุปแล้ว La Roche-Posay : Toleriane Ultra Light เหมาะสำหรับใครก็ตามที่กังวลในเรื่องของผิวที่บอบบางระคายเคืองง่าย อยากใช้อะไรที่ปลอดภัยและอ่อนโยน สำหรับใช้เป็นมอย์เจอไรเซอร์ประจำวัน หรือคนที่ผิวกำลังพัง มีอาการแพ้ ระคายเคือง ก็สามารถใช้เพื่อช่วยเยียวยาและฟื้นฟูผิวให้กลับมาแข็งแรงได้ ผิวที่ผ่านการทำทรีตเมนต์จนมีสะเก็ดแผลก็สามารถใช้ได้อย่างไม่ต้องสงสัยอีกเช่นกัน มีข้อดีเนื้อผลิตภัณฑ์เบาและกลืนไปกับผิวได้ง่ายเหมาะแม้สำหรับผิวผสมถึงผิวมัน  ลืมไปได้เลยครีมบำรุงสำหรับผิวแพ้ง่ายที่ข้นเหนอะหนักหน้าน่ารำคาญ แต่ถ้ามีผิวที่ค่อนไปทางแห้งหรือแห้งมากเขาก็ยังมี La Roche-Posay : Toleriane Ultra ที่เข้มข้นและเคลือบผิวมากกว่าให้เลือกใช้ให้เหมาะกับผิวแต่ส่วนผสมหลัก ๆ ก็คล้ายกันจ้า

เอาจริง ๆ เขาสามารถเพิ่มส่วนผสมที่เสริมความแข็งแรงของผิวไปได้มากกว่านี้อีกอย่าง Niacinamide สัก 2% ที่ให้ประโยชน์กับผิวในหลายด้านและทำให้ผลิตภัณฑ์ตัวนี้โดดเด่นขึ้นไปอีก แต่น่าจะเป็นเรื่องของเหตุผลทางการตลาดมากกว่าที่ทำให้ส่วนผสมที่ว่านี้ถูกนำไปใส่ในผลิตภัณฑ์อีกตัวเพื่อจำหน่ายเป็นสูตรสำหรับกลางคืนแทน

ใครที่สนใจก็สามารถหาได้ไม่ยากตามร้าน Boots Watsons ร้านขายยา และ เคาเตอร์ในโรงพยาบาล หรือ ช่องทางออนไลน์ผ่านทาง LAZADA หรือสามารถอ่านข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์ www.larocheposay-th.com จ้า

สำหรับคำถามว่า “จะแพ้มั้ย” “ใช้แล้วอุดตันรึเปล่า?” เป็นคำตอบที่ปูเป้บอกไม่ได้ครับ อาการแพ้เป็นสิ่งที่แตกต่างกันไปในทุก ๆ คน สำหรับการอุดตันนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลผิวโดยรวมของแต่ละคนเอง นอกจากนี้คนเรายังไวต่อการอุดตันของสารแต่ละตัวไม่เหมือนกันด้วย ดังนั้นก่อนจะซื้อผลิตภัณฑ์ใด ๆ ก็ตาม ควรทดสอบและทดลองใช้ก่อนทุกครั้ง

***Sponsored Item***

  • La Roche-Posay : Toleriane Ultra Light

La Roche-Posay : Toleriane Ultra Light
*คะแนนดาวเรทติ้งจะแสดงผลไม่ถูกต้องหากเปิดอ่านบทความนี้จาก Smart Phones / Tablets*
FORMULA
GENTLENESS
SENSORY
RESULT
PUPE LOVE IT
PROS
  • ส่วนผสมอ่อนโยนและปลอดภัยมาก ทาบนผิวที่พึ่งตกสะเก็ดยังไม่แสบผิวเลย
  • คุลมปกป้องผิวได้ดี รู้สึกสบายผิว ระคายเคืองน้อยลง และผิวแข็งแรงขึ้นหลังการใช้อย่าต่อเนื่อง
  • นวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ลดการปนเปื้อนจากภายนอกได้อย่างสมบูรณ์แบบ
CONS
  • ไม่เชิงว่าเป็นข้อเสีย แต่แอบรู้สึกว่าถ้าเขาไม่กั๊ก Niacinamide ไปใส่ในสูตรกลางคืนและเอามาใส่ในสูตรนี้แทนมันจะสมบูรณ์กว่านี้
4.4Overall Score