เมื่อช่วงต้นเดือน กพ ที่ผ่านมาปูเป้ไปเที่ยวโตเกียวและเห็นโบร์ชัวร์ของผลิตภัณฑ์ใหม่อย่าง KANEBO : Skin Harmonizer แล้วพอกลับถึงบ้านปุ๊ปทางแบรนด์ก็ส่งของมาให้ทดลองใช้ก่อนใครเลยครับ  หลังจากที่ได้ทดลองใช้และหาข้อมูลเพิ่มเติมแล้วก็คิดว่ามันเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความน่าสนใจในหลายมิติ โดยเฉพาะเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดอย่าง Targeted Sebum Trapping Technology ที่เลือกดักจับเฉพาะกรดไขมันไม่อิ่มตัวที่มีคาร์บอน 18 อะตอมและมีพันธะคู่  1 อัน (C18:1)  อย่างเช่น Oleic Acid และ 8Z-octadecenoic acid เพื่อลดการสัมผัสระหว่างกรดไขมันไม่อิ่มตัวกลุ่มนี้กับผิวชั้นนอก ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ปราการผิวอ่อนแอและสูญเสียความชุ่มชื้นจนผิวเกิดความหยาบกร้าน เป็นแนวคิดและเทคนิคใหม่ที่ยังไม่มีในผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่ปูเป้เคยใช้มาก่อนเลยล่ะ

Product’s Formula

KANEBO : Skin Harmonizer (180ml / 1,700 BAHT) เป็นโลชั่นน้ำตัวใหม่ล่าสุดที่ราคาเข้าถึงได้ไม่ยาก แต่อัดแน่นมาด้วยส่วนผสมที่น่าสนใจ และเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดอย่าง Targeted Sebum Trapping Technology ซึ่งมีที่มาที่ไปจากการการศึกษาของเครือ Kao ที่พบว่าในกลุ่มผู้ที่มีการหลั่งน้ำมันหล่อเลี้ยงผิวในปริมาณมาก และกลับมีความชุ่มชื้นบนผิวที่ต่ำนั้น สัมพันธ์กับการมีสัดส่วนของกรดไขมันไม่อิ่มตัว (C18:1) ในปริมาณสูง และเผยให้เห็นว่าการมีปริมาณน้ำมันบนผิวเยอะไม่ได้แปลว่าผิวจะมีความชุ่มชื้น และชี้ว่าสิ่งสำคัญเป็นเรื่องน้ำมันหล่อเลี้ยงผิวที่ผลิตมาต้องมีคุณภาพ มีสัดส่วนอันสมดุล มากกว่าเรื่องของปริมาณนั่นเอง

ซึ่งสิ่งที่เขาพบก็ดูสอดคล้องกับข้อมูลที่เราทราบกันมาก่อนหน้านี้ว่าโครงสร้างของ Oleic Acid มีความสามารถในการแหวกชั้น Extracellular Lipid Matrix ของผิวชั้นหนังกำพร้าให้เป็นรูได้ แม้ว่าคุณสมบัตินี้จะสามารถใช้ประโยชน์ในการเป็นตัวเสริมการแทรกซึมของส่วนผสมที่ทาลงบนผิว แต่ในทางตรงกันข้ามก็มีการการศึกษาที่แสดงให้เห็นว่าว่าการทาผิวด้วยน้ำมันมะกอกที่อุดมไปด้วย Oleic Acid อย่างต่อเนื่องนั้นมีผลกระทบต่อปราการปกป้องผิวและทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นได้มากขึ้นจากกลไกนี้เช่นกัน  และมีข้อมูลที่ชี้ว่า Oleic Acid สามารถรบกวนการพัฒนาตัวของเซลล์เคราติโนไซต์และทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นได้มากขึ้นเพราะทำให้การกระจายตัวของระดับแคลเซลเซียมในเซลล์ผิวเสียไป

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ปูเป้ไม่ได้อยากให้พวกเราเข้าใจแบบเหมารวมไปว่ากรดไขมัน Oleic Acid เป็นสิ่งไม่ดีนะครับ เพราะมันสามารถเป็นประโยชน์ก็ได้หรือก่อโทษกับผิวก็ได้ ขึ้นอยู่กับบริบท เงื่อนไข ยกตัวอย่างอย่างเช่นในกลุ่มผู้ที่มีผิวผสมหรือผิวมันที่ผลิตน้ำมันหล่อเลี้ยงผิวในปริมาณมากแต่กลับยังรู้สึกว่าผิวแห้งกร้านหรือขาดน้ำ ก็อาจเป็นเพราะผิวของเราผลิตซีบัมที่มีสัดส่วนของ Oleic Acid (Omega-9) มากเกินไป สาเหตุอาจเนื่องมาจากร่างกายมีภาวะการขาดกรดไขมันจำเป็นอื่น ๆ อย่างเช่น Linoleic Acid (Omega-6) เป็นต้น

ในกรณีนี้เช่นนี้ วิธีที่จะลดผลกระทบจากกรดไขมันไม่อิ่มตัวบางชนิดที่มีมากล้นเกินจนส่งผลในแง่ลบกับผิว โดยที่ผิวยังสามารถได้รับประโยชน์จากส่วนประกอบอื่น ๆ ของน้ำมันหล่อเลี้ยงผิวตามธรรมชาติ อย่างกรดไขมันและลิพิดอื่น ๆ ได้ เขาจึงทำการศึกษาและพบว่าสารกลุ่ม Hydroxypropylcellulose บางชนิดมีความสามารถในการไปจับกับกรดไขมันอย่าง Oleic Acid แบบจำเพาะเจาะจง  โดยจะฟอร์มตัวเป็นเจลและกักมันไว้ในโครงสร้างคล้ายฟองน้ำ เพื่อแยกไม่ให้กรดไขมันไม่อิ่มตัวที่ไม่ดีไปสัมผัสกับผิวและแทรกซึมลงชั้นผิวจึงสามารถลดผลกระทบที่มีต่อผิวได้ ซึ่งมีการจดสิทธิบัตรเอาไว้เรียบร้อย โดยในนั้นมีรายละเอียดระบุว่าเมื่อผสมเข้ากับสารกลุ่ม Glycol และโพลีเมอร์อย่าง Acrylates/C10-30 Alkyl Acrylate Crosspolymer จะยิ่งมีประสิทธิภาพสูงขึ้นครับ

โดยส่วนตัวแล้วปูเป้ว้าวกับเทคโนโลยีนี้มาก เพราะมันดูเรียบง่าย แต่แตกต่างจากผลิตภัณฑ์ทั่วไป เพราะในขณะที่ส่วนผสมดูดซับความมันอย่างพวกผงแป้ง โคลน พาวเดอร์และเทคนิคที่ใช้ในผลิตภัณฑ์ดูดซับหรือควบคุมความมันโดยทั่วไปจะดูดซับน้ำมันแบบเหมารวม จึงอาจรวมไปถึงกรดไขมันหรือไขมันที่เป็นประโยชน์กับผิวด้วย และทำให้ผิวดูแห้ง แต่เทคนิคใหม่นี้เลือกจับเฉพาะกรดไขมันบางตัวที่ทำร้ายปราการปกป้องผิวออกจากซีบัมที่ผิวหลั่งออกมา ให้ผิวได้รับประโยชน์จากน้ำมันหล่อเลี้ยงผิวชนิดที่ดีเอาไว้ ทั้งจากที่ผิวหลั่งมาเองตามธรรมชาติ หรือจากที่ผสมลงไปในสูตรของผลิตภัณฑ์ คงน้ำมันหล่อเลี้ยงผิวที่ดีตามธรรมชาติไว้ให้ผิวสวยฉ่ำชุ่มชื้นนั่นเอง

อย่างไรก็ดีเทคโนโลยีนี้ก็ยังไม่มีข้อมูลที่ตีพิมพ์แบบเต็ม ๆให้อ่านกัน ปูเป้จึงยังไม่เห็นผลการทบสอบแบบ In-vivo บนผิวหนังมนุษย์ เรายังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนว่าเทคโนโลยีนี้ให้ผลอย่างไรบ้าง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นแนวคิดที่น่าสนใจและนำไปต่อยอดได้ครับ

นอกจากเทคโนโลยีที่กล่าวมาแล้ว โลชั่นน้ำขวดนี้ก็ยังใส่สารแอคทีฟมาอีกหลายตัวเลยทีเดียว โดยมีหลายตัวที่มีใช้อยู่ในแบรนด์ของเครือ Kao อื่น ๆ มาก่อนหน้า และปูเป้พึ่งเห็นเขาเอามาใช้ในสกินแคร์ในแบรนด์ KANEBO เป็นครั้งแรก

Eucalyptus Globulus Leaf Extract หรือสารสกัดจากใบยูคาลิปตัส ซึ่งมีสารสำคัญอย่าง Macrocarpal A ซึ่งมีการตีพิมพ์การศึกษาเอาไว้ว่าช่วยเสริมการสร้าง Ceramide ในผิวตามธรรมชาติและส่งผลให้ผิวมีความชุ่มชื้นมากขึ้นเนื่องจากการทำงานของปราการปกป้องผิวดีขึ้น  ส่วนผสมนี้ถูกใช้ในแบรนด์ Curel ภายใต้เครือ Kao มาอย่างยาวนาน

Diglycol Guanidine Succinate กับ Amidinoproline ก็เป็นส่วนผสมที่เคยเห็นใช้ในโลชั่นน้ำของ Curel และพึ่งเห็นว่าเอามาใช้กับแบรนด์ KANEBO ครับ ส่วนผสมนี้เคยเป็นสิทธิบัตรของ Kao มาก่อนนี้มีคุณสมบัติในการทำให้เซลล์เคราตินมีความอ่อนนุ่ม ซึ่งใช้คู่กับสารกลุ่ม Humectant อย่าง Xylitol และ Glycerin ก็จะช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื้นและมีเนื้อสัมผัสในการใช้ที่ดี

Phellodendron Amurense Bark Extract สารสกัดเปลือกไม้ที่เป็นสมุนไพรจีนนี้มีข้อมูลว่ามีคุณสมบัติช่วยต้านแบคทีเรียสิวได้  แต่จากการค้นข้อมูลพบว่าเครือ Kao มีการจดสิทธิบัตรว่าสารสกัดชนิดนี้ที่ผ่านกระบวนการ activated carbon-treated พบว่าสามารถไปเสริมเอนไซม์ ADAMTS2 และ BMP1 ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตโปรคอลลาเจนจึงเคลมเรื่องการช่วยต่อต้านริ้วรอยได้

Thujopsis Dolabrata Branch Extract เป็นส่วนผสมที่ทางเครือ Kao พัฒนาสิทธิบัตรเทคนิคการสกัดขึ้นมาใหม่ ปูเป้เคยเห็นว่ามีอยู่ในบางผลิตภัณฑ์ของ Curel ครับ มีสิทธิบัตรที่ยื่นจดว่าช่วยลดความรู้สึกไม่สบายผิวได้

Ethyl Glucoside หรือ Aqua Glucoside เป็นส่วนผสมที่ทาง Kanebo พัฒนาขึ้นเองและจดสิทธิบัตรเอาไว้ด้วย โดยเคลมว่าส่วนผสมนี้เสริมกระบวนการ Keratinization ของเซลล์ผิว ช่วยเสริม Barrier Function ลดการสูญเสียความชุ่มชื้นและลดความหยาบกร้านของผิว

Nasturtium Officinale Extract เป็นสารที่มีชื่อทางการค้าว่า ODRALINE จากบริษัท  Silab ซึ่งเป็นการสกัดเอาสาร Uronic acids มาเพื่อเสริมการพัฒนาตัวของสารให้ความชุ่มชื้นตามธรรมชาติข้างในชั้นผิว  จึงเป็นการทำให้ผิวมีความชุ่มชื้นจากข้างในในระยะยาว

Hydrolyzed Lupine Protein เป็นส่วนผสมที่มีชื่อทางการค้าว่า STRUCTURINE ของบริษัท Silab ที่เคลมถึงการสร้างเซราไมด์และไขมันที่จำเป็นต่อความแข็งแรงของปราการปกป้องผิว ช่วยเสริมเรื่อง Skin Barrier

Anthemis Nobilis Flower Extract หรือ Roman Chamomile น่าจะเป็นการใช้สารสำคัญอย่าง Apigenin เป็นตัวหลักเนื่องจากเขามีสิทธิบัตรในการสกัดเอาไว้โดยสารตัวนี้ช่วยลดการระคายเคืองต้านการอักเสบ

Ingredients : Water, Butylene Glycol, Alcohol, Glycerin, Dipropylene Glycol, Methyl Gluceth-20, Dimethicone, Isononyl Isononanoate, Squalane, Phenoxyethanol, Diglycol Guanidine Succinate, Xylitol, Amidinoproline, Succinic Acid, Ethyl Glucoside, Fragrance, Disodium EDTA, Hydroxyundecanoic Acid, Hydroxypropylcellulose, Simmondsia Chinensis (Jojoba) Seed Oil, Sorbitan Isostearate, Anthemis Nobilis Flower Extract, Eucalyptus Globulus Leaf Extract, PEG-11 Methyl Ether Dimethicone, Nasturtium Officinale Extract, Hydrolyzed Lupine Protein, Thujopsis Dolabrata Branch Extract, Phellodendron Amurense Bark Extract, Acrylates/C10-30 Alkyl Acrylate Crosspolymer, Sodium Benzoate, CI 77947.

Usage & Result

ผลิตภัณฑ์ KANEBO : Skin Harmonizer เป็นโลชั่นน้ำแบบ Bi-Phase โดยมีสัดส่วนของ น้ำและสารบำรุงที่ละลายในน้ำอยู่ 98% และสัดส่วนของน้ำมันเนื้อบางเบาอยู่ 2%  อย่างเช่น Isononyl Isononanoate กับ Squalane และ Simmondsia Chinensis (Jojoba) Seed Oil  ซึ่งเป็นสัดส่วนที่เมื่อใช้ลงบนผิวแล้วจะให้การกระจายตัวที่ดี ผิวมีความชุ่มชื้นและนุ่มนวล โดยไม่รู้สึกไม่เหนอะหนะหรือมันลื่นจนเกินไปครับ ในแง่ของ Sensory ถือว่าทำมาได้ดีเลยล่ะ

หลังจากเขย่าขวดก่อนใช้แล้ว ก็เทผลิตภัณฑ์ในปริมาณเท่าเหรียญ 10 บาท ลงบนฝ่ามือและประคบให้ทั่วผิวหน้าและลำคอ โดยสามารถใช้เพิ่มอีกครั้งเพื่อประคบบำรุงผิวในจุดที่ต้องการดูแลเป็นพิเศษได้ ส่วนตัวปูเป้กังวลเรื่องผิวแห้งบริเวณ  U Zone ก็จะประคบตรงนั้นมากหน่อย

สามารถใช้ร่วมกับสำลี หรือทำเป็น Lotion Mask เพื่อแปะบำรุงผิวแบบล้ำลึกมากขึ้นก็ได้ (แต่ปูเป้ยังไม่ได้ทดลองทำเป็นมาส์กครับ)  หลังจากทดลองปูเป้คิดว่าโลชั่นน้ำตัวนี้ใช้ได้กับทุกสภาพผิว ผิวแห้งก็ใช้ได้เพราะเติมความชุ่มชื้นไม่ได้ทำให้ผิวแห้งแมท ผิวผสมหรือผิวมันก็ใช้ดี เพราะช่วยดูดซับกรดไขมันที่ทำให้ผิวไม่แข็งแรงและหยาบกร้าน และช่วยเสริมน้ำมันบำรุงผิวในปริมาณไม่มากไป เซ็ทตัวบนผิวแบบไม่รู้สึกมันลื่นหรือเลื่อมวาว

โดยรวมปูเป้ชอบสิ่งนี้ในเกือบทุกมิติ ยกเว้นในเรื่องของกลิ่นเพราะมีโน๊ตแนวพาวเดอรี่มากกว่ากลิ่นหอมของผลิตภัณฑ์อื่นในแบรนด์ครับ ซึ่งใครทีติดตามปูเป้มาตลอดจะรู้ว่าส่วนตัวปูเป้ไม่ใช่แฟนของกลิ่นแนวพาวเดอรี่ แต่ค่อยยังชั่วที่ตัวนี้กลิ่นไม่ทน ผ่านไปไม่นานก็หายหมดแล้ว ก็เลยยังสามารถใช้ได้ล่ะ

Conclusion

โดยรวมแล้ว KANEBO : Skin Harmonizer  เป็นโลชั่นน้ำที่ทำมาพร้อมกับคุณสมบัติที่ผิวต้องการเป็นพื้นฐานไม่ว่าจะเป็นการเสริมความชุ่มชื้น การเสริมความแข็งแรงของผิวในระยะยาวผ่านหลายกลไก และส่วนผสมที่ช่วยต้านการระคายเคือง ต้านการอักเสบ การลดผลกระทบจากกรดไขมันที่ทำให้ปราการผิวอ่อนแอ โดยมีเนื้อสัมผัสที่ใช้ได้กับทุกสภาพผิว เพราะมีสัดส่วนของน้ำมันบำรุงผิวในปริมาณที่ผิวแห้งหรือผิวผสมถึงมันก็ใช้ได้ ในขณะที่เทคโนโลยี Targeted Sebum Trapping Technology ก็ช่วยลดผลกระทบของกรดไขมันไม่อิ่มตัวบางชนิดที่ทำร้ายคนผิวผสมถึงผิวมันแต่ขาด ทว่าไม่ไปดูดซับน้ำมันหล่อเลี่ยงผิวอื่น ๆ ที่จำเป็นกับคนที่มีผิวแห้ง

นอกจากเรื่องกลิ่นหอมที่ไม่ตรงจริตปูเป้เสียทีเดียว ก็ต้องยอมรับว่าผลิตภัณฑ์ตัวนี้มีความน่าสนใจมากเลยล่ะ และดูเหมือนว่าทางแบรนด์จะหมายมั่นปั้นมือให้สิ่งนี้มาเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์สกินแคร์ตัวเด่นเพื่อดึงดูดกลุ่มผู้ใช้หน้าใหม่ ๆ เพราะอัดเทคโนโลยีมาแน่น เนื้อสัมผัสง่าย ให้ผลในการใช้ที่ดี แต่ราคาค่อนข้างเบาเมื่อเทียบกับสกินแคร์ตัวอื่น ๆ ในแบรนด์ครับ

สำหรับคำถามว่าจะแพ้มั้ย” “ใช้แล้วอุดตันรึเปล่า?” เป็นคำตอบที่ปูเป้บอกไม่ได้ครับ อาการแพ้เป็นสิ่งที่แตกต่างกันไปในทุก ๆ คน สำหรับการอุดตันนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลผิวโดยรวมของแต่ละคนเอง นอกจากนี้คนเรายังไวต่อการอุดตันของสารแต่ละตัวไม่เหมือนกันด้วย ดังนั้นก่อนจะซื้อผลิตภัณฑ์ใด ๆ ก็ตาม ควรทดสอบและทดลองใช้ก่อนทุกครั้ง

***Sponsored Item***

KANEBO : Skin Harmonizer
Price :  180ml , 1,700 BAHT
Skin Type : All Skin Type
Outstanding : Hydration / Barrier-Repair / Antioxidant

KANEBO : Skin Harmonizer
FORMULA
GENTLENESS
SENSORY
RESULT
PUPE LOVE IT
PROS
  • เทคโนโลยีที่เลือกดักจับเฉพาะกรดไขมันที่ไม่ต้องการเป็นสิ่งที่น่าสนใจมาก
  • สารแอคทีฟหลากหลาย ช่วยเรื่องคุณภาพ ความแข็งแรงของผิว และการต้านการระคายเคือง การอักเสบ ที่จำเป็นเป็นกับทุกสภาพผิว ทุกเพศ และทุกช่วงวัย
  • เนื้อสัมผัสที่ดี เข้าได้กับทุกสภาพผิว
CONS
  • มีส่วนผสมของน้ำหอม
4.1Overall Score