ใครที่ตามปูเป้มาหลักสิบปีน่าจะเห็นเราเคยพูดถึง ALLIE ในฐานะของกันแดดเนื้อดี ไม่มีน้ำหอม ราคาน่ารัก โดยช่วงเวลาสิบกว่าปีที่ผ่านมา ALLIE มีการปรับสูตรและเพิ่มเทคโนโลยีเพื่อให้กันแดดได้มากขึ้น ทนน้ำและทนการเสียดสีได้มากขึ้น แต่ทว่าสูตรเจลที่ออกมาในช่วงปี 2018-2021 นั้นมีเนื้อที่ทึบขาวและเกลี่ยยากกว่าสูตรก่อนหน้า (Mineral Moist Neo) ที่ปูเป้ชอบอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ปูเป้ไม่ค่อยพูดถึงแบรนด์นี้เท่าไหร่ในช่วงนั้น แต่สูตรใหม่ในปี 2022 นี้ขอบอกเลยว่ากันแดดเนื้อเจลทาง่ายที่เราชอบกลับมาแล้ว!!!

ALLIE เป็นแบรนด์ของเครือ Kanebo (ซึ่งปัจจุบันก็อยู่ภายใต้เครือ Kao) จึงมีการแชร์เทคโนโลยีที่ได้รับการจดสิทธิบัตรเรื่องการสร้างเนื้อสัมผัสของผลิตภัณฑ์กันแดดลอันเป็นเอกลักษณ์ของเขา ที่เป็นการนำสารกันแดด Physical Sunscreen + Chemical Sunscreen ในรูปแบบของแคปซูลขนาดเล็กไปกระจายอยู่ในเบสเจลเอสเซนส์ ทำให้ได้ผลิตภัณฑ์กันแดดที่ให้ความรู้สึกฉ่ำสบายผิวเมื่อทา จึงทำให้กันแดดของ ALLIE เป็นตัวเลือกของกันแดดที่มีราคาเข้าถึงง่าย ปราศจากน้ำหอม และมีเนื้อที่งดงามเทียบกับแบรนด์ชั้นสูงระดับเคาน์เตอร์แบรนด์ได้เลยทีเดียว

โดยในครั้งนี้ ALLIE มีการปรับแนวทางของแบรนด์ครั้งใหญ่ ที่ชูเรื่องความยั่งยืนและคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ด้วยการเปลี่ยนแพคเกจด้านนอกที่ลดการใช้พลาสติกลง และการตัดส่วนผสมที่มีข้อกังขาว่าอาจมีผลต่อสิ่งแวดล้อมทางทะเลออกไป โดยแบ่งผลิตภัณฑ์เป็น 3 กลุ่มใหญ่ได้แก่กันแดดแบบไม่มีสี 3 สูตร (ที่ปูเป้ได้มาและนำมาพูดถึงในบล็อกนี้) กับกันแดดที่เป็นเมคอัพเบสสี 3 สูตร และกันแดดแบบปรับโทนผิวให้สว่างขึ้นอีก 3 สูตร ซึ่งทั้งหมดได้เริ่มจำหน่ายในไทยอย่างเป็นทางการแล้ว

กันแดดทั้ง 9 สูตรใหม่นี้จะไม่มีส่วนผสมของสารกันแดดตามที่ถูกห้ามใช้ในเขตอุทยานแห่งชาติของไทย อย่าง Ethylhexyl Methoxycinnamate (Octinoxate) กับ Benzophenone-3 (Oxybenzone) และ 4-Methylbenzylid Camphor รวมไปถึงสารกันเสียอย่าง Butylparaben

สารที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์กันแดดสูตรเก่าของ ALLIE อย่าง Ethylhexyl Methoxycinnamate ซึ่งเป็นสารดูดซับรังสี UVB และทำหน้าที่เป็นตัวทำละลายสารกันแดดที่เป็นผงตัวอื่น ๆ ในสูตร ได้ถูกเปลี่ยนเป็นสารดูดซับรังสี UVB รุ่นใหม่กว่าอย่าง Ethylhexyl Triazone (Uvinul T150) ของบริษัท BASF ซึ่งมีความเสถียรสูง เกาะกับผิวได้ดี  และ/หรือ Polysilicone-15 ของบริษัท DSM ซึ่งมีความพิเศษคือเป็นสารกันแดดที่เป็นกลุ่มซิลิโคน มีข้อดีคือมอบสัมผัสที่นวลเนียนและสร้างชั้นฟิล์มบนผิวหนังที่มีความไม่สม่ำเสมอได้ดี จึงเป็นการเปลี่ยนที่ดีขึ้นในแง่ของประสิทธิภาพ และสามารถนำไปใช้ในเขตอุทยานได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องกลัวว่าจะโดนจับหรือปรับอีกด้วย

ALLIE : Chrono Beauty Gel UV EX SPF50+ Pa++++ (90g / 780 BAHT) ยังคงใช้สารกันแดดที่แบบผสม (Hybrid) ระหว่างสารกลุ่ม Physical/Inorganic Sunscreen อย่าง Zinc Oxide (nano) และสารกลุ่ม Chemical/Organic Sunscreen อย่าง Ethylhexyl Triazone (Uvinul T150) กับ Bis-Ethylhexyloxyphenol Methoxyphenyl Triazine (Tinosorb S) และ Drometrizole Trisiloxane ซึ่งมีความเสถียรสูง และโดยรวมกันยูวีได้แบบ Broad-Spectrum ครบทั้ง UVB-UVA โดยมีวิตามินอีในรูป Tocopherol เป็นสารต้านอนุมูลอิสระและใช้ Sodium Hyaluronate เป็นส่วนผสมให้ความชุ่มชื้น  ปราศจากส่วนผสมของน้ำหอมและสี

สำหรับสายอ่านส่วนผสมกันแดด อาจจะเอ๊ะ ว่า Drometrizole Trisiloxane เป็นสารกันแดดที่เคยถูกใช้เฉพาะในแบรนด์เครือจากฝรั่งเศสไม่ใช่หรอ? ทำไมถึงมาอยู่ในแบรนด์ญี่ปุ่นได้?  คำตอบคือ Drometrizole Trisiloxane นั้นสิทธิบัตร 20 ปีได้หมดอายุทั่วโลกเป็นที่เรียบร้อยเมื่อปี 2021 ที่ผ่านมา ตอนนี้จึงเป็นสารกันแดดแบบ Generic สามารถผลิตและนำมาใช้ทางการค้าได้ทั่วไป

เจลสูตรนี้ยังคงชูจุดขายที่ให้ความรู้สึกชุ่มชื้น ผิวดูดิวอี้ แต่สูตรใหม่เราว่าดีขึ้นตรงที่เมื่อทาแล้ว ดูวาวน้อยลง เซ็ทตัวแบบดูสบายผิว ผิวตรงช่วง U-Zone ไม่แห้งกร้าน ส่วน T-Zone ที่ปกติมีน้ำมันมากกว่าก็จะมีความเงาบ้างแต่ตบด้วยแป้งฝุ่นกลบได้สบาย ใช้ได้ทั้งผิวหน้าและผิวกาย ทนน้ำและเหงื่อระดับ Very Water-Resistant และทนการเสียดสี มีเนื้อที่ใช้ง่ายพอที่จะใช้ในวันธรรมดา วันทำงาน อยู่บ้าน แต่ถ้าต้องทำกิจกรรมกลางแจ้งก็ใช้ได้เหมือนกันครับ

แม้ว่า ALLIE : Chrono Beauty Gel UV EX SPF50+ Pa++++  จะยังคงใช้ Zinc Oxide เป็นสารกันแดดหลัก แต่ทันทีที่บีบออกจากหลอดมาเทียบกับสูตรเก่า จะพบว่าสูตรใหม่มีเนื้อที่บางกว่า รวมถึงมีความโปร่งกว่าสูตรเก่าเล็กน้อย และมีสีออกขาวมากกว่าจะออกอมเหลืองนวล ๆ

เมื่อลูบบนผิวจะสังเกตได้ทันทีว่า สูตรใหม่ในปี 2022 เนื้อกันแดดมีการกระจายตัวบนผิวได้ง่ายและมีความสม่ำเสมอกว่า  จึงทาให้กลืนกับผิวได้ง่ายกว่า  ในขณะที่สูตรเก่าจะมีเอฟเฟคเหมือนน้ำกลิ้งเป็นหยดบนผิว ซึ่งในการใช้งานจริงจะให้การเกลี่ยกระจายบนผิวได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่

จากการใช้กันแดดทั้งสองสูตรในปริมาณที่เท่ากัน และเกลี่ยทาด้วยการใช้นิ้วลูบด้วยจำนวนครั้งที่เท่ากัน ALLIE : Chrono Beauty Gel UV EX SPF50+ Pa++++  สูตรใหม่ดูกลืนเข้ากับผิวมากกว่าสูตรเก่า และดูมีความขาวน้อยกว่า 

ปูเป้มีผิวโทน Ocher B ~ Ocher C ออกขาวเหลือง สามารถที่จะใช้ ALLIE : Chrono Beauty Gel UV EX SPF50+ Pa++++  ได้โดยที่ผิวจะดูสว่างขึ้นหนึ่งโทน ซึ่งเป็นเอฟเฟคที่ทำให้ผิวดูกระจ่างขึ้นกำลังดี แต่สำหรับคนที่ผิวโทนเข้มถ้าทาเยอะ ๆ ก็น่าจะยังรู้สึกว่ามันขาวไปครับ เป็นข้อจำกัดของกันแดดที่ Zinc Oxide เป็นตัวหลัก

Ingredients : Water, Zinc Oxide (nano), Alcohol, Diisopropyl Sebacate, Dicaprylyl Carbonate, Ethylhexyl Triazone, Glycerin, C12-15 Alkyl Benzoate, Dimethicone, Drometrizole Trisiloxane, Sodium Acrylate/Sodium Acryloyidimethy| Taurate Copolymer, Bis-Ethylhexyloxyphenol Methoxyphenyl Triazine, Butylene Glycol, Isohexadecane, Triethoxycaprylylsilane, Poly C10-30 Alkyl Acrylate, Acrylates/Polytrimethylsiloxymethacrylate Copolymer, PEG-400, Polysorbate 80, C30-45 Alkyl Methicone, Xanthan Gum, C30-45 Olefin, Sorbitan Oleate, Polysilicone-9, Disodium EDTA, Tocopherol, Sodium Hyaluronate.

ALLIE : Chrono Beauty Facial Gel UV EX SPF50+ Pa++++ (60g / 780 BAHT) สูตรของปี 2022 แม้จะมีการตัด Ethylhexyl Methoxycinnamate ซึ่งเป็นสารดูดซับรังสี UVB หลักออกไป โดยยังคง Ethylhexyl Triazone (Uvinul T150) กับ Bis-Ethylhexyloxyphenol Methoxyphenyl Triazine (Tinosorb S) เอาไว้อยู่ แต่ได้เพิ่มส่วนผสมของ Polysilicone-15 และ Titanium Dioxide (nano) กับ  และ Diethylamino Hydroxybenzoyl Hexyl Benzoate (Uvinul A Plus) จึงทำให้สูตรโดยรวมกันยูวีได้แบบ Broad-Spectrum ครบทั้ง UVB-UVA และไม่มีปัญหาเรื่องความเสถียร

ตัวนี้ทำออกมาเน้นสำหรับใช้กับผิวหน้าเพราะเซ็ตตัวแบบไม่มันวาว เป็นเมคอัพเบส และทนน้ำและเหงื่อระดับ Very Water-Resistant และทนการเสียดสีได้เช่นกัน

จากการเพิ่มสารกันแดดอย่าง Titanium Dioxide (nano) เข้ามาในสูตร ทำให้เนื้อกันแดด ALLIE : Chrono Beauty Facial Gel UV EX SPF50+ Pa++++ ตัวนี้จะมีความสว่างกว่าสูตรเก่าครับ สำหรับคนที่มีการแต่งหน้า ก็ใช้พวกเมคอัพเบสสีพีชเนื้อโปร่ง ๆ มาช่วยปรับโทนให้กลมกลืนเป็นสีผิวและให้ลุคที่ดูกระจ่างใสและดูไม่ขาวลอยได้ครับ  ส่วนตัวปูเป้รู้สึกว่ามันขาวเกินไปสำหรับผิวเอง

Ingredients : Water, Alcohol, Dilsopropyl Sebacate, Triethylhexanoin, Zinc Oxide (nano), Titanium Dioxide (nano), Dimethicone, Glycerin, Ethylhexyl Triazone, Butylene Glycol, Polysilicone-15, Beheny| Alcohol, Bis-Ethylhexyloxyphenol Methoxyphenyl Triazine, Hydrated Silica, Diethylamino Hydroxybenzoyl Hexyl Benzoate, Hydrogenated Lecithin, Sodium Acrylate/Sodium AcryloyIdlmethyl Taurate Copolymer, Triethoxycaprylylsilane, Isohexadecane, Acrylates/Polytrimethylsiloxymethacrylate Copolymer, Polysorbate 80, Xanthan Gum, Disodium EDTA, Sodium Hyaluronate.

ALLIE : Chrono Beauty Milk UV EX SPF50+ Pa++++ (60ml / 780 BAHT) เป็นสูตรที่ปูเป้ไม่มีข้อมูลอื่นนอกจากส่วนประกอบให้เทียบนัก เพราะว่าปูเป้ไม่เคยลองใช้สูตรเก่าก่อนหน้านี้ครับ  แต่สูตรใหม่นี้พึ่งพาส่วนผสมของสารกันแดดแบบ Physical Sunscreen อย่าง Zinc Oxide (nano) และ Titanium Dioxide (nano) เป็นหลัก และใช้ Polysilicone-15 เป็นตัวเสริมค่า SPF และมอบสัมผัสที่นวลเนียนมากขึ้น

กันแดด สูตรใหม่นี้ยังทำการตัดซิลิโคนชนิดระเหยไวในรูป Cyclopentasiloxane ออกไป แม้จะยังไม่มีข้อห้ามใช้ในผลิตภัณฑ์ชนิดไม่ต้องล้างออก และในตลาดเอเชียก็ไม่มีการพูดถึงเรื่องการจำกัดในการใช้สารตัวนี้ แต่ใน EU ปัจจุบันได้ทำการจำกัด Cyclopentasiloxane ในผลิตภัณฑที่ต้องล้างออกให้มีความเข้มข้นน้อยกว่า 0.1% เนื่องจากมีข้อมูลที่ชี้ว่าเป็นสารที่มีการสะสมตกค้างได้สูง และมีแนวโน้มว่าอาจจะถูกจัดกัดในผลิตภัณฑ์ชนิดไม่ต้องล้างออกในอนาคต แบรนด์ที่มีแผนจำหน่ายในหลายประเทศ หรือมีจุดยืนเรื่องสิ่งแวดล้อมจึงมักทำการลดการใช้ส่วนผสมตัวนี้โดยสมัครใจ

ในบรรดากันแดดทั้งสามตัว กันแดดเนื้อน้ำนมนี้เป็นสูตรที่ทาแล้วผิวออกมาเนียนสมูทเหมือนกำมะหยี่ที่สุด และเกลี่ยให้กลืนเข้ากับผิวได้อย่างนวลเนียนสบายผิว แต่เรื่องจะดูขาวบนผิวแค่ไหนนั้นขึ้นอยู่กับปริมาณในการใช้ และโทนสีผิวดั้งเดิมของผู้ใช้ เพราะยังไงนี่ก็ข้อจำกัดของกันแดดที่เป็น Zinc Oxide (nano) และ Titanium Dioxide (nano) เป็นหลัก

Ingredients : Dimethicone, Zinc Oxide (nano), Titanium Dioxide (nano), Diisopropyl Sebacate, Triethylhexanoin, Alcohol, Methyl Trimethicone, Talc, Butylene Glycol, C12-15 Alkyl Benzoate, Stearic Acid, Water, Acrylates/Polytrimethylsiloxymethacrylate Copolymer, Polysilicone-15, Aluminum Hydroxide, Polyglyceryl-3 Polydimethylsiloxyethyl Dimethicone, Sorbitan Isostearate, Dicaprylyl Carbonate, Triethoxycaprylylsilane, C30-45 Alkyldimethylsilyl Polypropylsilsesquioxane, Dextrin Palmitate, Polysilicone-9, Sodium Hyaluronate, Tocopherol.

โดยรวมแล้วกันแดด 3 สูตรปรับปรุงใหม่ อ่านมาถึงขนาดนี้แล้วก็น่าจะเดาได้ไม่ยากว่าปูเป้ถูกใจตัวไหน เพราะว่าน้ำหนักในการให้ข้อมูลนั้นลำเอียงอย่างชัดเจน (ฮา) แต่เอาเป็นว่าส่วนตัวดีใจที่ สูตรใหม่ทำมาได้ดี ใช้งานในชีวิตประจำวันได้ง่าย ทำให้เรามีตัวเลือกของกันแดดราคาไม่แรง คุณภาพดี เนื้อดี ไม่มีน้ำหอม มาให้เลือกใช้

จริงๆ แล้วเครือ Kanebo / Kao ทำกันแดดแบบที่เป็น Chemical ล้วนได้ออกมาเนื้อดีมากเลยนะ ก็อยากจะเสนอให้ ALLIE มีตัวเลือกของกันแดดที่กลืนเข้ากับทุกสีผิว แม้แต่ผิวโทนเข้ม สำหรับตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้บ้าง ปูเป้เชื่อว่าแฟน ๆ ชาวไทยของแบรนด์ ALLIE จะดีใจอย่างมากเลยล่ะ (/ยกมือ)

Related Posts