การกำจัดขนเป็นหนึ่งเรื่องที่ถูกถามไถ่กันเข้ามามากมาย ซึ่งก็จะถามว่าเลเซอร์ขจัดขนนั้นได้ผลจริงหรือไม่? ให้ผลถาวรหรือยาวนานแค่ไหน? เจ็บรึเปล่า? ทำที่ไหนดี? และอื่น ๆ อีกมายมาย ซึ่งปูเป้ก็รวบรวมข้อมูลจากที่หาอ่านมาและจากที่ได้ทดลองทำด้วยตัวเองมาเล่าให้ฟังกันอีกเช่นเคย


ความยาวคลื่นต่ำจะทะลุทะลวงได้น้อยแต่ทว่าจะถูกดูดซับโดยเมลานินได้ดี ในขณะที่ความยาวคลื่นที่สูงจะมีอำนาจในการทะลุทะลวงที่สูงแต่ก็จะถูกดูดซับโดยเมลานินได้น้อยกว่า นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเลเซอร์ชนิด Ruby และ Alexandrite นั้นไม่เป็นที่นิยมในประเทศไทยหรือในแถบเอเชีย เพราะว่าสีผิวของคนในแถบนี้จะเข้มกว่าคนยุโรป มีปริมาณเมลานินในผิวมากกว่า จึงทำให้เกิดอาการ Burn หรือไหม้ได้ง่าย
Diode และ Nd:YAG จะเป็นเลเซอร์สองชนิดที่ได้รับความนิยมมากกว่าในแถบเอเชีย และ Nd:YAG เป็นเลเซอร์ที่มีความปลอยภัยสูง สามารถใช้ได้กับทุกสีผิว แม้ความยาวคลื่นที่สูงจะทำให้การจับกับเมลานินทำได้ด้อยกว่า แต่ความสามารถในการทะลวงลึกได้มากถึง 7 mm ใต้ผิวก็ทำให้มันสามารถไปจับกับตรงส่วนของรากขนได้ง่ายขึ้น
ถามว่าตัวเลือกใดที่ดีที่สุด? (โดยตัด Ruby และ Alexandrite ออกไปแล้ว) ก็คงจะมีเหลือแค่ Diode กับ Nd:YAG ปูเป้คงจะแนะนำว่าต้องเลือกตามความเหมาะสมจะดีกว่า
Diode Laser (800 nm) หรือ Soprano XL มีประสิทธิภาพในการขจัดขนได้ดีกว่า Nd:YAG เพราะความยาวคลื่นที่ต่ำกว่าก็สามารถจับกับเมลานินในเส้นขนได้ดีกว่า ทว่า Diode Laser ต้องใช้เจลเย็นในการลดความร้อนระหว่างทำ จึงอาจไม่เหมาะนักกับการทำที่ผิวหน้าหรือในบริเวณเล็ก ๆ ที่ต้องการความละเอียดเป็นพิเศษ เหมาะเอาไว้ทำพวกแขน ขา หรือบริเวณกว้าง ๆ

การใช้ Filter เพื่อกรองคลื่นแสงให้เหลือไว้เฉพาะในช่วงของความยาวคลื่นที่ต้องการ ทำให้ IPL สามารถใช้ในการขจัดขนได้ แม้จะมีข้อมูลว่า IPL ให้ผลได้ใกล้เคียงกับ Nd:YAG แต่ IPL ก็ทำให้เกิด Post-Inflammatory Hyperpigmentation มากกว่า และจากการทำแบบสอบถามก็พบว่า IPl ทำให้รู้สึกเจ็บหรือไม่สบายผิวมากกว่า Ruby Laser ด้วย
จากข้อมูลในหนังสือ Hair and Scalp Diseases Medical, Surgical, and Cosmetic Treatments หน้า 231 ระบุว่า IPL ไม่เหมาะที่จะใช้ขจัดขนในรายที่มีผิวสีเข้ม ถึงดำ เพราะว่า Filter ที่มีอยู่ในปัจจุบันไม่สามารถขจัดคลื่นที่ไม่ต้องการออกได้หมด อาขจทำให้เกิดการบาดเจ็บได้ในผู้ที่มีสีผิวดังกล่าวจ้า
แต่ถึงแม้ผลที่ได้จากการทำเลเซอร์ขจัดขนจะไม่สามารถทำให้ขนเราหายไปหมด 100% ได้อย่างถาวร แต่มันก้เป็นวิธีที่ที่ปลอดภัย เร็ว ง่าย เจ็บตัวน้อย และราคาค่างวดในการทำก็ยังมีแนวโน้มจะปรับตัวลดลงเรื่อย ๆ อีกด้วย
แต่ถ้าบอกว่าไม่เจ็บหรือไม่รู้สึกอะไรเลยมันก็โกหกอ่ะนะ แม้จะมีตัวช่วงต่าง ๆ ทั้งการทายาชา การประคบ เป่า หรือหล่อเย็นด้วยเจล มันก็ยังมีความรู้สึกเจ็บบ้างอยู่ดี
เจ็บแค่ไหน? ส่วนตัวปูเป้จะบอกว่าส่วนตัวสามารถทนได้สบาย ๆ (ถอนขนหนวดด้วยแหนบเจ็บกว่าเยอะ) แต่ทว่าทุก ๆ คน มีขีดจำกัดในการทนต่อความเจ็บปวดได้ไม่เท่ากัน ถ้ากลัวเจ็บมากก็ให้เขาทายาชาทิ้งเอาไว้นาน ๆ ก็ได้ครับ


มีการทดสอบนึงโดยใช้ Nd:YAG พบว่าหลังจากการทำเลเซอร์ขจัดขน 5 ครั้ง ผ่านไป 12 เดือน ปริมาณเส้นขนโดยรวมก็หายไปกว่า 75 % ของที่เคยมีอยู่ ส่วนนานกว่านั้นผลจะเป็นยังไง ยังไม่เจอข้อมูลที่แน่นอน และส่วนตัวปูเป้ก็ทำไม่ติดต่อกันด้วย จะขอลองกลับไปทำใหม่อีกครั้งโดยควบคุมเรื่องความสม่ำเสมอมากกว่านี้
– เป็นไปได้ให้งดพวกยารักษาสิวที่มีฤิทธิ์ในการผลัดลอกเซลล์ผิวอย่างน้อยสัก 1 – 2 สัปดาห์ก็จะช่วยให้ผิวระคายเคืองได้น้อยลง
– สามารถทายา Triamcinolone Acetonide เพื่อลดรอยและการอักเสบแดงได้ (แต่มันเป็นสเตยรอยด์ ถ้าไม่จำเป็นหรือรีบจริงๆ ก็ไม่ต้องใช้หรอก)
– งดการใช้ยารักษาสิวที่มีฤิทธิ์ในการผลัดเซลล์ผิว กรด AHA และ BHA สักระยะ
– หลีกเลี่ยงแสงแดด และทายากันแดดเป็นประจำ
– อย่าถอนหรือดึงขน ให้โกนเอา (แล้วสักพักขนจะหลุดเอง)
– หลีกเลี่ยงการทำให้ผิวระคายเคือง เพื่อลดโอกาสการเกิดรูขุมขนอักเสบ หรือตุ่มหนองขาว ๆ บริเวณรูขุมขน
ผลข้างเคียงที่พบได้หลังจากการทำเลเซอร์ขจัดขนได้แก่อาการแสบ คัน บวมแดง ซึ่งการประคบเย็นและการใช่ยาแก้แพ้จะช่วยลดปัญหาตรงนี้ได้ ปัญหาที่ดูรุนแรงขึ้นมาคือ “รูขุมขนอักเสบ” (folliculitis) ซึ่งเป็นตุ่มแดงหรือตุ่มหนองขาว ๆ ที่ขึ้นมาตรงรูขุมขน เกิดขึ้นจากการติดเชื้อ รวมถึงการระคายเคือง การใช้ยาทายาฆ่าเชื้อ (หรือใช้ยาทานควบคู่ไปด้วย) จะสามารถบรรเทาปัญหาตรงนี้ไปได้
โอกาสการเกิดปัญหาเหล่านี้ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคน รวมถึงความชำนาญของผู้ทำ รวมถึงคุณภาพของเครื่องมือและการลดความร้อนด้วยความเย็นขณะทำด้วย ความสะอาดก็เป็นอีกปัจจัย
การทำในครั้งแรกก็มีตื่นเต้นบ้าง โดยเฉพาะจะเริ่มยิง Shot แรกนี่ตัวเกร็งเลย แต่พอรู้สึกว่ามันไมได้เจ็บอย่งที่คิดก็เบาใจขึ้นเยอะ ส่วนที่จะเจ็บหน่อยก็คือบริเวณหน้าผากที่มีเนื้อและไขมันอยู่น้อย ส่วนที่ไม่ค่อยเจ็บเลยคือส่วนหนวดและเคราเพราะว่าอัดยาชาไปเต็มที่

หลังจากผ่านไปสักระยะหนึ่ง ขนจะเริ่มหลุดไปเอง อย่างในรูปนี้คือผ่านไปหลังจากทำเลเซอร์ประมาณ 2 สัปดาห์ และไม่ได้โกนหนวดประมาณ 4 วัน ตอนนวด Cleanser ไปเรื่อยๆก็เห็นว่าขนมันก็หลุดออกมาเองเลยจ้าาาาาา
ต้องขออภัยที่ไม่มีรูป Before & After ให้ดูเพราะว่าไฟล์ที่เก็บไว้มันไปอยู่ไหนแล้วก็ไม่รู้ และปูเป้ก็ไม่ได้ทำติดต่อกันทุกเดือนด้วย บางครั้งก็เว้นไป2 เดือนกว่าค่อยกลับมาทำ ซึ่งทำให้การขจัดขนนั้นไม่สมบูรณ์เท่าไหร่ แต่โดยรวมแล้วปริมาณขนและความหนาของเส้นขนก็น้อยลงกว่าตอนก่อนทำเยอะมากกว่า 60 % ได้ (ปูเป้ทำไป 4 ครั้ง ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา)
สรุปแล้วปูเป้มองว่าการขจัดขนด้วยเลเซอร์เป็นทางเลือกที่ดีในการที่จะลดปริมาณขนที่เราไม่ต้องการลงไปอย่างถาวร แม้จะมีราคาค่างวดอยู่บ้าง แต่เพื่อความสวยงามแล้วผมก็เชื่อว่าพวกเราคงยินดีที่จะจ่ายหากมันสามารถนำมาซึ่งผลลัพธุ์ที่เราต้องการ
แต่อย่าลืมนะครับว่าไม่มีเลเซอร์ชนิดใดที่จะขจัดขนทั้งหมดให้หายไปได้อย่างถาวรในหนึ่งคอร์ส อ่านบทความตรงนี้แล้วก็อยากให้เข้าใจ และคาดหวังในสิ่งที่สามารถเป็นจริงได้ แล้วคุณจะมีความสุขกับผลที่ได้รับอย่างแน่นอน
(Source : Laser-Assisted Hair Removal, Long-Pulsed Nd:YAG Laser-Assisted Hair Removal in Pigmented Skin, Laser hair removal: comparison of long-pulsed Nd:YAG, long-pulsed alexandrite, and long-pulsed diode lasers., Hair removal with the long pulsed Nd:YAG laser: a prospective study with one year follow-up, Evidence-based review of hair removal using lasers and light sources, Hair and Scalp Diseases Medical, Surgical, and Cosmetic Treatments : Light-Assisted Hair Removal P.225-234, Cosmetic Dermatology – Products and Procedures : Laser-Assisted Hair Removal P.432-437)