หลังจากที่รอมานานว่าเมื่อไหร่จะถึงคราวที่ MizuMi จะออกผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเซรั่มเข้มข้นมาสักที ในที่สุดเขาก็ออกผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเซรั่มบำรุงผิวมาให้เราได้เลือกใช้กันและมาพร้อมกันถึง 2 สูตรด้วยกันเลยทีเดียว
โดยผลิตภัณฑ์เซรั่มเข้มข้นนี้เคลมถึงส่วนผสมของสารบำรุงที่เข้มข้นและยังคงคอนเซปต์ของความอ่อนโยนเหมาะกับทุกสภาพผิวอีกเช่นเคย โดยตัวแรก MizuMi : One-Drop Power Hydrate Serum (25ml / 890 BAHT) ที่เคลมว่ามีไฮยาลูรอนถึง 12% และเซราไมด์ เพื่อช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ลดการแห้งระคายเคือง เสริมความแข็งแรงของผิว ส่วน MizuMi : One-Drop Power White Serum (25ml / 890 BAHT) นั้นเคลมถึงส่วนผสมของเปปไทด์ที่มีคุณสมบัติเป็นไวท์เทนนิ่งถึง 4% กับอนุพันธ์วิตามินซี โดยทั้งสองสูตรนี้ยังเคลมถึงคุณสมบัติในการต้านผลกระทบจากปัญหามลภาวะด้วย
เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาปูเป้มีติดทดลองใช้ผลิตภัณฑ์กลุ่มไวท์เทนนิ่งตัวอื่นอยู่ ดังนั้นตัวที่หยิบมาทดลองใช้จึงต้องเป็นตัวที่เน้นเรื่องความชุ่มชื้นนั่นเองครับ ซึ่งตัวนี้มีส่วนผสมอยู่หลายตัวทีเดียวและมีแง่มุมเรื่องของความเข้มข้นของส่วนผสมของไฮยาลูรอนที่ปูเป้อยากจะอธิบายด้วย
ในแง่ส่วนประกอบของ MizuMi : One-Drop Power Hydrate Serum (25ml / 890 BAHT) ทางแบรนด์เคลมว่าผลิตภัณฑ์ตัวนี้มีไฮยาลูรอนอยู่ 3 ขนาดโมเลกุลด้วยกันและเข้มข้นมากถึง 12% ซึ่งใครที่อ่านส่วนผสมกันเป็นประจำอาจจะสังเกตว่าในส่วนผสมระบุไฮยาลูรอนไว้สองชื่อเท่านั้น นั่นก็คือ Sodium Hyaluronate และ Hydrolyzed Sodium Hyaluronate ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าในสูตรนี้มีการเลือก Sodium Hyaluronate ที่มีสองขนาดต่างกัน แต่พอเวลาระบุลงในส่วนประกอบข้างกล่องชื่อ INCI ที่ซ้ำกันก็จะถูกนำมารวมกันนั่นเอง
โดยตามหลักการแล้วขนาดของไฮยาลูรอนที่ใหญ่หน่อย (Sodium Hyaluronate) จะให้ความชุ่มชื้นที่ด้านนอกของผิว แต่ขนาดที่เล็กลง (Hydrolyzed Sodium Hyaluronate) ก็จะสามารถแทรกเข้ามาในผิวชั้นหนังกำพร้าเพื่อให้ความชุ่มชื้นได้ลึกขึ้น ซึ่งจากข้อมูลที่มีการทดสอบกันก็พบว่า ไฮยาลูรอนที่มีขนาดโมเลกุลเล็กอย่าง 20-300 kDa สามารถตรวจพบลงไปในชั้นที่ลึกกว่าหนังกำพร้าได้ แต่ตัวที่มีขนาดใหญ่ 1000-1400 kDa จะอยู่ได้แค่บริเวณหนังกำพร้าเป็นหลัก การมีไฮยาลูรอนทั้งขนาดเล็กและใหญ่จึงช่วยให้ความชุ่มชื้นของผิวชั้นนอกในชั้นที่แตกต่างกันได้นั่นเอง
อีกประเด็นหนึ่งคือเรื่องของความเข้มข้นของไฮยาลูรอนที่ 12% อันนี้ปูเป้คิดว่าไฮยาลูรอนที่ทางแบรนด์ใช้ถูกซัพพลายมาในรูปแบบของโซลูชั่นที่อยู่ในตัวทำละลายมาเรียบร้อยแล้วครับ ปัจจุบันมีซัพพลายเออร์ที่จำหน่าย Hyaluron Blend แบบของเหลวที่ใช้ในสูตรได้ง่าย (ปูเป้เคยลอง Raw Material จากซัพพลายเออร์แบบ 100% ทาลงบนผิวมาแล้วด้วยครับ) อันนี้ขออธิบายเอาเผื่อไว้ เพราะว่า Sodium Hyaluronate ในรูปแบบที่เป็นผงบริสุทธิ์ ใช้ 3 – 4% มาละลายน้ำ ก็จะข้นเป็นเจลจนแทบเทออกจากขวดไม่ออกแล้วบางคนอาจจะสงสัยว่าใส่มาถึง 12% ได้อย่างไร
สำหรับส่วนผสมของเซราไมด์ ทางแบรนด์น่าจะเลือกใช้ส่วนผสมที่มีชื่อทางการค้าว่า iActive Ceramide ของบริษัท Cosphatech ซึ่งเป็นเซราไมด์เบลนด์ที่ใช้งานง่ายเพราะทำให้สามารถละลายใน water phase ได้ [Ceramide EOP (and) Ceramide NS (and) Ceramide NP (and) Ceramide AS (and) Ceramide AP (and) Cholesterol (and) Hydrogenated Lecithin (and) Glyceryl Stearate (and) Sucrose Distearate (and) Propylene Glycol] ซึ่งเป็นการเบลนด์เซราไมด์หลายชนิดเข้ากับ Cholesterol กับสารกลุ่มกรดไขมัน ซึ่งจำเป็นต่อการเสริมความแข็งแรงของ Skin Barrier
การใช้เซราไมด์ในเครื่องสำอางเพื่อเสริมความแข็งแรงให้ผิวมันมีหลักการเรื่องสัดส่วนของเซราไมด์ กับคลอเรสเตอรอล และกรดไขมันอื่น ๆ อยู่เหมือนกันนะครับ ซึ่งการอ่านส่วนประกอบเราไม่สามารถรู้ข้อมูลตรงนี้ได้ แต่การใช้แอคทีฟที่คำนวนสัดส่วนมาสำเร็จพร้อมใช้แบบนี้ส่วนตัวปูเป้คิดว่าตรงนี้จึงไม่น่าเป็นห่วงเท่าไหร่
(Source : Intercellular and intracellular functions of ceramides and their metabolites in skin, Eczema and ceramides: an update, Optimal ratios of topical stratum corneum lipids improve barrier recovery in chronologically aged skin., Topical stratum corneum lipids accelerate barrier repair after tape stripping, solvent treatment and some but not all types of detergent treatment.)
สำหรับคำเคลมในเรื่องของการต่อต้านผลกระทบจากมลภาวะจะมีอยู่สองส่วนครับ ส่วนแรกคือ Biosaccharide Gum-4 และ 1,2-Hexanediol หรือ Glycofilm® / Pollustop® จากบริษัท Solabia ซึ่งเป็นสารกลุ่มแซคคาไรด์ที่นอกจากจะช่วยให้ความชุ่มชื้นกับผิวแล้วยังฟอร์มตัวเป็นม่านเพื่อปกป้องผิวไม่ให้อนุภาคฝุ่นมลภาวะสัมผัสกับผิวโดยตรง
อีกส่วนคือสารคอมเพล็กซ์ของสารสกัดจากพืช 9 ชนิด [Geranium Robertianum Extract (and) Scutellaria Baicalensis Root Extract (and) Houttuynia Cordata Extract (and) Citrus Reticulata Peel Extract (and) Centaurea Cyanus Flower Extract (and) Algae Extract (and) Aspalathus Linearis Extract (and) Phaseolus Radiatus Sprout Extract.] ซึ่งมีชื่อทางการค้าว่า SkinGuard โดยบริษัท Ichimaru Pharcos จากญี่ปุ่น (อย่าพึ่งสงสัยว่าบอกว่า 9 ชนิด แต่ทำไมในส่วนผสมมีสารสกัด 8 ตัว เพราะจากเอกสารของซัพพลายเออร์ตัวนี้มีสารสกัดจากสาหร่ายสองชนิดครับ แต่พอเขียนในส่วนผสม INCI : Algae Extract สองอันจึงถูกระบุรวมกันเป็นอันเดียว) ซึ่งผู้ผลิตเคลมว่ามีคุณสมบัติในการต้านการอักเสบ ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องผิวจากปัจจัยลบภายนอก
ส่วนตัวปูเป้จะค่อนข้างคุ้นกับ Scutellaria Baicalensis Root Extract มากที่สุด เพราะว่าเคยอ่านเจอการศึกษาว่าสาร Baicalin นั้นมีประสิทธิภาพมากและถูกใช้ในผลิตภัณฑ์แบรนด์ดัง ๆ เพื่อเคลม Anti-Pollution อยู่เหมือนกัน
นอกเหนือจากแอคทีฟเหล่านี้ก็ยังมี Dipotassium Glycyrrhizate ต้านการระคายเคือง มี Trehalose เป็นตัวเสริมความชุ่มชื้น ผลิตภัณฑ์ปราศจากส่วนผสมของสี น้ำหอม และส่วนผสมที่ทำให้ผิวแห้งหรือระคายเคืองผิวได้ง่าย
Ingredients: Deionized Water, Isopentyldiol, Dipropylene Glycol, 1,3-Butylene Glycol, Glycerine, 1,2-Hexanediol, Biosaccharide Gum-4, Dipotassium Glycyrrhizate, Hydrogenated-Polydecene, Hydroxyacetophenone, Caprylyl Glycol, Ammonium Acryloyldimethyltaurate/VP-Copolymer, Sodium Hyaluronate, Trehalose, Ethylhexylglycerin, Lauryl Glucoside, Sodium Acrylates/Beheneth-25 Methacrylate Crosspolymer, Disodium EDTA, Hydrolyzed Sodium Hyaluronate, Cholesterol, Hydrogenated lecithin, Glyceryl stearate, Phenoxyethanol, DMDM Hydantoin, Ceramide EOP, Ceramide NS, Ceramide NP, Ceramide AS, Ceramide AP, Sucrose Distearate, Iodopropynyl Butylcarbamate, Geranium Robertianum Extract, Scutellaria Baicalensis Root Extract, Houttuynia Cordata Extract, Citrus Reticulata Peel Extract, Centaurea Cyanus Flower Extract, Algae Extract, Aspalathus Linearis Extract, Phaseolus Radiatus Sprout Extract.
เนื้อผลิตภัณฑ์เป็นเซรั่มเข้มข้นสีขาวขุ่นและชุ่มฉ่ำผิว ใช้ได้กับทุกสภาพผิว เซ็ทตัวแบบเพิ่มความหนึบบนผิวบ้างเล็กน้อยซึ่งเป็นธรรมชาติของส่วนผสมประเภทไฮยาลูรอน
ตัวผลิตภัณฑ์สามารถใช้เดี่ยว ๆ ทาทับเป็นเลเยอร์ หรือใช้ผสมไปกับเซรั่มอื่นๆ หรือผลิตภัณฑ์ชิ้นอื่นในลักษณะของบูสเตอร์เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นก็ได้ ส่วนตัวปูเป้ใช้แตะ ๆ ผิวใต้ตาและรอบดวงตาเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นได้โดยไม่เจอปัญหาอะไรนะครับ อ่อนโยนมากทีเดียว
ปริมาณในการใช้แม้ว่าชื่อจะบอกว่าเป็น One-Drop แต่เวลาที่เราใช้จริง ๆ ไม่ได้ใช้แค่หนึ่งหยดนะฮะ ทางแบรนด์บอกว่าเป็นการสื่อถึงว่าผลิตภัณฑ์มีความเข้มข้น ทรงประสิทธิภาพ ซึ่งปริมาณในการใช้แต่ละครั้งอันนี้แล้วแต่คนจะชอบ ปรับได้ตามสะดวก แต่ส่วนตัวปูเป้จะใช้ปริมาณ 1 ดรอปเปอร์ไปเลย และพบว่าช่วยเสริมเรื่องความชุ่มชื้นได้ดีทีเดียว และผิวก็อิ่มเอิบ จับผิวแล้วรู้สึกดี
โดยสรุปแล้ว MizuMi : One-Drop Power Hydrate Serum ถือเป็นเซรั่มที่ทำออกมาให้กับทุกสภาพผิว ทุกเพศ ทุกช่วงวัย เพราะครอบคลุมสิ่งสำคัญพื้นฐานอย่างการมอบความชุ่มชื้นที่ดี และการเสริมความแข็งแรงของผิว การต้านผลกระทบจากปัจจัยลบอย่างอนุมูลอิสระ และการอักเสบ ที่ผิวต้องเผชิญในแต่ละวันจากทั้งแสงแดดและมลภาวะทางอากาศ สูตรก็อ่อนโยนดี เนื้อผลิตภัณฑ์ใช้ง่าย ไม่มีส่วนผสมที่น่าเป็นห่วงเรื่องการระคายเคืองอะไร
คือไม่รู้จะติอะไรในนี้ ราคาก็ไม่ได้รุนแรงมากเมื่อคิดว่า MizuMi มักมีโปรโมชั่นแรง ๆ ออกมาอยู่เสมอ คิดว่าเป็นตัวหนึ่งที่น่าจะเลือกมาลองใช้กันได้สบาย ๆ ตามร้านค้าชั้นนำ หรือสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ทาง Facebook : MizuMi Official ครับ
สำหรับคำถามว่า “จะแพ้มั้ย” “ใช้แล้วอุดตันรึเปล่า?” เป็นคำตอบที่ปูเป้บอกไม่ได้ครับ อาการแพ้เป็นสิ่งที่แตกต่างกันไปในทุก ๆ คน สำหรับการอุดตันนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลผิวโดยรวมของแต่ละคนเอง นอกจากนี้คนเรายังไวต่อการอุดตันของสารแต่ละตัวไม่เหมือนกันด้วย ดังนั้นก่อนจะซื้อผลิตภัณฑ์ใด ๆ ก็ตาม ควรทดสอบและทดลองใช้ก่อนทุกครั้ง
***Sponsored Item***
MizuMi : One-Drop Power Hydrate Serum
Price : 25ml / 890 BAHT
Skin Type : All Skin Type / Sensitive Skin
Outstanding : Hydration / Antioxidant / Anti-Pollution / Barrier Repair / Fragrance-Free
- เหมาะกับทุกสภาพผิวและทุกเพศทุกวัย
- ช่วยปกป้องผิว ทำให้ผิวชุ่มชื้นและอิ่มเอิบขึ้น
- ไม่มีส่วนผสมของสี น้ำหอม โอกาสระคายเคืองผิวต่ำ