เปิดปี 2021 นี้ทาง PAÑPURI ออกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าใหม่ในกลุ่ม Nourish สำหรับฟื้นบำรุงผิวเติมเต็มความชุ่มชื้นและเสริมความแข็งแรงของผิว โดยคงคอนเซปต์ Clean Beauty โดยใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติที่ผลิตอย่างยั่งยืน ไม่ทดสอบในสัตว์ สำหรับชาวบิวตี้สายอุดมการณ์รักษ์โลกจะได้ใช้กันอย่างสบายใจ

กลุ่มผลิตภัณฑ์ PAÑPURI : Nourish RiceMoss HyaQuench™ นั้นเคลมว่าเมื่อใช้อย่างต่อเนื่องจะช่วยทำให้ผิวเก็บล็อคความชุ่มชื้นได้ยาวนานถึง 120 ชั่วโมง โดยเปิดตัวมาด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิว โทนเนอร์ปรับสภาพผิวแบบไม่มีแอลกฮอล์ เซรั่มน้ำนม กับมอยซ์เจอไรเซอร์สองเนื้อสัมผัสเพื่อสภาพผิวที่แตกต่าง และผลิตภัณฑ์บำรุงริมฝีปาก

ปูเป้ได้รับผลิตภัณฑ์เซรั่มน้ำนมมาตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคมของปีก่อนหน้า และพึ่งได้รับโทนเนอร์ และเจลบำรุงผิวตามมาในช่วงท้ายของเดือน  ในโพสนี้จึงจะขอเป็นการพูดถึงตัวเซรัมน้ำนมเป็นหลัก แต่ก็จะให้ข้อมูลถึงประสบการณ์ในการใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์ตัวอื่นไปด้วย

Product’s Formula

PAÑPURI : Nourish RiceMoss HyaQuench™ Watery Milk Oil (30ml / 1,490 BAHT) เป็นผลิตภัณฑ์แบบ Bi-Phase ที่แบ่งเป็นชั้นของน้ำและน้ำมัน ซึ่งต้องเขย่าขวดให้กลายเป็นน้ำนมก่อนที่จะใช้  ส่วนผสมหลักของผลิตภัณฑ์ก็ถูกใบ้อยู่ในชื่อที่เขาตั้งมา นั่นก็คือ Rice + Moss + Hya นี่แหล่ะ

ส่วนผสมหลักตัวแรกคือ Amylopectin ที่ได้จากข้าว ซึ่งแพ็คคู่มากับสารสกัดจากสาหร่ายสีแดง Lithothamnion Calcareum ซึ่งอุดมไปด้วยแคลเซียม สองตัวนี้คือส่วนผสมเชิงซ้อนที่มีชื่อทางการค้าว่า Hydrafence™ ของบริษัท Provital ที่เคลมว่าส่วนผสมตัวนี้ช่วยเสริมการยึดเกาะของเซลล์ผิวและเสริมความชุ่มชื้นตามธรรมชาติจากข้างใน และเมื่อใช้ติดต่อกัน 28 วัน จะทำให้ผิวยังคงความชุ่มชื้นในระดับที่น่าพึงพอใจแม้จะหยุดทาผลิตภัณฑ์ไปนานถึง 120 ชั่วโมง   แต่สรุปหลักการง่าย ๆ  ก็คือว่ามันช่วยทำโครงสร้่งของผิวแข็งแรงขึ้นจนสามารถเก็บกักความชุ่มชื้นได้ดีและยาวนานขึ้นนั่นเอง

ส่วนผสมต่อไปคือ Phytol ที่ได้มาจากการเพาะเลี้ยงเซลล์ของมอสสายพันธุ์ Physcomitrella patens เป็นส่วนผสมไฮเทคภายใต้ชื่อทางการค้าว่า MossCellTec™ No.1 ของบริษัท Mibelle Biochemistry ซึ่งเคลมว่าช่วยเสริมความแข็งแรงของโครงสร้างนิวเคลียสของเซลล์ ช่วยเสริมความแข็งแรงของผิว ลดการสูญเสียความชุ่มชื้น

สิ่งที่น่าสนใจคือผู้ผลิตทำการทดสอบคุณสมบัติในการปกป้องโครงสร้างของผิวที่ถูกความเครียดจากสภาพแวดล้อมอย่างความร้อนชื้นแห้งเย็น และพบว่า MossCellTec™ No.1 ช่วยคงโครงสร้างผิวที่แข็งแรงเอาไว้ได้  ซึ่งเป็นส่วนผสมที่เหมาะกับชีวิตของเราในตอนนี้ที่ต้องสวมหน้ากากที่ทำให้ผิวต้องเจอสภาพที่ร้อนและชื้น แต่เมื่อถอดหน้ากากอยู่ในห้องปรับอากาศก็เจอความเย็นและแห้ง ซึ่งความเปลี่ยนแปลงกระทันหันนี้เป็นความเครียดที่ทำให้ผิวเราอ่อนแอนั่นเอง

มาถึงคราวของ Hya หรือ Hyaluronic Acid ซึ่งทางแบรนด์ก็เคลมว่ามีถึง 8 รูปแบบด้วยกัน แต่ถ้าเราอ่านในส่วนผสมอาจจะเห็นมี INCI ที่ดูเป็นไฮยามาแค่ 6 ตัว เหตุผลก็เพราะว่าไฮยาขนาดเล็กและใหญ่หลายตัวที่มีขายในท้องตลาด ระบุเป็นชื่อ Sodium Hyaluronate เหมือนกัน ซึ่งโมเลกลุที่มีขนาดเล็กกว่าก็จะแทรกลงไปให้ความชุ่มชื้นในระดับของผิวที่ลึกกว่า  ส่วน Sodium Acetylated Hyaluronate อดีตเคยเป็นสิทธิบัตรของเครือชิเซโด แต่ตอนนี้มีหลายเจ้าที่ทำออกมา คุณสมบัติคือให้ความชุ่มชื้นมากกว่าไฮยาปกติ 2 เท่า โดยลดความรู้สึกเหนอะหนะผิวลงไป ส่วน Hydrolyzed Sodium Hyaluronate  จะมีขนาดที่เล็กลงกว่า

Hya อีก 4 ตัวที่มีน่าจะเป็นของบริษัท Kewpie โดย Hydrolyzed Hyaluronic Acid หรือ Hyalo-Oligo® เป็นไฮยาที่มีขนาดเล็กกว่า 10,000 ดาลตัน มาและสามารถที่จะแทรกและอยู่ในชั้นหนังกำพร้าเพื่อที่จะช่วยคงความชุ่มชื้นได้ยาวนานขึ้น

Hydroxypropyltrimonium Hyaluronate  หรือ Hyaloveil® เป็นการปรับโครงสร้างให้มีคุณสมับิตของสารประจุบวกที่เกาะกับผิวและเส้นผมได้ดี และไม่ถูกชะล้างออกไปง่าย ๆ เมื่อโดนน้ำ

C12-13 Alkyl Glyceryl Hydrolyzed Hyaluronate หรือ Hyalorepair® นั้นเป็นรูปแบบที่ถูกปรับปรุงให้ฟอร์มตัวเป้นโครงสร้างแบบ lamellar structure แบบเดียวกับในปราการปกป้องผิวตามธรรมชาติ จึงช่วยเสริมความแข็งแรงของผิวในขณะที่มอบความชุ่มชื้นไปด้วยในตัว

นอกจากนี้ก็ยังมีส่วนผสมของ Saccharide Isomerate หรือส่วนผสมที่มีชื่อทางการค้าว่า PENTAVITIN โดยบริษัท DSM ซึ่งสารกลุ่มน้ำตาลเชิงซ้อนที่มีต้นกำเนิดมาจากพืช ผ่านกระบวนจนทำให้มีโครงสร้างที่คล้ายกับ Natural Moisturizing Factor ตามธรรมชาติในผิว และสามารถยึดกับโปรตีนของเซลล์เคราตินได้เป็นอย่างดี ผู้ผลิตเคลมว่าช่วยคงความชุ่มชื้นได้ยาวถึง 72 ชั่วโมง

ในส่วนของน้ำมันก็จะมีการเบลนด์ของ Caprylic/Capric Triglyceride ที่มีความเบาไม่หนักผิวเข้ากับน้ำมันจากพืชหลายชนิดที่ล้วนมีกรดไขมันที่ดีต่อผิว อย่างน้ำมันดอกทานตะวัน อาร์แกน เบาบับ รำข้าว โฮโฮบา ที่ช่วยทำให้ผิวนุ่มขึ้น  น้ำมันจากดอกคาเลนดูลาก็ช่วยต้านการอักเสบได้

จะเห็นได้ว่าส่วนผสมจะเน้นไปที่เรื่องของความชุ่มชื้นทั้งในทันทีและในระยาวอยู่หลายชนิดมาก และมีตัวที่ช่วยปกป้องผิวจากความเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมอีกด้วย

ผลิตภัณฑ์ตัวนี้ใช้สีเขียวจากธรรมชาติในรูปแบบ Chlorophyllin-Copper Complex และใช้น้ำมันหอมระเหยในการแต่งกลิ่น

Ingredients : Aqua (Water), Caprylic/Capric Triglyceride, Rosa Damascena (Damask Rose) Flower Water, Isoamyl laurate, Hamamelis Virginiana (Witch Hazel) Leaf Water, Polyglyceryl-4 Caprate, Mentha Piperita (Peppermint) Leaf Water, Glycereth-26, Helianthus Annuus (Sunflower) Seed Oil, Polyglyceryl-4 Laurate/Sebacate, Polyglyceryl-6 Caprylate/Caprate, Laureth-4, Isomalt, Phytol (Moss Cell), Calendula Officinalis (Calendula) Flower Extract, Sodium Hyaluronate, C12-13 Alkyl Glyceryl Hydrolyzed Hyaluronate, Hydrolyzed Hyaluronic Acid, Hydrolyzed Sodium Hyaluronate, Hydroxypropyltrimonium Hyaluronate, Sodium Acetylated Hyaluronate, Amylopectin (Rice Derived), Lithothamnion Calcareum (Red Algae) Extract, Adasonia Digitata (Baobab) Seed Oil, Saccharide Isomerate, Glycerin, Argania Spinosa (Argan) Kernel Oil, Limnanthes Alba (Meadowfoam) Seed Oil, Oryza Sativa (Rice) Bran Oil, Simmondsia Chinensis (Jojoba) Seed Oil, Polyglyceryl-3 Diisostearate, Pentylene Glycol, Propanediol, Xanthan Gum, Tocopherol, Ethylhexyl Palmitate, Glycolipids, Dipotassium Glycyrrhizate, Lactic Acid,  Sodium Citrate, Sodium Benzoate, Potassium Sorbate, Benzyl Alcohol, Chlorophyllin-Copper Complex, Trihydroxystearin, Sodium Chloride, Citric Acid, Dehydroacetic Acid, Parfum/Fragrance, Linalool, Citronellol, Geraniol, Limonene.  

Usage & Result

ตัวผลิตภัณฑ์แบบ Bi-Phase ต้องเขย่าขวดให้เป็นน้ำนมก่อนใช้ โดยปริมาณในการใช้ที่เขาแนะนำคือประมาณ 3 หยด แต่สำหรับคนที่ผิวค่อนไปทางแห้ง หรือขาดน้ำ หรือนอนห้องปรับอากาศในตอนกลางคืน จะใช้เยอะกว่านั้นก็ไม่มีปัญหา

เซรั่มเนื้อน้ำนมนี้จะช่วยทำให้ผิวดูโกลว์จับแสงกำลังสวยแต่ไม่ทำให้ผิวรู้สึกเมือกหรือมันเยิ้ม  น้ำมันที่เคลือบอย่างบางเบาจะค่อย ๆ ซึมและเซ็ทตัวบนผิวอย่างพอดิบพอดี  เมื่อใช้อย่างต่อเนื่องจะรู้สึกว่าผิวมีความชุ่มชื้นที่ดีขึ้น

ขั้นตอนในการใช้ทางแบรนด์บอกว่าสิ่งนี้เป็น Pre-Serum ใช้เป็นเซรั่มตัวแรกก่อนเซรั่มตัวอื่น  แต่โดยส่วนตัวคิดว่ามันสามารถปรับหรือประยุกต์ใช้ให้เหมาะกับสกินแคร์อื่น ๆ ที่เรามีอยู่ ส่วนตัวปูเป้เองมีนำไปใช้เป็นขั้นตอนสุดท้ายเพื่อเพิ่มเอฟเฟคความโกลว์ให้กับผิวก็ได้  ไม่มีอะไรตายตัว

สำหรับโทนกลิ่นนั้นจะเป็นกลิ่นลาเวนเดอร์ที่เบลนด์เข้ากับกลิ่นเจอราเนียม และใช้เกรพฟรุ๊ตไม่ให้กลิ่นดูหนักหรืออวลจนเกินไป ความลาเวนเดอร์ชัดมาก ซึ่งนี่ไม่ใช่โทนกลิ่นที่เราโปรดสักเท่าไหร่ แต่ก็ถือว่าไม่ใช่กลิ่นลาเวนเดอร์ที่แย่หรือแน่นมากจนเรามึนตึ้บปวดหัว  สรุปง่าย ๆ คือไม่จอยกับกลิ่นเท่าไหร่แต่ก็ไม่ถึงกับทนใช้ไม่ได้

เมื่อลองใช้คู่กับผลิตภัณฑ์อื่น ๆ อย่าง PAÑPURI : Nourish RiceMoss HyaQuench™ Pore Minimizer Alcohol-Free Toner (200ml / 1,150 BAHT)โดยการแบ่งครึ่งหน้า เราพบว่าข้างที่ซับด้วยโทนเนอร์ก่อนค่อยลงตามด้วยเซรั่มน้ำนม ผิวจะมีความนุ่มมากกว่า

ส่วน PAÑPURI : Nourish RiceMoss HyaQuench™ Super Aqua Grenade Gel (50ml / 1,350 BAHT) นั้นเมื่อทาแบบลูบ ๆ  ลงบนผิวหลังทาเซรั่มน้ำนม มันจะมีความเป็นฟองขาวๆ ขนาดเล็กมาก แต่เมื่อแห้งเซ็ทตัวแล้วก็จะหายไป  แต่สิ่งที่เราชอบในตัวเจลนี้คือสามารถทาหนา ๆ ในตอนกลางคืนเป็นเหมือน Sleeping Mask ได้ โดยที่เซ็ทตัวเป็นฟิล์มคลุมผิวที่ไม่หนึบเหนียวติดหมอน ตื่นขึ้นมาผิวยังคงอิ่มชุ่มชื้นหน้าไม่ยับแห้ง ซึ่งปกติเราจะต้องใช้ครีมเนื้อเข้มข้นในตอนกลางคืนก่อนนอนเพื่อที่จะตื่นมาแล้วรู้สึกว่าผิวยังชุ่มชื้นไม่แห้ง  จึงถือว่าเราประทับใจที่การใช้เซรั่มน้ำนมและเจลกระปุกนี้สามารถให้ผลที่เราต้องการได้

Conclusion

โดยสรุปแล้วเรารู้สึกว่า PAÑPURI : Nourish RiceMoss HyaQuench™ Watery Milk Oil เป็นเซรั่มน้ำนมเติมความชุ่มชื้นและปกป้องผิวที่มีส่วนผสมที่น่าสนใจ ให้ผลลัพธ์ที่เราพึงพอใจ และมีเนื้อสัมผัสที่ใช้ง่าย  และเมื่อใช้คู่กับผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเดียวกันอย่างโทนเนอร์ และเจลบำรุงผิว ก็มอบผิวที่อิ่บเอิบชุ่มชื้นยาวนานได้โดยไม่จำเป็นต้องปาดครีมเนื้อข้นคลั่กบนผิว ใครที่สนใจ ก็สามารถแวะไปที่ช็อปของ PAÑPURI ทั้งในห้าง หรือทางออนไลน์ทาง https://bit.ly/3nnfRr4  ได้เลยจ้า

ข้อเสียอย่างเดียวที่เราพอจะนึกได้คงจะเป็นความไม่ชอบกลิ่นโทนลาเวนเดอร์ของเราเอง ที่ทำให้เราเอนจอยน้อยลงในขณะที่ใช้

สำหรับคำถามว่า “จะแพ้มั้ย” “ใช้แล้วอุดตันรึเปล่า?” เป็นคำตอบที่ปูเป้บอกไม่ได้ครับ อาการแพ้เป็นสิ่งที่แตกต่างกันไปในทุก ๆ คน สำหรับการอุดตันนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลผิวโดยรวมของแต่ละคนเอง นอกจากนี้คนเรายังไวต่อการอุดตันของสารแต่ละตัวไม่เหมือนกันด้วย ดังนั้นก่อนจะซื้อผลิตภัณฑ์ใด ๆ ก็ตาม ควรทดสอบและทดลองใช้ก่อนทุกครั้ง

***Sponsored Item***

PAÑPURI : Nourish RiceMoss HyaQuench™ Watery Milk Oil
Price :  30ml / 1,490 BAHT
Skin Type : All Skin Type
Outstanding :  Long-Lasting Hydration / Anti-Oxidant /

PAÑPURI : Nourish RiceMoss HyaQuench™ Watery Milk Oil
FORMULA
GENTLENESS
SENSORY
RESULT
PUPE LOVE IT
PROS
  • ส่วนผสมเติม เก็บกักความชุ่มชื้นหลากหลายชนิด
  • เนื้อสัมผัสที่ดีและใช้ได้กับทุกสภาพผิว
  • เมื่อใช้คู่กับโทนเนอร์และเจลในกลุ่มเดียวกัน สามารถทำให้ผิวอิ่มเอิบได้นานมากโดยไม่รู้สึกหนักผิว
CONS
  • มีส่วนผสมของน้ำมันหอมระเหย
  • ส่วนผสมที่ใช้มีข้อมูลจากผู้ผลิตสารเป็นหลัก
3.8Overall Score