หลังจากที่ KANEBO ได้ทำการปรับแนวคิดของสกินแคร์ใหม่หมด จากการมีขั้นตอนมากมายให้ใช้ เหลือเป็น KANEBO I HOPE. – ON. & IN. Skincare System กับ 2 ขั้นตอนกับสกินแคร์พื้นฐาน ซึ่งได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดีเพราะแสนเรียบง่าย และแค่สองขั้นตอนผิวก็นุ่มชุ่มชื้นได้ยาวนาน นอนห้องแอร์ตื่นมาหน้าก็ไม่แห้งยับ ทว่าก็มีหลายคนที่สงสัยว่าสิ่งนี้จะใช้กับผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่มีอยู่ของ KANEBO หรือแม้แต่ของแบรนด์อื่นที่ตัวเองมีอยู่ได้อย่างไร ปูเป้ก็มีแนวทางมาแนะนำกันฮะ

เริ่มต้นเท้าความกันเล็กน้อยกว่า ON. & IN. Skincare System ของ KANEBO นั้นมีขั้นตอนที่เรียบง่าย หลังจากทำความสะอาดผิวอย่างดีแล้ว ก็ลงด้วย KANEBO : ON SKIN ESSENCE V หรือ KANEBO : ON SKIN ESSENCE F ตามสภาพผิว ซึ่งคุณจะเหมาะกับแบบไหนก็สามารถจิ้มไปอ่านข้อมูลได้ทางหน้าบล็อก How to choose your KANEBO : On Skin Essence ได้เลย 

หลังจากนั้นก็ตามด้วย KANEBO : CREAM IN DAY SPF20 PA+++ ในตอนกลางวัน  หรือ KANEBO : CREAM IN NIGHT สำหรับกลางคืน เป็นอันจบขั้นตอนการบำรุงผิวพื้นฐาน

แต่ถ้าหากคุณมีความต้องการในการดูแลผิวเป็นพิเศษ หรือมีผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่มีอยู่แล้ว ปูเป้ก็มีคำแนะนำจากหลักการที่ควรทราบเพื่อนำมาใช้ร่วมกับ KANEBO ON. & IN. Skincare System ได้ง่าย ๆ ดังนี้

ปรับอารมณ์และจิตใจ ก่อนเริ่มต้นบำรุงผิว

ไม่ว่าชีวิตเราจะวุ่นวายหรือรีบเร่งเพียงไหน ปูเป้มักจะบอกเสมอว่าช่วงเวลาของการใช้สกินแคร์ควรจะเป็นช่วงที่เราไม่ต้องรีบเร่งหรือแข่งกับอะไร โฟกัสใส่ใจกับตัวเอง หลับตาลง คลายความเกร็งของร่างกาย และหายใจเข้าสูดกลิ่นหอม ๆ ที่ถูกออกแบบมาเพื่อเยียวยาจิตใจเข้าไปลึก ๆ และหายใจออกสุดอย่างช้า ๆ

ผลิตภัณฑ์ KANEBO ถูกออกแบบให้มอบสุนทรีย์ในการใช้งานทั้งเนื้อสัมผัส และกลิ่นหอม โดยกลิ่นที่ยืนพื้นมาจาก TeaTopia ของดอกชานั้นจะทำให้รู้สึกผ่อนคลาย เพราะความเครียดส่งผลกระทบต่อเรื่องฮอร์โมนที่สุดท้ายส่งผลทำให้ผิวเราอักเสบและปราการผิวอ่อนแอได้

ถ้าผลิตภัณฑ์ที่คุณใช้ไม่มีกลิ่นหอมหรือให้คุณสมบัติในการเป็น Aromatherapy ก็สามารถเลือกใช้น้ำมันหอมระเหยในรูปแบบของเตาอโรม่า เครื่องกระจายกลิ่น หรือเทียนหอม  แต่รูปแบบที่ง่ายที่สุดคือในรูปแบบ Room Spray แล้วหลับตาสูดหายใจเข้าออกลึก ๆ  แต่ถ้าไม่มีจริง ๆ การกำหนดลมหายใจเข้าออกช้า ๆ เหมือนตอนทำสมาธิก็โอเคแล้วครับ เท่านี้ก็เป็นการเริ่มพิธีกรรมการบำรุงผิวที่สวยงามแล้ว

โทนเนอร์ทำความสะอาด และผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิว เป็นสิ่งที่ต้องใช้อันดับแรก

ถ้าคุณมี Toner หรือผลิตภัณฑ์เช็ดผิวที่เน้นการทำความสะอาดสิ่งที่อาจตกค้าง หรือช่วยเช็ดเซลล์ผิวเสื่อมสภาพ ที่ต้องใช้กับสำลี  อย่างเช่น KANEBO : Smoothing Serum ให้เช็ดผลิตภัณฑ์เหล่านั้นก่อนก่อนที่จะใช้ KANEBO : ON SKIN ESSENCE V / F เหตุผลก็เพราะว่าการเช็ดเพื่อทำความสะอาดผิวหรือกวาดเซลล์ผิวเสื่อมสภาพให้ติดไปกับสำลีควรใช้เป็นขั้นตอนแรกที่จะไม่รบกวนสกินแคร์อื่น ๆ ที่ลงไปก่อนหน้า

หรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารผลัดเซลล์ผิวอย่าง AHAs (Glycolic Acid, Lactic Acid หรืออื่น ๆ) หรือ BHA (Salicylic Acid) หรือ PHA (Gluconolactone, Lactobionic Acid) และมีเนื้อเหลวเป็นน้ำ หรือบางเบาแบบเซรั่ม  ก็จะแนะนำให้ใช้ก่อน KANEBO : ON SKIN ESSENCE  V / F  เช่นเดียวกัน  เหตุผลก็เพราะว่าส่วนผสมของสารผลัดเซลล์ผิวเหล่านี้จะมีประสิทธิภาพดีเมื่อสัมผัสกับผิวชั้นหนังกำพร้าให้มากที่สุดเพื่อทำการสลาย Desmosome ที่ยึดเซลล์ขี้ไคลเอาไว้ด้วยกัน

แต่ถ้าผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมผลัดเซลล์ผิวที่คุณมีอยู่มีเนื้อเป็นครีม หรืออิมัลชั่น ให้ใช้ในขั้นตอนหลังเซรั่มได้เลย การทาผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์เป็นขั้นตอนหลัง ๆ จะลดการดูดซึมและลดโอกาสระคายเคืองผิว เหมาะกับคนที่ผิวระคายเคืองง่ายหรือผิวที่แห้ง

การใช้ Sheet Mask ร่วมกับ ON. & IN. Skincare System

ปูเป้เป็นที่คนที่ชอบใช้ Sheet Mask เป็นประจำ โดยจะเลือกมาส์กแผ่นที่เน้นอัดความชุ่มชื้น มีเนื้อบางเบา โดยส่วนตัวปูเป้จะแนะนำให้ลง KANEBO : ON SKIN ESSENCE F ที่มีเนื้อเป็นเอสเซนส์น้ำเหลวใสและมีโมเลกุลน้ำมันขนาดนาโนลงไปก่อน แล้วค่อยแปะมาส์กแผ่นตาม จะช่วยให้ผิวยิ่งมีความฉ่ำชุ่มชื้นมากขึ้นอีก หลังจากนั้นก็ใช้เซรั่ม และ ครีม / มอยซ์เจอไรเซอร์ได้ตามปกติ

แต่ถ้าคุณใช้ KANEBO : ON SKIN ESSENCE V ซึ่งจะเซ็ทตัวลดความหยาบกร้านและลดความมันเงา มีโครงสร้างเลียนแบบชั้นปราการปกป้องผิว ปูเป้จะแนะนำให้ใช้หลังแปะแผ่นมาส์กครับ

ส่วนในกรณีที่คุณเลือกใช้มาส์กแผ่น ที่เอสเซนส์ที่ชุบแผ่นมาส์กมีเนื้อเป็นน้ำนมหรือกึ่งครีมที่มีความเข้มข้นและเคลือบผิวดีมาก มีปูเป้มักจะใช้แทนขั้นตอนของการทามอยซ์เจอไรเซอร์ได้เลย

***ดอกจันล้านดวง***  มาส์กแผ่นแบบนี้ไม่ต้องล้างออกนะครับ

การใช้ Serum ร่วมกับ ON. & IN. Skincare System

เซรั่มอื่น ๆ ไม่ว่าจะไวท์เทนนิ่ง ต่อต้านริ้วรอย ที่มีเนื้อที่บางกว่าครีม ให้ใช้เป็นขั้นตอนหลัง KANEBO : ON SKIN ESSENCE V หรือ KANEBO : ON SKIN ESSENCE F และลงมอยซ์เจอไรเซอร์ตามปกติได้เลย

KANEBO : Illuminating Serum นี้เป็นเซรั่มไวท์เทนนิ่งที่มีเนื้อเป็นน้ำนม ให้ความชุ่มชื้นบางเบา สำหรับคนที่มีผิวผสมหรือค่อนไปทางมัน อาจจะใช้เป็นมอยซ์เจอไรเซอร์ในตอนกลางวัน อาจจะมีการแต้มครีมที่เข้มข้นขึ้นหน่อยในส่วนที่แห้งอย่างช่วงแก้ม และตามด้วยครีมกันแดดทั่วใบหน้าสำหรับตอนกลางวัน

แต่ผลิตภัณฑ์ที่มีเงื่อนไขพิเศษอย่างเช่น KANEBO : WrinkleLift Serum ที่แม้จะมีชื่อเป็นเซรั่ม แต่เนื้อเข้มข้นยิ่งกว่าครีม ก็ให้ใช้เป็นขั้นตอนสุดท้าย หลังจากลงมอยซ์เจอไรเซอร์  และเน้นให้ใช้บนจุดที่กังวลเรื่องความหยาบกร้านและร่องริ้วรอย  หรือบางคนจะใช้บาง ๆ ทาทั่วหน้าแทนครีมก็ได้ครับ  ส่วนตัวปูเป้ใช้ตัวนี้เป็นครีมบำรุงรอบดวงตา และใช้แต้มร่องแก้ม กับมุมปากให้มันมีความ plump อิ่มฟูขึ้น

ตัวนี้เป็นครีมบำรุงรอบดวงตาในดวงใจของปูเป้เลย ใช้ต่อเนื่องแล้วผิวรอบดวงตาเรียบเนียนดีมาก เคยทำ Before -After เอาไว้เมื่อปีที่แล้ว ขอยกมาให้ดูอีกรอบ ว่ามันเลิศจริง ๆ

ใช้ CREAM IN DAY แล้วจำเป็นต้องทาครีมกันแดดเพิ่มไหม?

ในส่วนของการปกป้องผิวจากแสงแดดนั้น ถ้าไม่ได้ออกนอกบ้านหรือเจอแสงแดดอะไรมากมายนัก ค่าการปกป้อง ของ KANEBO : CREAM IN DAY SPF20 PA+++ ก็เพียงพอแล้ว  แต่ถ้าออกไปเจอแดดมาก หรือต้องการคุณสมบัติกันน้ำหรือเหงื่อมากขึ้นก็จำเป็นต้องทาผลิตภัณฑ์กันแดดที่มี SPF สูงขึ้นทับตามอีกขั้นตอนหนึ่งครับ

เนื้อครีม KANEBO : CREAM IN DAY SPF20 PA+++  จะค่อนข้างเข้มข้นเหมาะกับผิวค่อนไปทางแห้ง ดังนั้นใครที่มีผิวผสมค่อนไปทางมันจะรู้สึกว่าไม่สามารถทาครีมตัวนี้ให้ได้ค่า SPF ตามที่ระบุได้ (ซึ่งอธิบายไว้ด้านล่าง) คนที่มีผิวผสมก็สามารถใช้ครีมตัวนี้ในส่วนที่แห้ง และลูบผิวส่วนที่เหลือด้วยครีมที่ติดอยู่บนนิ้วมือเพียงบาง ๆ แล้วใช้ ใช้ KANEBO : Global Skin Protector SPF50+ PA++++ ที่ให้การปกป้องผิวที่สูงกว่า และมีคุณสมบัติกันน้ำและเหงื่อได้ไปเลยก็ได้ ตัวนี้ติดผิวดี หน้ามันหรือเหงื่อออกก็ไม่ไหลเป็นคราบง่าย ๆ

ผลิตภัณฑ์ปกป้องผิวจากแสงแดดนี้จะมีประสิทธิภาพในการปกป้องผิวตามปริมาณที่เราทาครับ ถ้าอยากจะได้ค่า SPF ตามที่ระบุ ต้องใช้ 2 ข้อนิ้วทาทั่วหน้าและลำคอ ซึ่งการวิจัยก็ชี้ให้เห็นว่าโดยทั่วไปแล้วคนมักจะทาไม่ถึง ทาแค่ 1/4 หรือ 1/2 ของปริมาณที่กำหนด ทำให้เราได้รับการปกป้องลดลงมาจากที่ระบุเอาไว้บนฉลาก (สามารถอ่านข้อมูลเรื่องค่า SPF ได้ในบทความ Sunscreen 101 : Understanding SPF in Your Sunscreen)

ดังนั้นหากเราไม่สามารถทาครีม SPF20 ในปริมาณ 2 ข้อนิ้วเท่ากับที่ทำการทดสอบได้ ปูเป้มักจะแนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มี SPF สูงไว้ก่อน เพื่อที่เราทาในปริมาณน้อยกว่าที่กำหนด ก็ยังพอได้ค่า SPF พอที่จะปกป้องผิวในการใช้ชีวิตประจำวันในเมืองได้ และเรายังสามารถช่วยเสริมการปกป้องผิวได้ด้วยการหลีกเลี่ยงแดดเท่าที่จะทำได้ การกางร่มเมื่อต้องเดินออกไปข้างนอก  การสวมแว่นที่กรอง UV ได้ จะช่วยลดผลเสียจาก UV ไปได้อีกเยอะ

แต่ถ้าคุณต้องทำกิจกรรมกลางแจ้งเป็นเวลานาน จริงจัง ยังไงก็ต้องทาผลิตภัฯฑ์กันแดดในปริมาณที่กำหนด และทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมง ไม่ว่าผลิตภัณฑ์นั้นจะเคลมว่าปกป้องผิวได้ยาวนานกว่านันก็ตาม เพราะเหงื่อไหล หรือการเช็ด เสียดสี จะเช็ดหรือชะเอาสารกันแดดออกจากผิว ทำให้ลดประสิทธิภาพในการปกป้องลงไปนั่นเอง

 

ถึงจะเหนื่อยแค่ไหน ก็ต้องทำความสะอาดผิว และโบกมอยซ์เจอไรเซอร์ก่อนนอน

สิ่งสำคัญที่สุดของการมีผิวสุขภาพดีคือ ผิวที่สะอาด ผิวมีความแข็งแรง มีสมดุลของความชุ่มชื้นและน้ำมันที่ดี

ตามประสาคนทำงานและวัยใกล้เลข 4 ในอีกไม่นาน  ปูเป้เข้าใจว่าการทำงานนั้นเหนื่อยหนักหนา และเราไม่สามารถถ่างตาหรืออดหลับอดนอนโดยตื่นมาแล้วผิวไม่ค่อยพังเหมือนตอนวัยรุ่นได้อีกต่อไป  แต่ไม่ว่าเราจะอยากชัตดาวน์ทิ้งร่างตัวเองลงบนเตียงแค่ไหน เราต้องเตือนตัวเองเสมอว่าการซ่อมผิว รักษาสิว ผิวเยินพัง นั้นใช้เงินและใช้เวลานานกว่าการล้างหน้าและทามอยซ์เจอไรเซอร์ดี ๆ สักตัว (ซึ่งใช้เวลาไม่เกิน 5 นาที)

การไม่ล้างหน้าก่อนเข้านอนทั้งที่มีเครื่องสำอางผสมกับเหงื่อไคลและฝุ่นมลภาวะติดอยู่กับผิวนันคือสิ่งที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่เราจะทำกับผิวได้ และเมื่อทำความสะอาดแล้วก็จำเป็นต้องเติมความชุ่มชื้นพร้อมเคลือบปกป้องผิวเพื่อเก็บกักความชุ่มชื้นให้อยู่ได้ยาวนานตลอดคืน

เวลากลางคืนนั้นเป็นเวลาที่ตามธรรมชาติของผิวจะมีการระเหยและเสียความชุ่มชื้นง่ายกว่าตอนกลางวัน ประกอบกับความเครียด การพักผ่อนไม่เพียงพอ การนอนให้ห้องปรับอากาศที่มีความแห้ง ผิวจะยิ่งเสียความชุ่มชื้นได้ง่าย จนทำให้ผิวมีความแห้ง รูขุมขนกว้าง อ่อนแอและระคายเคืองง่าย  ดังนั้นถ้าอยากรีบไปนอนจริง ๆ หลังล้างหน้า เราอาจข้ามขั้นตอนได้สารพัดอย่าง แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการทามอยซ์เจอไรเซอร์ และอย่ากลัวเนื้อครีม (โดยเฉพาะถ้าคุณขึ้นวัยเลข 3 ไปแล้ว)

ผิวแต่ละคนก็ต้องการระดับการเคลือบที่ต่างกัน ผิวที่มีแนวโน้มแห้งง่ายต้องใช้ผลิตภัณฑ์ที่เคลือบผิวมากหน่อย เก็บความชุ่มชื้นได้ดี ส่วนตัววันไหนที่ขี้เกียจหรืออยากรีบเข้านอน ปูเป้จะใช้แค่ KANEBO : ON SKIN ESSENCE  และ KANEBO : CREAM IN NIGHT เพราะเอาอยู่จริง ๆ เนื้อครีมหอมมาก และโอบกอดเคลือบผิวเหมือนเป็นผิวชั้นที่สอง ด้วยเทคโนโลยีที่เลียนแบบโครงสร้างไขมันเคลือบผิวเด็ก ตื่นมาแล้วผิวไม่ยับ ไม่แห้ง 

ทั้งหมดนี้เป็นแค่ “แนวทาง” ไม่ใช่ “กฏข้อบังคับ”

สิ่งที่ปูเป้แนะนำทั้งหมดนี้คือ “แนวทาง” เป็นหลักคิดที่ปูเป้นำมาปฏิบัติใช้กับตัวเอง โดยอิงกับพื้นฐานความเข้าใจเรื่องผิวและสกินแคร์ของปูเป้  อาจจะมีส่วนที่เหมือนหรือส่วนที่ต่างจากที่แบรนด์แนะนำอย่างเป็นทางการ  อาจจะไม่เหมือนกับคนอื่น หรือคุณจะเลือกใช้ในขั้นตอนที่ต่างไปจากนี้ ก็คือไม่มีอะไรถูกหรือผิดนะครับ

สิ่งที่เรียกว่าแนวทางนั้นเป็นแค่คำชี้แนะ แต่ไม่ใช่กฏหรือข้อบังคับ ทุกคนสามารถปรับให้เหมาะกับสิ่งที่ตัวเองใช้ได้ หลักง่าย ๆ คือใช้แล้วแฮปปี้ ผิวออกมาสวย เรารู้สึกดี  ก็คือดีแล้วล่ะ

ยังไงก็ Enjoy The Skincare ขอให้ทุกคนมีความสุขกับการใช้สกินแคร์นะครับ