ผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่ม Blue Therapy ใหม่ล่าสุด มาครั้งนี้มีสองชิ้นด้วยกันคือ Biotherm : Blue Therapy Red Algae Uplift Pre-Serum (15ml / 2,500 Baht) เป็นเหมือนทรีตเมนต์เข้มข้นสำหรับ 28 วัน และ Biotherm : Blue Therapy Red Algae Uplift Cream (50ml / 3,200 Baht) เป็นมอยซ์เจอไรเซอร์เนื้อสีกุหลาบที่ทำมาให้ใช้คู่กัน โดยเคลมถึงคุณสมบัติจากสารสกัดสาหร่ายสีแดงแห่งห้วงมหาสมุทรแอทแลนติกที่ช่วยคืนความกระชับให้กับผิว

ผลิตภัณฑ์ที่ปูเป้เลือกมารีวิวก็คือ Biotherm : Blue Therapy Red Algae Uplift Cream เพราะตัวนี้จะมีส่วนผสมหลายชนิดกว่าตัวเซรั่มที่จะเน้นไปที่ส่วนผสมของสาหร่ายสีแดงกับเทคโนโลยีเนื้อสัมผัสแบบ Microemulsion ที่อานุภาคเล็กเนื้อบางเบา โดยในสูตรจะเน้นสารสกัดจากสาหร่ายสีแดงเป็นหลัก ซึ่งถ้าใครสนใจเซรั่มก็สามารถอ่านข้อมูลเรื่องสาหร่ายจากรีวิวครีมตัวนี้ไปประกอบการตัดสินใจได้เลย

Product’s Formulac

ส่วนผสมใน Biotherm : Blue Therapy Red Algae Uplift Cream(50ml / Baht)ที่ต้องหยิบมาพูดถึงก็หนีไม่พ้นส่วนผสมของสาหร่ายสีแดง Hydrolyzed Rhodophyceae Extract ซึ่งคาดว่าเป็นส่วนผสมที่มีชื่อทางการค้าว่า Slim-Excess® โดยบริษัท BASF ซึ่งสารที่สกัดได้นั้นอุดมไปด้วย sulfo-carrabiose ซึ่งในทางทฤษฏีแล้วจะไปทำงานกับ Spermine และ Spermidine ซึ่งมีส่วนสำคัญในกับการสะสมไขมันใต้ชั้นผิว เขาก็เคลมว่าสารสกัดตัวนี้จะช่วยลดไขมันส่วนเกินและคืนความกระชับให้กับรูปหน้าได้นั่นเอง 

ทาง BASF ก็มีการให้ข้อมูลการศึกษาภายในของเขาเอาไว้ว่าผู้ที่ทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสม Slim-Excess® 2% เป็นเวลา 3 สัปดาห์ พบว่าปัญหาคางสองชั้นที่ทำให้รูปหน้าไม่กระชับนั้นน้อยลงอย่างน่าประทับใจ แต่นี่เป็นเพียงข้อมูลของผู้ผลิตส่วนผสมและยังไม่มีข้อมูลการศึกษาจากแหล่งอื่นมาสนับสนุนล่ะ

(Source : A slimmer, more defined V-shaped face in four weeks)

นอกจากนี้แล้วก็ยังมีส่วนผสมของ Rhamnose ซึ่งเป็นโมลเลกุลของน้ำตาลชนิดหนึ่งซึ่งน่าจะใช้มาในความเข้มข้นประมาณ 5% เนื่องจากเป็นส่วนผสมที่มีใช้กับแบรนด์ในเครือ L’Oreal อยู่แล้ว และใช้ที่ความเข้มข้น 5% ในกลุ่มมอยซ์เจอไรเซอร์ และ 10% ในกลุ่มเซรั่ม โมเลกุลน้ำตาลตัวนี้ทางเครือ L’Oreal มีการจดสิทธิบัตรโดยเคลมเอาไว้ว่าช่วยกระตุ้นการสร้าง Pro Collagen I จึงช่วยลดเลือนริ้วรอยได้

การศึกษาที่ตีพิมพ์ในปี 2017 กับผู้หญิงอายุระหว่าง 35-60 ปี จำนวน 84 คน กับผลิตภัณฑ์ที่มี Rhamnose 10% นั้นตรวจพบว่ามีการเพิ่มขึ้นของคอลลาเจนในชั้นผิวในกลุ่มที่ใช้ Rhamnose มากกว่ากลุ่มที่ใช้เซรั่มเปล่าไม่มีส่วนผสมของ Rhamnose ซึ่งเป็นข้อมูลที่น่าสนใจ แต่การศึกษานี้ได้รับการสนับสนุนจาก L’Oreal

(Source : Use of monosaccharides and compositionA double blind, randomized, comparative study of rhamnose rich product in skin aging management using automated image texture analysis of in vivo reflectance confocal microscopy)

 

 

ส่วนผสมที่น่าสนใจและพึ่งเห็นเครือนี้เอามาใช้ล่าสุดก็คือ Neohesperidin Dihydrochalcone ซึ่งเป็นอนุพันธุ์จากฟลาโวนอยด์จากผิวของพืชตระกูลส้ม ถูกใช้เป็นสารใ้ห้เป็นสารให้ความหวานในวงการอาหาร และไม่ค่อยพบในเครื่องสำอางเท่าไหร่เนื่องจากมีข้อจำกัดตรงที่มันไม่ค่อยเสถียรในสูตรเครื่องสำอาง แต่ทาง L’Oreal ได้จดสิทธิบัตรหาวิธีการในนำ Neohesperidin Dihydrochalcone มาใช้ในความเข้มข้นที่สูงกว่าทั่วไปและยังคงเสถียรอยู่ได้และนำมาใช้ในการเสริมความเสถียรของสารแอนติออกซิแดนท์อื่น ๆ ที่ไม่ค่อยคงตัวอย่างวิตามินซี Ascorbic Acid หรือใช้ในสูตรที่ต้องการเสริมการปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระและมลภาวะ สารตัวนี้อาจเป็นไวท์เทนนิ่งได้ด้วยแต่แหล่งที่มาของข้อมูลยังดูไม่น่าเชื่อถือนัก

(Source : Stable antioxidant compositions, Performance and application of Neohesperidin dihydrochalcone in whitening cosmetics)

นอกจากนี้แล้วในสูตรก็มีส่วนผสมของ Vitreoscilla Ferment หรือ  Life Pankton ที่เป็นเหมือนอาหารของผิวที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุ กรดอะมิโน กับ Adenosine ที่ถูกใช้เพื่อเสริมพลังให้กับเซลล์ผิว และ Caffeine ที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ จริงๆ แล้วในสูตรยังมีสารสกัดจากสาหร่ายอีกตัว แต่ไม่ได้ระบุว่าเป็นพันธุ์อะไร และไม่มีข้อมูลว่าทางแบรนด์เคลมอะไรเอาไว้ จึงไม่สามารถสืบหาข้อมูลมากกว่านี้ได้ แต่สารสกัดจากสาหร่ายมีคุณวมบัติพื้นฐานในการให้ความชุ่มชื้นกับผิวและต้านอนุมูลอิสระได้

ผลิตภัณฑ์ตัวนี้มีส่วนผสมของสี พิกเมนต์กระจายแสง และน้ำหอม

Ingredients :  Aqua, Glycerin, Dimethicone, Rhamnose, Isohexadecane, Alcohol Denat., Propanediol, Isopropyl Isostearate, Behenyl Alcohol, Vinyl Dimethicone/Methicone Silsesquioxane Crosspolymer, Cetyl Alcohol, Dimethicone/Vinyl Dimethicone Crosspolymer, Nylon-12, Algae Extract, Tin Oxide, PEG-100 Stearate, Stearic Acid, Sorbitan Oleate, Cetearyl Alcohol, Cetearyl Glucoside, Caffeine, Neohesperidin Dihydrochalcone, Sodium Chloride, Myristic Acid, Palmitic Acid, Adenosine, Ammonium Polyacryloyldimethyl Taurate, Disodium Stearoyl Glutamate, Hydrolyzed Rhodophyceae Extract, Caprylic/Capric Glycerides, Caprylyl Glycol, Carrageenan, Vitreoscilla Ferment, Citric Acid, Trisodium Ethylenediamine Disuccinate, Xanthan Gum, Synthetic Fluorphlogopite, Polysorbate 80, Acrylamide/Sodium Acryloyldimethyltaurate Copolymer, Butylene Glycol, Phenoxyethanol, CI77163, CI77491, CI77891, Mica, Linalool, Geraniol, Limonene, Citronellol, Parfum. (F.I.L. C213367/1)

Usage & Result

ครีมสีกุหลาบชมพูอมส้มระยิบระยับ เนื้อครีมอยู่ตัวเนียนละมุนคลี่ตัวกระจายคลุมผิวอย่างนุ่มนวล ให้ความรู้สึก Velvety มาก ในแง่ของ Sensory หรือความรู้สึกของสัมผัสในการใช้ผลิตภัณฑ์ถือว่าทำมาได้ดีเลยล่ะ กลิ่นน้ำหอมของตัวครีมก็เป็นกลิ่นโทนที่เราชอบ ไม่หนักหรือแน่นมากเท่าตัวอื่น ๆ ในแบรนด์เดียวกัน (แต่ถ้าสามารถลดลงให้กลิ่นบางสุด ๆ แบบตัวเซรั่มได้จะดีมาก)

จากการทดลองใช้พบว่าตัวครีมให้ความชุ่มชื้นที่กำลังดีสำหรับผิวผสม เซ็ทตัวแบบนวลเนียนเหมือนกำมะหยี่ไม่มันวาว จึงเหมาะที่จะใช้ลดความรู้สึกหนึบหนับจากสกินแคร์ที่ใช้ได้เป็นอย่างดี ให้ผลเชิงคอสเมติกที่ทำให้ผิวดูเนียนผิวดูละเอียดขึ้นในทันที เราว่าน่าจะถูกใจคนไทยพอสมควรกับเนื้อครีมแบบนี้

ส่วนในแง่ของการคืนความกระชับนั้นเนื่องจากในช่วงนี้ปูเป้อยู่ในระหว่างการจัดฟัน ถึงแม้จะมีแต่คนทักว่าโครงเรียวเข้ารูปมากขึ้นเรื่อย ๆ นั้นก็มีส่วนสำคัญจากการที่ฟันเรียงตัวเข้าที่แล้วด้วย การสรุปว่ารูปหน้าที่เป๊ะขึ้นของตัวเองมาจากผลิตภัณฑ์ตัวนี้คงจะไม่แฟร์เท่าไหร่ล่ะ

Conclusion

โดยสรุปแล้ว Biotherm : Blue Therapy Red Algae Uplift Cream มีจุดเด่นในแง่ของเนื้อสัมผัสของครีมรู้สึกหรูหรานุ่มละมุนดุจกำมะหยี่ไม่มันวาวหรือเหนอะหนะแต่นุ่มชุ่มชื้นกำลังดี และมีส่วนผสมที่ช่วยเสริมความชุ่มชื้น ต้านอนุมูลอิสระ และลดเลือนริ้วรอย ส่วนใครอยากลองว่าสารสกัดสาหร่ายสีแดงจะให้ผิวดูยกกระชับได้ดีแค่ไหนก็สามารถทดลองดูได้ (แอบบอกว่าตัวเซรั่มมีแต่สารสกัดจากสาหร่ายที่ว่านี้เป็นหลักเลย คือถ้าใช้แล้วเวิร์คก็เพราะเจ้าสาหร่ายสีแดงนี่แน่นอน) 

ส่วนตัวเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบสกินแคร์ที่มีชิมเมอร์เท่าไหร่ แต่ตัวนี้ก็ถือว่ามีวิ้ง ๆ กระจายแสงพวกนี้ที่ละเอียดมาก และถ้าไม่เพ่งสังเกตจริงๆ  ก็จะไม่เห็น โดยส่วนตัวก็เลยยังพอที่จะโอเคอยู่ (แต่ไม่มีก็ดีกว่า)

ใครที่สนใจ ผลิตภัณฑ์  Biotherm : Blue Therapy Red Algae Uplift ทั้งสองชิ้นนี้จะเริ่มวางจำหน่ายวันที่ 1 กันยายนนี้จ้า

สำหรับคำถามว่า “จะแพ้มั้ย” “ใช้แล้วอุดตันรึเปล่า?” เป็นคำตอบที่ปูเป้บอกไม่ได้ครับ อาการแพ้เป็นสิ่งที่แตกต่างกันไปในทุก ๆ คน สำหรับการอุดตันนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลผิวโดยรวมของแต่ละคนเอง นอกจากนี้คนเรายังไวต่อการอุดตันของสารแต่ละตัวไม่เหมือนกันด้วย ดังนั้นก่อนจะซื้อผลิตภัณฑ์ใด ๆ ก็ตาม ควรทดสอบและทดลองใช้ก่อนทุกครั้ง

***Sponsored Item***

Biotherm : Blue Therapy Red Algae Uplift Cream
Price :  50ml / 3,200 Baht
Skin Type : Normal / Combination / Oily
Outstanding : Light-weight Hydration, Velvety Finish, Antioxidant, Anti-Aging

Biotherm : Blue Therapy Red Algae Uplift Cream
*คะแนนดาวเรทติ้งจะแสดงผลไม่ถูกต้องหากเปิดอ่านบทความนี้จาก Smart Phones / Tablets*
FORMULA
GENTLENESS
SENSORY
RESULT
PUPE LOVE IT
PROS
  • เนื้อครีมทำเนื้อสัมผัสออกมาได้น่าประทับใจ ไม่เหนอะหนะ เนื้อละเมียดละมุนมาก
  • ผิวรู้สึกนุ่ม สบายผิว ไม่เหนอะหนะ ไม่มันเยิ้ม
CONS
  • ส่วนผสมบางส่วนยังมีข้อมูลไม่มากนัก
  • มีส่วนผสมของน้ำหอม
3.7Overall Score

Related Posts