เพื่อการดูแลผิวที่ครบถ้วน เริ่มจากการทำความสะอาด การบำรุงผิวแล้ว ก็จะขาดขั้นตอนของการปกป้องไปไม่ได้เลย และผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Allerdefense ของ d program ก็ให้มากกว่าแค่การปกป้องผิวจากรังสี UV และมลภาวะ แต่รวมไปถึงฝุ่นละลองเกสรซึ่งเป็นสารก่อภูมิแพ้ที่พบได้บ่อยอีกด้วย

ผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Allerdefense ในประเทศไทยตอนนี้มีทั้งหมด 4 ผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็น Sunscreen ทั้งหมด จริง ๆ ที่ญี่ปุ่นมีตัวที่เป็น Mist สเปรย์ที่ไม่ใช่กันแดดด้วยแต่ยังไม่เอาเข้ามาล่ะ และด้วยคอนเซปต์ของ d program ที่ทำขึ้นมาเพื่อผิว  sensitive บอบบางระคายเคืองง่าย ผลิตภัณฑ์กลุ่ม Allerdefense ที่เป็นกันแดดทั้งหมดนี้ก็คาดเดาได้ไม่ยากว่าจะต้องเลือกใช้สารกันแดดแบบ  Physical ล้วนซึ่งเหมาะกับผิวที่ระคายเคืองง่ายและยังปกป้องผิวจากรังสี  UVA และ UVB ได้โดยไม่มีปัญหาเรื่องความเสถียร อย่าง Zinc Oxide และ  Titanium Dioxide ซึ่งผสมมาในเบสของผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากสารระคายเคืองผิวที่พบได้บ่อยอย่างน้ำหอม แอลกอฮอล์

แต่สิ่งที่น่าสนใจของกลุ่มผลิตภัณฑ์ Allerdefense คือเทคโนโลยีที่เคลมว่าช่วยปกป้องผิวจากปัจจัยที่ก่อปัญหากับผิวและอาการแพ้จากภายนอก ไม่ว่าจะเป็นมลภาวะฝุ่นละอองขนาดเล็ก  PM2.5 รวมไปถึงละอองเกสรดอกไม้อีกด้วย

มลภาวะเป็นสิ่งที่ได้รับการพิสูจน์และยอมรับกันอย่างกว้างขวางแล้วว่าเป็นตัวก่อปัญหาผิว ก่อให้เกิดอนุมูลอิสระ กระตุ้นการอักเสบ ทำให้ปราการปกป้องผิว หรือ Skin Barrier  อ่อนแอเสียหาย ทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองหรืออาการแพ้ได้ง่ายขึ้น ซึ่งทุกคนสามารถอ่านรายละเอียดในบทความที่เคยทำไว้ก่อนหน้านี้ทางบทความ Air pollution and it’s effects on skin quality

ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่เคลมว่าต่อต้านผลกระทบจากมลภาวะ หรือ Anti-Pollution นั้นมีอยู่มากกมาย ซึ่งส่วนใหญ่จะมีหลักการทำงานอยู่ไม่กี่แบบ เช่นการสร้างฟิลม์ไม่ให้อานุภาคมลภาวะเกาะกับผิวได้โดยตรง การต้านผลกระทบจากมลภาวะด้วยการใช้สารต้านอนุมูลอิสระ หรือการใช้ส่วนผสมที่เสริมความแข็งแรงของชั้นปราการปกป้องผิว

ทางเครือ  Shiseido ได้พัฒนาเทคโนโลยีเครื่องสำอางเพื่อต่อต้านมลภาวะและฝุ่นละอองรวมไปถึงเกสรดอกไม้เอาไว้ถึง 2 แนวทางและจดสิทธิบัตรเอาไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แนวทางแรกคือการใช้เทคโนโลยีที่สร้างชั้นฟิลม์ประจุไฟฟ้าเพื่อผลักอานุภาคของฝุ่นละออง เกสรดอกไม้ ให้ออกจากผิวได้ (ซึ่งตัวนี้อยู่ในตัว Allerdefense แบบ   Mist สเปรย์ที่ยังไม่เข้ามาขายในไทย) และแนวทางที่ 2 ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่พึ่งพัฒนาขึ้นมาไม่กี่ปีมานี้นี่เอง นั่นคือเทคโนโลยีการสร้าง Sunscreen ที่กางม่านดักมลภาวะพร้อมทั้งสลายอนุมูลอิสระ รวมไปถึงปรับสภาพค่าความเป็นกรดด่างให้อยู่ในระดับสมดุลได้ในตัวเอง

จากการค้นหาปูเป้ได้พบเจอเอกสารการจดสิทธิบัตรที่อธิบายแนวคิดการทำงานของเทคโนโลยีนี้เอาไว้อย่างน่าสนใจ เทคโนโลยีนี้ประกอบไปด้วยทั้งหมด 5 ส่วน ได้แก่

1. Sunscreen Agent หรือสารกันแดด ซึ่งตรงนี้ขอไม่อธิบายเพิ่มเพราะเราได้บอกไปแล้วด้านบนว่าเป็น Zinc Oxide และ Titanium Dioxide

2. Magnesium Aluminum Silicate เป็นตัวสำคัญในเทคโนโลยีนี้ เพราะทางเครือ  Shiseido พบว่า เจ้าตัวนี้มีคุณสมบัติในการดักจับอานุภาคและมลภาวะได้ดี แถมยังมีคุณสมบัติเป็น Buffer เพื่อปรับคืนค่า pH ได้ในตัว ทั้งยังสามารถผสมลงในสูตรของเครื่องสำอางได้โดยยังคงเนื้อสัมผัสที่ดีงาม

3. Porous Powder หรือผงที่เป็นอานุภาคมีรูพรุนจำนวนมาก ใส่เข้ามาเพื่อเสริมคุณสมบัติของ Magnesium Aluminum Silicate ในการดักจับ ซึ่งในสูตรของ d program : Allerdefense ก็มีหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น Methyl Methacrylate Crosspolymer กับ Disteardimonium Hectorite และ Silica ซึ่งยังช่วยให้เนื้อผลิตภัณฑ์เซ็ทตัวแบบนวลเนียนไม่มันวาวได้อีกด้วย

4. Sodium Citrate เป็นรูปเกลือของ  Citric Acid ซึ่งเคลมว่าทำงานร่วมกับ Magnesium Aluminum Silicateในการสร้างระบบ pH Buffer เพื่อปรับค่า pH ให้อยู่ในระดับที่สมดุล ตรงนี้ทางสิทธิบัตรใช้เคลมว่าช่วยลดผลกระทบของ ฝนกรด ซึ่งจะเกิดขึ้นในย่านที่มีมลพิษสูง

5. Antioxidants สารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งในที่นี้ใช้ Vitamin E ในรูป Tocopherol

นอกจากเทคโนโลยีดังกล่าว ในทุกผลิตภัณฑ์ก็จะมีส่วนผสมของ H-Stabilizing A ซึ่งเป็นการรวมตัวของส่วนผสมอย่าง Erythritol และ Glycerin ในการทำให้ Cornified Envelope พัฒนาตัวอย่างสมบูรณ์และส่งผลให้ปราการปกป้องผิวแข็งแรงขึ้น และก็จะมีส่วนผสม Hamamelis Virginiana Leaf Extract ซึ่งทางเครือ Shiseido ได้มีการจดสิทธิบัตรว่าเป็นสารไวท์เทนนิ่งด้วย ตรงนี้จึงน่าจะใส่มาเพื่อต้านความหมองคล้ำของผิว

(Source : Skin care cosmeticsPollen adsorption preventive agentPreparation for external use for skinReduction of Cedar Pollen Adhesion by Lecithin Polymer CoatingDeveloping a technology that keeps off air pollutants with one puff!)

นั่นคือส่วนผสมและเทคโนโลยีหลักที่มีอยู่ในทุกผลิตภัณฑ์ของ d program : Allerdefense ซึ่งทำให้กันแดดทุกสูตรสามารถกัน  UVA และ UVB ได้ครบ เสถียร สูตรอ่อนโยน ไม่มีน้ำหอม แอลกอฮอล์ มีเทคโนโลยีในการดักจับและป้องกันผิวจากมลภาวะ ฝุ่นละอองเกสร ที่เป็นสิทธิบัตรเฉพาะของตัวเอง แต่สิ่งที่แตกต่างกันไปในแต่ละสูตรคือเนื้อสัมผัสหรือคุณสมบัติสมเสริมอื่น ๆ

เราขอเริ่มต้นจากตัวที่เราลองแล้วรู้สึกแฮปปี้กับมันที่สุด นั่นก็คือ d program : Allerdefense Cream SPF37 PA+++ ( 35g / 990 Baht) ถึงชื่อจะบอกว่าเป็นครีม แต่ว่าเนื้อสบายผิว เซ็ทตัวไม่มันวาว อาจจะไม่ได้คุมมันอะไรยาวนานเท่ากับตัวอื่น แต่เรารู้สึกว่าสิ่งนี้เหมาะกับสภาพผิวของเราในช่วงที่แม้จะร้อนจัดแต่อากาศค่อนข้างแห้งลงนี้ ทำให้ผิวผสมที่ค่อนข้างขาดน้ำได้ง่ายของเราชอบเจ้าสิ่งนี้ ผิวแห้งตัวนี้ก็น่าจะเหมาะทีเดียว

นอกจากเนื้อครีมที่ชุ่มชื้นกว่าสูตรอื่นแล้ว สูตรนี้จะมีส่วนผสมของ Sodium Acetylated Hyaluronate ด้วยล่ะ สูตรนี้เราสามารถเอามาทารอบดวงตาได้ และทางแบรนด์ได้เคลมว่ามันอ่อนโยนขนาดที่เด็กอายุ 48 วันขึ้นไปสามารถใช้ได้ด้วยนะ

Ingredients : Water, Dimethicone, Zinc Oxide, Cyclopentasiloxane, Butylene Glycol, Titanium Dioxide, Glycerin, Triethylhexanoin, Methyl Methacrylate Crosspolymer, PEG-9 Polydimethylsilosyethyl Dimethicone, Dextrin Palmitate, Aluminum Hydroxide, Disteardimonium Hectorite, PEG-10 Dimethicone, Stearic Acid, Isostearic Acid, Phenoxyethanol, Trimethylsiloxysilicate, Sodium Chloride, Silica, Erythritol, Sodium Citrate, Sodium Methaphosphate, Magnesium Aluminum Silicate, Citric Acid, Sodium Acetylated Hyaluronate, Hamamelis Virginiana Leaf Extract, Tocopherol.

ส่วน d program : Allerdefense Essence SPF46 PA+++ ( 40ml / 990 Baht) จะเป็นสูตรเนื้อเอสเซนส์สไตล์กันแดดแบบญี่ปุ่นที่เราเชื่อว่าหลายคนน่าจะคุ้นเคยและชอบ แต่สูตรนี้เป็นแบบ Physical ล้วน และไม่มีแอลกอฮอล์สูตรนี้จะเซ็ทตัวแบบกึ่งแมทและคุมความมันมากกว่าสูตรครีม และมีคุณสมบัติเป็น  Water-Resistance เข้ามาเพิ่ม สำหรับคนที่เหงื่อออกง่ายหรือมีความกังวลเรื่องความมันวาวน่าจะเหมาะกับตัวนี้มากกว่า

Ingredients : Cyclopentasiloxane, Zinc Oxide, Water, Butylene Glycol, Glycerin, Methyl Methacrylate Crosspolymer, Triethylhexanoin, Titanium Dioxide, PEG-9 Polydimethylsilosyethyl Dimethicone, Pentaerythrityl Tetaethylhexanoate, Hydrogenated Polydecene, Dimethicone, Triethoxycaprylylsilane, PEG-10 Dimethicone, Aluminium Hydroxide, Stearic Acid, Isostearic Acid, Phenoxyethanol, Disteardimonium Hectorite, Hydrogen Dimethicone, Erythritol, Silica, Talc, Citric Acid, Sodium Citrate, Magnesium Aluminum Silicate, Tocopherol, Hamamelis Virginiana Leaf Extract.

สองสูตรสุดท้ายเป็นสูตรที่ขายดีและได้รับรางวัลในญี่ปุ่นด้วยนั่นคือ d program : Allerdefense Essence BB [Light] SPF43 PA+++ ( 40ml / 990 Baht) กับ d program : Allerdefense Essence BB [Natural] SPF43 PA+++ ( 40ml / 990 Baht) เป็นเนื้อ Essence BB แบบมีสี โดยมีมา 2 เฉด สี  Light และ Natural ซึ่งสามารถใช้ปกปิดรอยแดงแชละสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอได้ แต่จะได้ดีแค่ไหนนั้นตัวปูเป้เองก็คงตัดสินไม่ได้เนื่องจากเป้นคนที่ไม่ได้ใช้พวกเมคอัพ เราลองแล้วไม่ค่อยชินเท่าไหร่ เนื่องด้วยจากที่มันเป็นสูตร Physical ล้วน มันจะมีความทึบตามธรรมชาติของมันนิดนึง

*หมายเหตุ* ทั้งสองสูตรระบุส่วนผสมมาแบบเดียวกัน ซึ่งเป็นเรื่องปกติ เนื่องจากเป็นเบสผลิตภัณฑ์เดียวกัน เพียงแต่มีสีที่ต่างกันเกิดจากสัดส่วนของสีหรือ  Pigment ในสัดส่วนที่ต่างกัน และกฏหมายเครื่องสำอางไม่ได้บังคับให้ระบุปริมาณของสีหรือ Pigment ตามความเข้มข้น จึงระบุมาอยู่ในส่วนท้ายของส่วนผสมเป็นส่วนมาก โดย CI และตามด้วยตัวเลข คือรหัสของ Pigment สี

Ingredients : Cyclopentasiloxane, Zinc Oxide, Titanium Dioxide, Water, Glycerin, Butylene Glycol, Triethylhexanoin, PEG-10 Dimethicone, Dimethicone, Methyl Methacrylate Crosspolymer, PEG-9 Polydimethylsilosyethyl Dimethicone, Pentaerythrityl Tetaethylhexanoate, Triisostearin, Hydrogenated Polydecene, Aluminium Hydroxide, Stearic Acid, Isostearic Acid, Phenoxyethanol, Silica, Hydrogen Dimethicone, Disteardimonium Hectorite, Erythritol, Polysilicone-2, Citric Acid, Sodium Citrate, Magnesium Aluminum Silicate, Mica, Sodium Metabisulfite, Sodium Acetylated Hyaluronate, Tocopherol, Hamamelis Virginiana Leaf Extract, CI 77491, CI 77492, CI 77499, CI 77891.

โดยรวมแล้วก็ดูเป็นกันแดดที่มีโปรไฟล์ของส่วนผสมที่ปลอดภัยและมีเทคโนโลยีที่น่าสนใจโดยเฉพาะสำหรับคนที่มีปัญหาผิวชอบแพ้พวกฝุ่นละอองหรือเกสรดอกไม้ด้วย

ส่วนใครที่แอบสงสัยว่าเอ๊ะทำไมหน้าตาเหมือนแต่ชื่อผลิตภัณฑ์และค่า SPF ถึงไม่เหมือนที่ขายในญี่ปุ่น ขอบอกว่าเราก็สงสัยเหมือนกันและจากการสอบถามทาง d program Thailand ก็ได้ความว่า ที่ต้องเปลี่ยนชื่อเป็น Allerdefense (ญี่ปุ่นใช้ชื่อ Allerbarrier)นั่นก็เพราะติดเรื่องกฏหมายเครื่องสำอางของไทย (อย นั่นแหล่ะ) ส่วนเรื่องค่า SPF ที่ระบุไว้สูงกว่าที่ขายในญี่ปุ่นนั่นก็เพราะไหน ๆ ก็ต้องเปลี่ยนชื่อเพื่อเข้ามาขายในไทยแล้ว ก็เลยปรับสูตรอีกนิดจนได้ค่า SPF ที่สูงกว่าที่จำหน่ายในญี่ปุ่น (เขาบอกว่าแดดบ้านเราแรงกว่า) แต่ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดก็ใช้เทคโนโลยีเดียวกันและผลิตในประเทศญี่ปุ่นทั้งหมดตามมาตรฐานของ d program ทุกอย่างล่ะ

สำหรับใครที่สนใจผลิตภัณฑ์ d program ก็สามารถมองหาได้ที่ร้าน Watsons และ www.watsons.co.th  เท่านั้นอีกเช่นเคย โดยราคาในไทยก็ทำมาได้ใกล้เคียงกับญี่ปุ่นมาก โดยไทยราคารวมภาษีแล้วอยู่ที่ 990 บาท ส่วนในญี่ปุ่นราคายังไม่รวมภาษีอยู่ที่ 3,000 เยน บอกเลยว่าเจอช่วงโปรโมชั่นถูกกว่าไปหิ้วจากญี่ปุ่นอีก!!!

Products Sponsored by d Program Thailand

Related Posts