หลังจากที่พูดถึงเกี่ยวกับ KANEBO และคอนเซปต์สกินแคร์ใหม่ของแบรนด์ไปแล้วในบทความก่อน รวมถึงการอวยยศแบรนด์เรื่องธรรมาภิบาลในการประกอบธุรกิจในเพจของปูเป้แล้ว แฟน ๆ ก็ให้ความสนใจไปถล่มซื้อกันกระหน่ำจนสินค้าหมดอยู่ช่วงหนึ่งเลยทีเดียว   แต่จะมีคำถามหนึ่งที่คนมักจะถามอยู่เสมอก็ว่า ผิวของเขาเหมาะ หรือควรเลือก KANEBO : ON SKIN ESSENCE สูตรไหนดีระหว่าง V กับ F  ซึ่งปูเป้รวบมาตอบในบทความนี้เลยทีเดียว

ในโพสก่อนปูเป้ได้ให้รายละเอียดของส่วนผสมทั้งหมด และส่วนผสมสำคัญของเอสเซนส์แต่ละสูตรไปแล้วว่ามีรายละเอียดอย่างไรบ้าง ซึ่งคุณสามารถกดไปอ่านกันได้ทาง KANEBO I HOPE. – ON. & IN. Skincare System แต่โดยสรุปคร่าว ๆ แล้วนั้นแต่ละสูตรมีจุดเด่นที่ต่างกันดังนี้

KANEBO : ON SKIN ESSENCE V นั้นใช้เทคโนโลยีในการสร้างเนื้ออิมัลชั่นที่เลียนแบบโครงสร้างของผิวชั้นหนังกำพร้า และมีส่วนผสมที่ช่วยเสริมการผลัดแบ่งของเซลล์ และมีส่วนผสมของ Bentonite ที่ช่วยดูดซับความเงามัน   ตัวนี้จึงเหมาะกับคนที่มีปัญหาผิวหยาบกร้าน ปราการปกป้องผิวอ่อนแอ หรือมีความมันส่วนเกิน

KANEBO : ON SKIN ESSENCE F  นั้นใช้เทคโนโลยีย่อขนาดส่วนผสมของน้ำมันให้มีขนาดเล็กกว่าปกติ 100 เท่า เป็นระดับขนาดนาโนแทรกกระจายอยู่ในเนื้อเอสเซนส์แบบน้ำใส โมเลกุลนี้จะแทรกเข้าไปตามช่องว่างระหว่างผิวชั้นหนังกำพร้าเพื่อเสริมความอ่อนนุ่มและชุ่มชื้น ส่วนผสมพิเศษจะช่วยเสริมการสร้างโมเลกุลโอบอุ้มความชุ่มชื้นผิวตามธรรมชาติ เหมาะกับคนที่ผิวมักแห้งหยาบกร้านขาดน้ำ

ทาง KANEBO  จะมีการตรวจสภาพผิวด้วยเครื่อง BA21 AD ซึ่งสามารถวัดการทำงานของผิวชั้นนอก โดยเฉพาะผิวชั้นปราการปกป้องผิว ด้วยการใช้การแปะเทปทดสอบลงไปบนผิวที่สะอาดแล้วดึงออกมา เพื่อดูว่าผิวมีการสะสมตัวของเซลล์ขี้ไคลในระดับไหน และวัดค่าออกมาว่าผิวมีการผลัดเซลล์ผิวที่ดีหรือไม่ดี และผิวมีความหยาบกร้านแค่ไหน   ตัวเลขของค่า EV และ EF  ที่ปรากฏจะเป็นตัวที่ช่วยชี้ว่าเอนเซส์สูตรไหนที่น่าจะเหมาะกับคุณ

ส่วนตัวค่าของปูเป้ที่ได้ค่า EV และ EF มีค่าที่ใกล้เคียงกันมาก ไม่มีค่าไหนที่หรือหรือต่ำกว่ากันเป็นพิเศษ ทาง BC ก็บอกว่าปูเป้สามารถเลือกใช้สูตรไหนก็ได้ โดยเลือกตามที่ชอบครับ

และถามว่าต่อให้ผลของการตรวจสภาพผิวบอกว่าเราควรใช้สูตร  F  แต่เราลองแล้วรู้สึกชอบสัมผัสของสูตร V มากกว่า ก็สามารถใช้สูตร V ได้ครับ  เพราะยังไงทั้งสองสูตรจะมีสารบำรุงที่ช่วยฟื้นคุณภาพผิวในระยะยาวหลัก ๆ เหมือนกัน แตกต่างแค่เนื้อสัมผัสและเทคโนโลยีปลีกย่อยเท่านั้น

KANEBO : ON SKIN ESSENCE V

ส่วนตัวปูเป้จะชอบใช้ KANEBO : ON SKIN ESSENCE V (3,450 BAHT / 100ml) มากกว่า เพราะว่าใช้ง่ายเพียงกดปั้มลงบนฝ่ามือ ตรงนี้ปรับปริมาณตามที่เราชอบได้เลย

กระจายเนื้อผลิตภัณฑ์ให้ทั่วฝ่ามือ สูดดมกลิ่นหอมลึก ๆ เพื่อผ่อนคลาย และประคบหรือลูบให้ทั่วใบหน้าและลำคออย่างแนบแน่นแต่เบามือ

การเซ็ทตัวจะเป็นแบบกึ่งแมทแต่กลบความรู้สึกแห้งหรือหยาบกร้านของผิวได้ในทันที แถมทำให้ผิวดูจับแสงสวยขึ้น และช่วยเซ็ทสกินแคร์ที่ลงในขั้นต่อไปรู้สึกหนึบผิวน้อยลงบ้าง  ส่วนตัวรู้สึกว่าเอสเซนส์บำรุงผิวที่ให้สัมผัสแบบนี้หาได้ไม่ง่ายนัก ก็เลยรู้สึกถูกใจเป็นพิเศษ

KANEBO : ON SKIN ESSENCE F

ส่วน KANEBO : ON SKIN ESSENCE F (3,450 BAHT / 125ml) นั้นทางแบรนด์บอกเลยว่าจะใช้สำลี หรือไม่ใช้สำลีก็ได้ แล้วแต่ความชอบของแต่ละคน

การใช้มือจะช่วยให้ความอุ่นของฝ่ามือเรานั้นผ่อนคลายผิว ทำให้รู้สึกดี และใช้เอสเซนส์ในปริมาณที่ไม่ต้องมากนัก  และสำหรับคุณผู้ชายก็จะสะดวกและไม่ต้องมาหงุดหงิดกับการที่สำลีเป็นขุยจากตอหนวดอีกด้วย

ส่วนการใช้สำลีนั้นแม้จะใช้เอสเซนส์ในปริมาณที่มากกว่า แต่ด้วยความที่สำลีจะคอยอุ้มเอสเซนส์เอาไว้และปล่อยลงผิวอย่างช้า ๆ เมื่อแตะประคบ จะช่วยทำให้เราประคบผิวและปล่อยส่วนผสมให้ความชุ่มชื้นให้ติดบนผิวได้มากกว่า ในขณะที่การใช้มือนั้นเอสเซนส์ส่วนหนึ่งจะระเหยออกไปเพราะผิวสัมผัสและความร้อนของฝ่ามือ

นอกจากนี้เอสเซนส์ในรูปแบบน้ำยังสามารถประยุกต์ในการใช้ทำเป็นมาส์กหน้าได้ด้วยเมื่อนำมาหยดลงบนสำลี หรือแผ่นมาส์ก ในกรณีที่ผิวรู้สึกว่าขาดน้ำหรือขาดความอิ่มเอิบ

วิธีที่ได้ผลดีและไม่เปลืองเอสเซนส์มากเกินไป คือการใช้แผ่นสำลี หรือแผ่นมาส์ก ชุบในน้ำ (หรือน้ำแร่) แล้วบีบให้หมาด ๆ ก่อนที่จะหยดเอสเซนส์ลงไปให้ชุ่มพอประมาณ  จะช่วยประหยัดมากกว่าการหยดเอสเซนส์ลงบนแผ่นสำลี หรือแผ่นมาส์กที่แห้งสนิท  (แต่ถ้าใครทุนหนา อยากสาดเต็ม ๆ ไปเลยก็สามารถทำได้จ้า)


เอสเซนส์นี้จะเซ็ทตัวแบบดิวอี้ มีความฉ่ำและลื่นผิวเล็กน้อย  คนที่มีผิวค่อนไปทางแห้งหรือขาดความอิ่มฟูน่าจะชอบตัวนี้

Compare

ขอเอามาเทียบกันชัด ๆ อีกทีว่าทั้งสองตัวนี้เซ็ทตัวให้เนื้อผิวดูแตกต่างกันอย่างไร อันนี้แล้วแต่คนชอบอีกเช่นกัน

นอกจากนี้ก็สามารถที่จะมีทั้งสองตัวและเลือกใช้ในแต่ละช่วงของวันที่เราต้องการ อย่างเช่นเลือก KANEBO : ON SKIN ESSENCE V ในตอนกลางวันเพราะเซ็ทตัวแบบกึ่งแมทจะได้ไม่รู้สึกว่าผิวหน้าดูมันวาวจนเกินไป  แล้วใช้ KANEBO : ON SKIN ESSENCE F ในตอนกลางคืนในช่วงที่ผิวเปิดให้มีการแทรกผ่านได้มากกว่าตอนกลางวัน จะได้ช่วยให้ส่วนผสมขนาดเล็กแทรกลงไปบำรุงได้มากขึ้น หรือจะชุบแผ่นมาส์กเพื่ออัดการบำรุงเป็นพิเศษก่อนนอนแบบนี้ก็ได้  หรือใครจะมีวิธีการใช้ยังไงก็ไม่มีผิดหรือถูกครับ  อยากให้มองผลลัพธ์มากกว่า  ถ้าเราใช้วิธีไหนแล้วเรารู้สึกสบายผิว และผิวมีคุณภาพที่ดีขึ้น เราแฮปปี้ ก็ถือว่าโอเคกับเราแล้วครับ

หลังใช้ต่อเนื่องเกิน 4 สัปดาห์

ตัวเครื่อง BA21 AD สามารถตรวจวัดค่าได้อีกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นระดับน้ำมัน ความชุ่มชื้น โทนผิว  การไหลเวียนใต้ผิว  ซึ่งจะช่วยบอกให้เรารู้ว่าเราควรเพิ่มการดูแล และผลการตรวจสภาพผิวของปูเป้หลังจากใช้สกินแคร์ใหม่ของ KANEBO นี้ต่อเนื่องกันเกิน 4 สัปดาห์ ก็พบว่าสภาพผิวออกมาดูดีทีเดียว โดยผิวมีความสมดุลของความชุ่มชื้น และน้ำมันอยู่ในะดับที่ดี ซึ่งส่วนตัวค่อนข้างประทับใจกับผลที่ได้เพราะเรานอนตี 3 หรือ ตี 5 ติดต่อกันมาหลายวันมาก แต่ผิวยังคงไม่ทรุดโทรมอย่างที่ปกติจะเป็น

โดยรวมจึงมองว่า KANEBO I HOPE. – ON. & IN. Skincare System กับแนวคิดสกินแคร์พื้นฐาน 2 ขั้นตอนนี้ นั้นเรียบง่ายแต่ก็ตอบโจทย์ของความต้องการพื้นฐานของผิวได้ดี ถ้าต้องการบำรุงเพิ่มก็เพิ่ม Serum ที่เน้นเรื่องริ้วรอย หรือความกระจ่างใสเข้าไป ควบคู่กับการทาครีมและการนวดกดจุดเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนใต้ผิว

เท่านี้ก็จะได้ผิวที่สุขภาพดีโดยไม่ต้องมีขั้นตอนเยอะหรือยุ่งยาก เหมาะกับช่วงที่เรารู้สึกว่าการต่อสู้ฟันฝ่าของชีวิตในแต่ละวันทำให้เราไม่เหลือพลังมานั่งบำรุง 10 ขั้นตอน