“สำลี” เป็นหนึ่งในอุปกรณ์เสริมความงามที่จำเป็น และใช่ว่าสำลีทุกยี่ห้อจะทำออกมาได้ดีเท่ากัน ยิ่งเราลงทุนกับผลิตภัณฑ์ที่เราใช้กับผิวหน้ามากเท่าไหร่ ก็จำเป็นที่จะต้องลงทุนกับสำลีคุณภาพดีด้วยเช่นกัน
นอกจากคุณภาพ ความบริสุทธิ์ของสำลีแล้ว เราก็ยังต้องคำนึงถึงคุณสมบัติและลักษณะของการใช้งานด้วย เพราะว่าการเช็ดทำความสะอาด การเช็ดบำรุงผิว และการทำมาส์ก ก็ใช้ลักษณะของสำลีที่มีคุณสมบัติแตกต่างกันไป

ตัวที่เราหยิบมาลองใช้คือ Rii Less Toner 52 ซึ่งเป็นสำลีประหยัดโทนเนอร์และยังเคลมว่าไม่เป็นขุยอีกด้วย ก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าจะสู้สำลี MUJI หรือ Unicharm ที่เราชอบได้รึเปล่า

สำลีของแบรนด์นี้ใช้ใยฝ้ายจากอเมริกา (Cotton USA) เป็นวัตถุดิบหลัก และเคลมว่าไม่ใช้สารเคมีในการทำด้วย


ในทางกลับกัน การซึมซับที่น้อยจากความบางในตรงนี้จึงไม่เหมาะที่จะนำไปใช้เพื่อการทำความสะอาดเครื่องสำอางหรือใช้คู่กับพวก Cleansing Water/Lotion เนื่องจากผลิตภัณฑ์ษณะดังกล่าวจำเป็นต้องใช้คู่กับสำลีที่มีการอุ้มหรือดูดซับสูงพอเหมาะเพื่อประสิทธิภาพในการทำความสะอาด


หน้าสัมผัสของสำลีมีการทอที่ทำให้เป็นขุยได้ยาก สามารถตบโลชั่นหรือโทนเนอร์ลงบนผิวซ้ำ ๆ ได้โดยไม่เป็นขุยออกมา จากการใช้มาครึ่งกล่องพบว่าโอกาสเป็นขุยน้อยมาก เว้นแต่จะลากหรือถูแรง ๆ ในวันที่ไม่ได้โกนหนวดอาจจะมีเป็นเส้นใยโผล่ติดมาบ้าง แต่ถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับสำลีทั่วไป
เรามองว่าตัวนี้เหมาะกับการเช็ดโทนเนอร์ เช็ดโลชั่น หรือเช็ด BHA ของป้าพอลล่าเพราะว่าค่อนข้างจะประหยัดทีเดียว แต่สำหรับการตบเอสเซนส์น้ำอย่าง SK-II Facial Treatment Essence ส่วนตัวเรายังชอบ Silcot Puff Uru Uru ของ Unicharm มากกว่า เพราะสามารถอุ้มตัวเอสเซนส์ได้มากกว่าแต่ก็ไม่กินเอสเซนส์เลย ทว่าก็มีราคาแพงกว่า Rii ถึง 4 เท่าตัว และไม่มีจำหน่ายในไทยแล้ว

ส่วนตัวเรามองว่าเป็นสัญญาณที่ดีที่แบรนด์ไทยเริ่มหันมาให้ความสำคัญในการสร้างผลิตภัณฑ์สำลีเกรดพรีเมี่ยมให้เป็นทางเลือกกับผู้บริโภคอย่างเรา ๆ มากขึ้น ส่วนตัวอยากเสนอให้ลองทำสำลีแบบไม่ฟอกสี หรือ Organic ออกมาดูบ้างก็น่าสนใจไม่น้อยเลยล่ะ