ช่วงที่ปูเป้หยุดยาวเมื่อปลายปีที่ผ่านมาก็ได้ฤกษ์ลอง Clinique : Smart Clinical Repair Wrinkle Correcting Serum ซึ่งเป็นเซรั่มเรตินอยด์ลดเลือนริ้วรอยที่ผสมวิตามินเอรูปแบบที่น่าสนใจโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของความเสถียรและความอ่อนโยนที่มากกว่าวิตามินเอรูปแบบอื่น ๆ ในเครื่องสำอาง แต่ยังคงมีประสิทธิภาพที่ดีนั่นเอง

เซรั่ม Clinique : Smart Clinical Repair Wrinkle Correcting Serum ตัวนี้ออกมาตั้งแต่ช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2020 หรือกว่าสองปีมาแล้ว แต่ปูเป้พึ่งมีโอกาสได้ลองเพราะว่าช่วงที่ผ่านมามีงานต้องลองพวกผลิตภัณฑ์ต่อต้านริ้วรอยอยู่ตลอด ตั้งใจว่าถ้ามีช่วงที่ว่างยาว ๆ ก็จะหยิบมาลอง ซึ่งกว่าจะได้ลองเซรั่ม เขาก็ออกผลิตภัณฑ์ใหม่มาเสริมทัพอย่าง Clinique : Smart Clinical Repair Wrinkle Correcting Cream มอยซ์เจอไรเซอร์ทาผิวหน้า และ Clinique : Smart Clinical Repair Wrinkle Correcting Eye Cream บำรุงผิวรอบดวงตามาให้ใช้คู่กัน แต่ตัวหลักก็ยังคงเป็นเซรั่มเท่านั้นที่มีวิตามินเอรูปแบบพิเศษ ส่วนอายครีมนั้นแม้จะไม่มีวิตามินเอ แต่ก็สาดสารบำรุงใส่มาเยอะมากเพื่อสร้างจุดขายให้มีความแตกต่างจากตัวครีมบำรุงผิวหน้านั่นเอง  แต่โดยรวมปูเป้มองว่าตัวหลักก็ยังคงเป็นเซรั่มที่จะนำมารีวิวในวันนี้ครับ

Product’s Formula

Clinique : Smart Clinical Repair Wrinkle Correcting Serum (50ml / 4,150 BAHT , 30ml / 2,950 BAHT , 10ml / 950 BAHT) เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีสารแอคทีฟหลายชนิดตามสไตล์ของเครือนี้ แต่จุดเด่นหลักคือนี่เป็นผลิตภัณฑ์ตัวเดียวของแบรนด์ที่มีส่วนผสมของวิตามินเอในรูป Hydroxypinacolone Retinoate

Hydroxypinacolone Retinoate หรือ HPR เป็นส่วนผสมที่ถูกเคลมในเรื่องการ Resurfaces ให้ผิวดูเรียบเนียน โดยส่วนผสมวิตามินเอรูปแบบใหม่ตัวนี้เปิดตัวสู่วงการเครื่องสำอางมาตั้งแต่ปี 2015 จนมาถึงปัจจจุบันได้เริ่มถูกใช้กันแพร่หลายมากขึ้นและเริ่มมีการศึกษาออกมาให้อ่านกันบ้าง โดยทางศูนย์วิจัยของกลุ่มบริษัท Estee Lauder (เจ้าของ Clinique) ได้นำเสนอข้อมูลในงานประชุมของ JAAD เมื่อปี 2018 โดยระบุว่า HPR นั้นสามารถให้ผลในเรื่องของ Gene Transcription (การถอดรหัส DNA เพื่อผลิต RNA ส่งออกไปสั่งการทำงาน การสร้างโมเลกุลต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อการทำงานของเซลล์) ที่สูงกว่าวิตามินเอรูปแบบอื่น ๆ ที่ใช้ในเครื่องสำอางอย่าง Retinol กับ Retinaldehyde และ Retinyl Palmitate เมื่อเทียบในความเข้มข้นที่เท่ากัน ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลว่า HPR สามารถจับกับรีเซปเตอร์วิตามินเอในเซลล์ได้โดยตรง ไม่ต้องผ่านกระบวนการทางเอนไซม์ในผิวเพื่อเปลี่ยนรูปแบบเหมือนกันวิตามินเอในเครื่องสำอางทั่วไป ส่วนในแง่ของการกระตุ้นโปรคอลลาเจน การทดสอบในหลอดทดลองพบว่า HPR ให้ผลได้คล้ายกับกรดวิตามินเอแต่มีความอ่อนโยนกว่า

HPR ยังมีข้อดีในแง่ที่มีผลข้างเคียงเรื่องการระคายเคืองต่อผิวน้อยกว่า จากข้อมูลที่ชี้ว่า HPR ยังมีพิษต่อเซลล์น้อยกว่าวิตามินเอรูปแบบอื่น ๆ ในเครื่องสำอาง แม้จะใช้ในความเข้มข้นที่สูงกว่า 10 เท่าก็ตาม จึงทำให้ HPR เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่ใช้วิตามินเอในรูปแบบ Retinol กับ Retinaldehyde แล้วเจอเรื่องการระคายเคือง  ข้อจำกัดของ HPR คงจะเป็นเรื่องการมีการศึกษาน้อยกว่าวิตามินเอรูปแบบอื่น  ๆ นี่แหล่ะ

ในแง่ของการทำสูตรเครื่องสำอาง HPR มีข้อมูลที่บ่งชี้ว่าความเสถียรที่สูงกว่าวิตามินเออื่น ๆ อย่างมาก โดยมีความเสถียรคงตัวต่ออุณหภูมิสูงได้นานกว่าแบบสุด ๆ ทำให้กระบวนการผลิตง่ายขึ้น และช่วยให้ผลิตภัณฑ์มีประสิทธิภาพได้ยาวนานในระหว่างการเก็บรักษา แต่ก็ยังถือว่าไม่ค่อยทนต่อแสง จึงยังจำเป็นต้องอยู่ในบรรจุภัณฑ์ที่ปิดสนิท ปกป้องเนื้อผลิตภัณฑ์ไม่ให้โดนแสง ซึ่งขวดแก้วสีม่วงของเซรั่ม Clinique Smart ตัวนี้ก็ช่วยปกป้องวิตามินตัวนี้จากแสงในแบบเดียวกับขวดแก้วสีชานั่นเอง

ส่วนผสมสำหรับในสูตรอื่นที่ถูกพูดถึงก็คือ CL 1870 Laser Focus™ Complex เป็นสารประกอบเชิงซ้อนที่เคลมในเรื่องของการ Repairs หรือการฟื้นบำรุงผิว อันประกอบไปด้วยเปปไทด์และสารสกัดที่ช่วยต้านการระคายเคืองหลายชนิดรวมกัน ได้แก่

Acetyl Hexapeptide- 8 หรือที่รู้จักกันในชื่อ Argireline การศึกษาชี้ว่าเปปไทด์ตัวนี้มีคุณสมบัติในการลดเลือนริ้วรอยและการทำงานที่บล็อคสารสื่อประสาทแบบอ่อน ๆ จึงเคยถูกเคลมว่าเป็น BOTOX ในขวดอยู่สมัยหนึ่ง  การทดสอบในมนุษย์พบว่าเปปไทด์ตัวนี้ช่วยลดริ้วรอยและลดความหยาบกร้านของผิวได้ การทดสอบกับกลุ่มผู้ที่ฉีด BOTOX ก็พบว่าคนที่ฉีดและทาผลิตภัณฑ์ที่มีเปปไทด์ตัวนี้จะช่วยยืดระยะเวลาของผลที่ได้จากการฉีด BOTOX ได้นานขึ้น

Palmitoyl Tripeptide-1 (and) Palmitoyl Tetrapeptide-7 หรือ Matrixyl 3000 ซึ่งเป็นเปปไทด์ที่สายสกินแคร์ต้องคุ้นเคยเป็นอย่างดีเพราะมีใช้มานับสิบปีในผลิตภัณฑ์มากมาย ส่วนผสมตัวนี้มีข้อมูลที่ระบุว่าเน้นไปที่การเสริม Extracellular Matrix (ECM) เช่นพวกคอลลาเจนที่ช่วยลดเลือนริ้วรอยให้ผิวมีความยืดหยุ่นขึ้น

Whey Protein\Lactis Protein\Protéine du Petit-Lait คือส่วนผสมที่มีชื่อว่า MPC™ – Milk Peptide Complex ผู้ผลิตสารเคลมว่าช่วยกระตุ้นการสร้างไฮยาลูโรนิคแอซิดในผิวได้ดีมาก ช่วยลดริ้วรอยและเพิ่มความยืดหยุ่นของผิว

Caffeine มีข้อมูลว่าเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ เสริมการไหลเวียนใต้ผิว เสริมความชุ่มชื้นผิว

Hypnea Musciformis (Algae) Extract เป็นสารสกัดจากสาหร่ายทะเลสีแดงชนิดหนึ่ง เครื่องนี้มักใช้ในผลิตภัณฑ์ที่เน้นการปลอบประโลมผิวหรือใส่มาคู่กับผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของวิตามินเอ เนื่องจากมีข้อมูลบ่งชี้ว่าสารแซคคาไรด์ในสาหร่ายตัวนี้มีคุณสมบัติในการต้านการอักเสบได้

ส่วนผสมของสารบำรุงอื่น ๆในสูตรได้แก่

Sodium Hyaluronate ส่วนผสมให้ความชุ่มชื้นยอดนิยม ทางแบรนด์เคลมเรื่องการ Replumps เสริมความอิ่มเอิบ แต่ไม่ได้ระบุเรื่องความเข้มข้นหรือรายละเอียดเรื่องขนาดโมเลกุลมาด้วย

Ascorbyl Glucoside เป็นอนุพันธ์วิตามินซีที่มีมานานแล้ว เมื่อทาลงไปบนผิว เอนไซม์ α-Glucosidase ที่มีอยู่ในผิวตามธรรมชาติจะทำหน้าที่ในการแยก Ascorbyl Glucoside ออกมาเป็น Ascorbic Acid เพื่อทำหน้าที่ในผิวต่อไป มีงานวิจัยว่า Ascorbyl Glucoside ต้านอนุมูลอิสระ ลดการออกซิเดชั่นของไขมันบนชั้นผิว ลดผลกระทบจากรังสี  UVB และเป็นไวท์เทนนิ่งได้ แม้จะยังมีข้อมูลไม่มากเท่า Ascorbic Acid แต่ก็เป็นรูปแบบที่มีการศึกษาแล้วว่าสามารถดูดซึมและผิวสามารถนำไปใช้ได้จริง ถ้าสนใจอ่านอ้างอิงที่แนบไว้ให้ด้านล่างได้เลย

(Source : Stability studies of ascorbic acid 2-glucoside in cosmetic lotion using surface response methodology.In vitro and in vivo prolonged biological activities of novel vitamin C derivative, 2-O-alpha-D-glucopyranosyl-L-ascorbic acid (AA-2G), in cosmetic fields.Ascorbic acid 2-O-alpha-glucoside-induced redox modulation in human keratinocyte cell line, SCC: mechanisms of photoprotective effect against ul, traviolet light B.Ultrasound enhanced skin-lightening effect of vitamin C and niacinamide.Collagen synthesis in human skin fibroblasts is stimulated by a stable form of ascorbate, 2-O-alpha-D-glucopyranosyl-L-ascorbic acid.Bioavailability and biological activity of L-ascorbic acid 2-O-alpha-glucoside.Comparison of ascorbic acid and ascorbic acid 2-O-alpha-glucoside on the cytotoxicity and bioavailability to low density cultures of fibroblasts.Enhancing effect of 2-O-alpha-D-glucopyranosyl-L-ascorbic acid, a stable ascorbic acid derivative, on collagen synthesis.)

Sigesbeckia Orientalis (St. Paul’S Wort) Extract  มีผู้ผลิตอยู่หลายเจ้า แต่เราเดาว่าน่าจะเป็น Siegesbeckia PH ของ Sederma เพราะเครือนี้ใช้ส่วนผสมจากซัพพลายเออร์เจ้านี้เยอะมาก ผู้ผลิตเคลมว่าช่วยต้านการอักเสบและปกป้องคอลลาเจนจากการถูกทำลายจากเอนไซม์

Helianthus Annuus (Sunflower) Seed Extract (and) Hordeum Vulgare (Barley) Extract\Extrait D’Orge (and) Cucumis Sativus (Cucumber) Fruit Extract  คือส่วนผสมที่มีชื่อว่า Phytofix ซึ่งเป็นส่วนผสมพื้นฐานที่มีในผลิตภัณฑ์สกินแคร์ส่วนใหญ่ของแบรนด์นี้ งเป็นสารสกัดส่วารประกอบของโปรตีนและลิพิดมาเพื่อช่วยเสริมความแข็งแรงของปราการปกป้องผิว

Acetyl Glucosamine ถูกใช้เป็นส่วนผสมเพิ่มความชุ่มชื้นและทางเครือ Estee Lauder ได้ตีพิมพ์การศึกษาของตัวเองพบว่าส่วนผสมนี้ยังช่วยให้ผลเกิดการผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยนด้วย 

Yeast Extract\Faex\Extrait De Levure นี่ไม่แน่ใจว่าเป็นสารสกัดจากที่ไหน เครือนี้เคลมสารสกัดจากยีสต์ในหลายคุณสมบัติ ไม่ว่าจะเป็น Autophagy Activator เพื่อช่วยขจัดของเสียในสิทธิบัตรบางอัน หรือแม้แต่การเป็นตัวเสริมเรื่องการลดเลือนจุดด่างดำ ซึ่งก็มีข้อมูลจากแหล่งอื่นให้พออ้างอิงได้บ้าง

Gelidiella Acerosa Extract เป็นสารสกัดจากสาหร่าย อันนี้ไม่มีข้อมูลเลยว่าใช้ทำอะไรในสูตร แบรนด์ไม่เคลม สิทธิบัตรไม่มี แต่โดยคุณสมับิตทั่วไปสารสกัดจากสาหร่ายเป็นสารให้ความชุ่มชื้นและต้านอนุมูลอิสระได้

สูตรผสมทั้งหมดปราศจากส่วนผสมของน้ำหอม ไม่มีแอลกอฮอล์ชนิดที่ทำให้ผิวแห้ง มีการใส่พวกพิกเมนต์กระจายแสงมานิดหน่อย โดยรวมสูตรส่วนผสมทำออกมาได้ดีตามมาตรฐานของเครือนี้

Ingredients : Water\Aqua\Eau, Dimethicone, Isododecane, Butylene Glycol, Glycerin, Polysilicone-11, Ascorbyl Glucoside, Sodium Hyaluronate, Tocopheryl Acetate, Squalane, Hypnea Musciformis (Algae) Extract, Gelidiella Acerosa Extract, Sigesbeckia Orientalis (St. Paul’S Wort) Extract, Helianthus Annuus (Sunflower) Seed Extract, Hordeum Vulgare (Barley) Extract\Extrait D’Orge, Triticum Vulgare (Wheat) Germ Extract, Cucumis Sativus (Cucumber) Fruit Extract, Caffeine, Acetyl Hexapeptide-8, Palmitoyl Tripeptide-1, Palmitoyl Tetrapeptide-7, Palmitoyl Hexapeptide-12, PEG-10 Dimethicone, Glycyrrhetinic Acid, Whey Protein\Lactis Protein\Protéine Du Petit-Lait, Isohexadecane, Propylene Glycol Dicaprate, Caprylyl Glycol, Hydroxypinacolone Retinoate, Acetyl Glucosamine, Cholesterol, PEG-8, Yeast Extract\Faex\Extrait De Levure, PEG-6, Dimethyl Isosorbide, Glyceryl Polymethacrylate, Polysorbate 20, Sodium Phosphate, Synthetic Fluorphlogopite, Polysorbate 80, Carbomer, Hexylene Glycol, Ammonium Acryloyldimethyltaurate/Vp Copolymer, Acrylamide/Sodium Acryloyldimethyltaurate Copolymer, Potassium Hydroxide, Tin Oxide, Disodium Phosphate, Citric Acid, Disodium EDTA, Sodium Citrate, Phenoxyethanol, Potassium Sorbate, Titanium Dioxide (CI 77891) <ILN49151>

Usage & Result

เนื้อเซรั่มจะเป็นเบสน้ำและซิลิโคนที่ให้ความรู้สึกลื่นว่ากลืนเข้ากับผิวได้ง่าย เซ็ทตัวแบบไม่มันวาว (คล้าย เซรั่ม Even Better Clinical แต่ตัวนี้จะรู้สึกชุ่มชื้นมากกว่านิดนึง

ปริมาณในการใช้คือ 1-2 ปั้ม สำหรับใบหน้าและลำคอ (ส่วนตัวใช้ 2 ปั้ม)  โดยผลิตภัณฑ์ตัวนี้เคลมว่าสามารถใช้ได้ทั้งกลางวัน (ต้องทา sunscreen ควบคู่ไปด้วยตลอด) และ กลางคืน เพราะว่าวิตามินเอในรูป Hydroxypinacolone Retinoate ที่ใช้นั้นอ่อนโยนกว่า Retinol และ Retinaldehyde อย่างมาก

ส่วนตัวปูเป้สามารถใช้ได้ทั้งกลางวันและกลางคืนโดยไม่เกิดปัญหาเรื่องการระคายเคือง ยอมรับเลยว่ามันอ่อนโยนกับผิวกว่า Retinol จริง แต่ว่าผิวของแต่ละคนนั้นตอบสนองต่างกัน ใครที่มีประวัติว่าระคายเคืองง่าย หรือใช้ Retinol แล้วไม่รอด อาจจะลองใช้เซรั่มตัวนี้แบบวันละครั้งในตอนกลางคืน ในปริมาณเพียง 1 ปั้ม  และถ้าผิวสามารถรับได้ก็เพิ่มปริมาณและเพิ่มความถี่ในการใช้ได้

สำหรับผลที่เห็นได้และรู้สึกได้ในการทดลองใช้เกือบ 4 สัปดาห์ สิ่งที่รู้สึกได้ชัดที่สุดคือมันอ่อนโยนกับผิวมากกว่าเซรั่ม Retinol เอามาผสม Bakuchiol ที่ปูเป้ใช้อยู่ก่อนหน้านี้ในตอนกลางคืน

จะเห็นได้ว่ารูปก่อนใช้จะมีโทนแดงและความแห้งเป็นขุยที่แก้มอยู่แม้ว่าจะหยุดใช้ Retinol + Bakuchiol มาแล้วหลายวันก็ตาม (น่าจะมาจากการยัด Retinol เพิ่มมากไปหน่อย จากเดิมที่ใช้แค่ Bakuchiol โดยไม่มีปัญหาระคายเคือง)  แต่เมื่อใช้ Clinique : Smart Clinical Repair Wrinkle Correcting Serum ไปสักพัก การระคายเคือง โทนแดง และความแห้งบนผิวก็น้อยลง

สำหรับเรื่องริ้วรอยนั้น เวลาทำหน้านิ่งปกติอาจจะเห็นได้ไม่ชัด ก็เลยมีการเปรียบเทียบภาพขณะอมยิ้มเพื่อที่จะให้เห็นเส้นริ้วได้ชัดขึ้นมาเปรียบเทียบ  หลังจากการใช้ 26 วัน เส้นริ้วบนผิวโดยรวมเปลี่ยนแปลงไปไม่มาก บางจุดดูเหมือนจะลึกขึ้นแต่ก็น่าจะมาจากการที่ปูเป้อมยิ้มกว้างกว่าเดิม แต่ก็ทำให้เห็นว่าเส้นริ้วบางอันก็สั้นลงทั้งที่อมยิ้มมากขึ้น น่าจะมาจากการที่ผิวมีความอิ่มมากขึ้น และชุ่มชื้นมากกว่าเดิมครับ

Conclusion

โดยสรุปแล้วปูเป้มองว่า Clinique : Smart Clinical Repair Wrinkle Correcting Serum เป็นอีกทางเลือกสำหรับคนที่มองหาเซรั่มเพื่อช่วยชะลอและช่วยลดเลือนริ้วรอย โดยเฉพาะคนที่สนใจอยากได้ประโยชน์จากสารกลุ่มวิตามินเอ แต่เคยลองใช้วิตามินเอในรูป Retinol กับ Retinaldehyde แล้วเจอเรื่องการระคายเคือง หรือเป็นมือใหม่ไม่เคยใช้วิตามินเอมาก่อน ก็มาลอง Hydroxypinacolone Retinoate ในเซรั่มตัวนี้ดูได้  จากประสบการณ์ของปูเป้เองอาจจะไม่สามารถบอกได้ว่าเรื่องการต่อต้านริ้วรอยนั้นดีกว่าหรือไม่ แต่มันอ่อนโยนกับผิวมากกว่า และใช้ง่ายกว่าจริง ๆ

นอกเหนือจากวิตามินเอรูปแบบใหม่ที่ใช้ง่ายกว่า เซรั่มตัวนี้ก็ยังอัดแน่นไปด้วยสารบำรุงที่น่าสนใจทั้งเปปไทด์ วิตามิน สารสกัดจากพืช ที่ช่วยต่อต้านร้านริ้วรอย ลดการระคายเคือง ต้านอนุมูลอิสระ เสริมความแข็งแรงและความชุ่มชื้นของผิว  โดยรวมถือว่าทำสูตรมาค่อนข้างดีทีเดียว

คำแนะนำส่วนตัวของปูเป้คือ สำหรับคนที่อายุ 30+ ที่ผิวเริ่มแห้งหรือขาดน้ำได้ง่ายกว่าช่วงวัยรุ่น หรือคนที่ผิวแห้งโดยธรรมชาติ  ให้ลงมอยซ์เจอไรเซอร์เนื้อฉ่ำ ๆ ชุ่มชื้นสูงๆ ตามจะเวิร์คมาก ๆ เพราะเนื้อเซรั่มจะช่วยเซ็ทตัวให้มอยซ์เจอไรเซอร์ที่ลงทับลงไปดูมันวาวหรือเหนอะหนะน้อยลงด้วย

สำหรับคำถามว่า “จะแพ้มั้ย” “ใช้แล้วอุดตันรึเปล่า?” เป็นคำตอบที่ปูเป้บอกไม่ได้ครับ อาการแพ้เป็นสิ่งที่แตกต่างกันไปในทุก ๆ คน สำหรับการอุดตันนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลผิวโดยรวมของแต่ละคนเอง นอกจากนี้คนเรายังไวต่อการอุดตันของสารแต่ละตัวไม่เหมือนกันด้วย ดังนั้นก่อนจะซื้อผลิตภัณฑ์ใด ๆ ก็ตาม ควรทดสอบและทดลองใช้ก่อนทุกครั้ง

***Sponsored Item***

Clinique : Smart Clinical Repair Wrinkle Correcting Serum
Price : 50ml / 4,150 BAHT , 30ml / 2,950 BAHT , 10ml / 950 BAHT
Skin Type : All Skin Type
Outstanding : Anti-Aging / Anti-Inflammation / Antioxidant /

Clinique : Smart Clinical Repair Wrinkle Correcting Serum
FORMULA
GENTLENESS
SENSORY
RESULT
PUPE LOVE IT
PROS
  • วิตามินเอ HPR อ่อนโยนกว่าเรตินอลจริง ๆ
  • คอกเทลเปปไทด์ วิตามิน สารสกัดสารพัดชนิด ช่วยดูแลผิวให้หลายมิติ
  • บรรจุภัณฑ์ช่วยปกป้องส่วนผสมได้เป็นอย่างดี เนื้อสัมผัสไม่เหนอะหนะ ใช้ได้กับทุกสภาพผิว
4.0Overall Score

Related Posts