เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมาทางผู้นำเข้าแบรนด์ Real Barrier ส่งผลิตภัณฑ์กล่องใหญ่มาให้ถึงบ้าน ต้องบอกว่าเราคุ้นเคยกับบริษัทและเทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลังมานานแล้ว (และเคยให้ Favorite ไปเมื่อหลายปีก่อน) แต่ก็พึ่งมีโอกาสได้ลองตัวแบรนด์ Real Barrier ที่เข้าถึงผู้ใช้ที่กลุ่มใหญ่ขึ้นด้วยรูปลักษณ์และเนื้อสัมผัสที่ใช้ง่ายยิ่งขึ้น

สำหรับใครที่ยังไม่รู้จักแบรนด์ Real Barrier ก็ต้องขอเกริ่นก่อนว่าเขามาจากเกาหลีภายใต้บริษัท NeoPharm ซึ่งเป็นผู้คิดค้นและจดสิทธิบัตรเทคโนโลยี Multi-Lamellar Emulsion หรือ MLE ซึ่งปูเป้เคยรีวิวผลิตภัณฑ์แบรนด์หนึ่งของเขาเมื่อ 10 ปีก่อน ในชื่อ Dr MLE ซึ่งไปไม่รอดเนื่องจากมาเร็วและล้ำเกินความเข้าใจของตลาดบ้านเราในตอนนั้น เนื่องจากผู้บริโภคพึ่งมาตระหนักและให้ความสำคัญกับเรื่องปราการปกป้องผิว (Skin Barrier) และความแข็งแรงของผิว ในช่วงไม่กี่ปีมานี้เอง

เทคโนโลยี Multi-Lamellar Emulsion หรือ MLE ของบริษัท NeoPharm นั้นเป็นการใช้ส่วนผสมของสาร Myristoyl/Palmitoyl Oxostearamide/Arachamide MEA ซึ่งเป็น Pseudoceramide หรือเซราไมด์สังเคราะห์ที่เลียนแบบคล้ายกับที่มีอยู่ในผิวตามธรรมชาติ ผสมรวมเข้ากับน้ำมัน หรือ กรดไขมัน กับ อิมัลซิไฟเออร์ ในสัดส่วนเฉพาะที่เฉพาะเจาะจงตามที่จดสิทธิบัตรเอาไว้ ผลที่ได้ก็คือเนื้อผลิตภัณฑ์ที่เมื่อส่องผ่านกล้องขยายแบบพิเศษแล้วจะพบว่ามีโครงสร้างคล้ายคลึงกับโครงสร้างของชั้นไขมันปกป้องผิวชั้นนอกตามธรรมชาติของมนุษย์นั่นเอง

มีการตีพิมพ์ผลการศึกษาว่าเทคโนโลยี MLE นี้สามารถกางตัวเป็นเสมือนปราการปกป้องผิวในทันที และชดเชยทดแทนชั้นไขมันปกป้องผิวตามธรรมชาติได้ ช่วยเสริมความแข็งแรงของชั้นปราการปกป้องผิว ลดการระคายเคือง สามารถใช้เพื่อลดผลกระทบของการใช้ยาสเตียรอยด์ที่ทำให้ปราการผิวอ่อนแอได้ ลดความรุนแรงของโรคผื่นผิวหนังอักเสบอย่าง Atopic Dermatitis ได้ ยังมีการเปรียบเทียบประสิทธิภาพกับแบรนด์ชั้นนำอื่นด้วยว่ามีประสิทธิภาพในการเสริมความแข็งแรงของผิวที่มากกว่า (แต่ด้วยจรรยาบรรณของการทำงาน เราไม่ขอกล่าวถึงในรายละเอียด ไปอ่านในงานวิจัยในอ้างอิงกันเองละกัน)

สรุปง่าย อ่ะว่าเทคโนโลยี Multi-Lamellar Emulsion หรือ MLE ที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ Real Barrier คือเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่ได้รับการยอมรับแล้วว่ามีประสิทธิภาพจริงในเรื่องการคืนความแข็งแรงให้กับผิว และส่วนตัวคือต้องยอมรับด้วยว่าเขาพัฒนาเนื้อสัมผัสให้ใช้ได้ค่อนข้างง่าย และมีทางเลือกให้ใช้กับสภาพผิวที่หลากหลายมากขึ้นอีกด้วย

(Source : Pseudoceramides, and dermatologic external preparations containing the same, Multi-lamellar emulsion(mle) for stabilizing dermatologically useful ingredients and external base preparations for general skin diseases utilizing the same,  The clinical efficacy of a multi-lamellar emulsion containing pseudoceramide in childhood atopic dermatitis: an open crossover study, Preventive Effects of Multi-Lamellar Emulsion on Low Potency Topical Steroid Induced Local Adverse Effect, The Characterization of Molecular Organization of Multilamellar Emulsions Containing Pseudoceramide and Type III Synthetic Ceramide. , Comparison of the Efficacy of Atopalm® Multi-Lamellar Emulsion Cream and Physiogel® Intensive Cream in Improving Epidermal Permeability Barrier in Sensitive Skin)


วันนี้จะขอมา Preview ผลิตภัณฑ์บางส่วนที่ได้ลองเปิดใช้ดู ยังไม่ถึงกับรีวิวเต็มรูปแบบเพราะว่ายังใช้เวลากับมันไม่นานพอ แต่เรื่องความเลิศของการเสริมความแข็งแรงผิวอ่ะ เรามั่นใจในเทคโนโลยี MLE มานานแล้ว

Real Barrier : Extreme Cream (50ml / 1,250 BAHT) เป็นเนื้อสัมผัสแบบที่เราคุ้นเคยกับเทคโนโลยี MLE คือมีเนื้อที่เข้มข้น แต่ทาไปแล้วเคลือบเป็นชั้นปกป้องผิวที่มีประสิทธิภาพ แต่ไม่เหนียว ไม่หนึบ ไม่มันวาว 

นอกจากพวกสารเซราไมด์สังเคราะห์ น้ำมันจากพืช และกรดไขมันที่จำเป็นกับการเสริมความแข็งแรงของผิวแล้ว ในสูตรก็ยังมีสารกลุ่มเปปไทด์อย่าง Acetyl Dipeptide-1 Cetyl Ester และที่สกัดได้จากใบบัวบกอย่าง Madecassoside ที่ช่วยลดการระคายเคืองและการอักเสบของผิว และมีสารให้ความชุ่มชื้นอีกด้วย

ผลิตภัณฑ์มีส่วนผสมของน้ำมันหอมระเหยเพื่อแต่งกลิ่น ซึ่งเป็นความเสี่ยงอาจก่ออาการระคายเคืองหรือแพ้ในคนที่ไวต่อส่วนผสมที่ให้กลิ่นหอมได้ แต่ถ้าไม่มีปัญหากับพวกนี้ก็ถือว่าโอเค โครงสร้างสูตรผลิตภัณฑ์ MLE แบบคลาสสิคของ NeoPharm จะเป็นแบบนี้

Ingredients : WATER, BUTYLENE GLYCOL, CAPRYLIC/CAPRIC TRIGLYCERIDE, GLYCERIN, CETEARYL ALCOHOL, PROPANEDIOL, PANTHENOL, STEARIC ACID, GLYCERYL STEARATE, POLYGLYCERYL-10 DISTEARATE, 1,2-HEXANEDIOL, DIMETHICONE, SORBITAN STEARATE, OLEA EUROPAEA (OLIVE) FRUIT OIL, HYDROGENATED VEGETABLE OIL, MYRISTOYL/PALMITOYL OXOSTEARAMIDE/ARACHAMIDE MEA, PHYTOSTEROLS, TOCOPHERYL ACETATE, CARBOMER, CAPRYLYL GLYCOL, SORBITAN LAURATE, VISCUM ALBUM (MISTLETOE) FRUITEXTRACT, DIHYDROXYISOPROPYLPALMOYLPALMAMIDE, ALLANTOIN, HYDROXYETHYLCELLULOSE, BIOSACCHARIDE GUM-1, ACETYL DIPEPTIDE-1 CETYL ESTER, SODIUM HYALURONATE, MADECASSOSIDE, CITRUS AURANTIUM DULCIS(ORANGE) OIL, LAVANDULA ANGUSTIFOLIA(LAVENDER) OIL, GLYCERYL CAPRYLATE, SODIUM LEVULINATE, SODIUM ANISATE, VETIVERIA ZIZANOIDES ROOT OIL

Real Barrier : Aqua Soothing Gel Cream (50ml / 990 BAHT) อันนี้เป็นเนื้อสัมผัสที่ใช้ง่ายขึ้น คือในขณะที่เป็นเทคโนโลยี MLE เหมือนกัน แต่โครงสร้างสูตรจะทันสมัยกว่า คือจะไม่ได้มีแค่ Pseudoceramide สิทธิบัตรเฉพาะของเขาแล้ว แต่จะมีการใช้สารกลุ่มเซราไมด์อื่น มาผสมร่วม และมีสารต้านการอักเสบหลากชนิด และสารให้ความชุ่มชื้นที่หลากหลายกว่า

Ingredients : CENTELLA ASIATICA LEAF WATER, CYCLOPENTASILOXANE, GLYCERYL GLUCOSIDE, CAPRYLIC/CAPRIC TRIGLYCERIDE, WATER, GLYCERIN, 1,2-HEXANEDIOL, CARBOMER, ARGININE, ERYTHRITOL, DIMETHICONE, CAPRYLYL GLYCOL, GLUCOSE, SODIUM PHYTATE, GLYCERYL ACRYLATE/ACRYLIC ACIDCOPOLYMER, XANTHAN GUM, MACADAMIA TERNIFOLIA SEED OIL, PROPANEDIOL, C30-45 ALKYL CETEARYLDIMETHICONE CROSSPOLYMER, SODIUM HYALURONATECROSSPOLYMER, CITRUS AURANTIUM BERGAMIA(BERGAMOT) FRUIT OIL, THYMUS MASTICHINA FLOWER OIL, BRASSICA CAMPESTRIS (RAPESEED)STEROLS, CHOLESTEROL, HYDROLYZEDGLYCOSAMINOGLYCANS, HYDROGENATED LECITHIN, XYLITOL, SODIUM HYALURONATE, LITSEA CUBEBA FRUIT OIL, PANTHENOL, BENZYL GLYCOL, MADECASSOSIDE, DIPOTASSIUM GLYCYRRHIZATE, HYDROLYZED HYALURONIC ACID, BETA-GLUCAN, ALLANTOIN, CERAMIDE 3, ASIATICOSIDE, ETHYLHEXYLGLYCERIN, MADECASSIC ACID, ASIATIC ACID, MYRISTOYL/PALMITOYL OXOSTEARAMIDE/ARACHAMIDE MEA, SORBITAN STEARATE, CETEARYL ALCOHOL, GLYCERYL STEARATE, HYALURONIC ACID, PHYTOSTEROLS, RASPBERRY KETONE, STEARIC ACID

โดยรวมสิ่งที่แตกต่างของสองเนื้อสัมผัสนี้ คือ Real Barrier : Aqua Soothing Gel Cream จะมีเนื้อที่เบาชุ่มฉ่ำและมอบความรู้สึกเย็นสดชื่นมากกว่า เหมาะกับคนที่มีผิวมัน ผิวผสม หรืออยู่ในเขตอากาศร้อน หรือไปเจอแดดมาผิวมีความรู้สึกแสบร้อน ก็ใช้ตัวนี้จะเหมาะกว่าการทาครีมที่เนื้อหนัก แต่ถ้าผิวมีปัญหาเรื่องปราการปกป้องผิวที่พังมาก ต้องการการปกป้องแบบขั้นสุด หรือมีผิวแห้ง หรือไปอยู่ในที่อากาศแห้ง อาจจะต้องพิจารณา Real Barrier : Extreme Cream ที่มีความเหมาะสมในหน้าที่ตรงนี้มากกว่าครับ

 

สำหรับผลิตภัณฑ์อื่น ปูเป้ยังไม่ได้ทดลองอะไรเท่าไหร่  ได้ลองพ่นสเปรย์ Real Barrier : Essence Mist (100ml / 690 BAHT) ไปนิดนึง คือจะเน้นไปที่การเสริมความชุ่มชื้นในระหว่างวัน หรือใช้พ่นก่อนลงเซรั่มแทนโการใช้โทนเนอร์ (จะได้ไม่ต้องใช้สำลีเช็ดผิว) ก็ให้ความชุ่มชื้นดีนะครับ แต่ส่วนตัวรู้สึกว่าหัวสเปรย์มันไม่ค่อยเป็นฝอยละเอียดมากเท่าไหร่ คือมีความพุ่งใส่หน้า ความหน้าเปียกอยู่บ้าง ซึ่งถ้าใช้ในขั้นตอนการบำรุงผิวก็จะไม่เป็นไร แต่ถ้าพ่นเติมระหว่างวันและมีการใช้เมคอัพด้วยอาจจะมีปัญหาตรงนี้

ส่วน Real Barrier : Aqua Soothing Ampoule (30ml / 790 BAHT) คือเน้นส่วนผสมของสารกลุ่ม Hyaluronic Acid หลายรูปแบบที่มีขนาดต่างกัน และใช้ได้กับทุกสภาพผิว เป็นตัวเน้นเติมน้ำเติมความอิ่มเอิบให้ผิว ก่อนจะเก็บเคลือบล็อคด้วยครีมหรือเจลครีมครับ  ข้อมูลเพิ่มเติมเล็กน้อยคือมีคนเคยมาคอมเมนต์ว่าที่ขายในไทยคนละสูตรกับที่เกาหลีและคนละขนาดกัน ทางผู้นำเข้าในไทยระบุว่าที่ขายอยู่ในไทยปัจจุบันคือสูตรล่าสุดแบบเกาหลีแล้วครับ ซึ่งส่วนตัวก็เชื่อว่าเป็นแบบนั้นเนื่องจากในแง่ของ Economy of Scale แล้ว ถ้าเขาจะทำสูตรขึ้นมาขายแยกเฉพาะตลาดไทยอย่างเดียวจะยิ่งทำให้ต้นทุนสูงขึ้นเปล่า ครับ

ผลิตภัณฑ์ Real Barrier มีจำหน่ายตาม Watsons  / Beautrium / Tops / KONVY ทั้งทางหน้าร้านและช่องทางออนไลน์ ทางเวปไซต์ของผู้นำเข้าอย่าง www.ideamatter.co.th ครับ ถ้ามีโอกาสได้ลองตัวอื่นยังไงจะมาทยอยอัพเดทกันในเฟสบุ๊ค หรือช่องทางโซเชียลอื่น หรืออาจจะเจอกันอีกทีตอน #PuPeFav2020 กันเลยก็ได้ ใครจะไปรู้

Related Posts